psychoanalytic-theory-understanding-consumer-behavior

Psychoanalytic Theory เข้าใจจิตวิทยาเบื้องหลังพฤติกรรมผู้บริโภค

Psychoanalytic Theory เป็นทฤษฎีทฤษฎีจิตวิเคราะห์ชื่อดังของฟรอยด์ที่อธิบายถึงแรงจูงใจ ความปรารถนา และความขัดแย้งในจิตใต้สำนึกของมนุษย์ ซึ่งมีบทบาทสำคัญต่อพฤติกรรมการซื้อสินค้า ซึ่งนักการตลาดสามารถนำแนวคิดนี้มาประยุกต์ใช้เพื่อทำความเข้าใจลูกค้าในระดับลึกถึงจิตใจ เพื่อช่วยวางกลยุทธ์การตลาดจีบลูกค้า เพิ่มโอกาสในการซื้อ และสร้างความเชื่อมโยงทางอารมณ์กับลูกค้ามากขึ้น

AI image generated by Shutterstock (Prompt : Shadow of a human head, an iceberg with ice underwater in the shadow, Ice underwater is more than above water, mysterious of human mind)

ในบทความนี้ ผู้เขียนจะพาคุณผู้อ่านไปทำความรู้จักกับทฤษฎีจิตวิเคราะห์ในมุมมองที่เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมผู้บริโภค พร้อมตัวอย่างการใช้งานจากแบรนด์ดังที่ประสบความสำเร็จ ถ้าพร้อมแล้ว ไปสำรวจจิตใจของลูกค้ากันเลย!

Psychoanalytic Theory คืออะไร?

psychoanalytic-theory-understanding-consumer-behavior
Sigmund Freud (ที่มา psychologs)

ทฤษฎีจิตวิเคราะห์ที่เกี่ยวกับพฤติกรรมผู้บริโภค คิดค้นโดย ซิกมันด์ ฟรอยด์ (Sigmund Freud) นักจิตวิทยาชาวออสเตรีย ผู้ได้รับการยกย่องเป็นบิดาแห่งจิตวิเคราะห์ ได้อธิบายว่า ทฤษฎีนี้จะช่วยให้เราเข้าใจว่า ลูกค้าตัดสินใจซื้อของชิ้นนั้นชิ้นนี้ด้วยเหตุผลอะไร? เขามีแรงจูงใจ (Unconscious motivations) ความปรารถนา (Desires) และความขัดแย้ง (Conflicts) ในจิตใจอะไรที่ผลักดันให้เขาตัดสินใจเช่นนี้

psychoanalytic-theory-understanding-consumer-behavior
ที่มา peachyessay

ทฤษฎีนี้ชี้ให้เห็นว่า การตัดสินใจซื้อของลูกค้าไม่ได้พึ่งพาเหตุผลเพียงอย่างเดียว แต่ยังได้รับอิทธิพลจากความต้องการภายในจิตใจ ประสบการณ์วัยเด็ก และปัจจัยทางอารมณ์อีกด้วย ซึ่งเบื้องลึกที่ซับซ้อนเหล่านี้ เป็นตัวกำหนดพฤติกรรมที่แสดงออกมาของลูกค้า เพื่อทำความเข้าใจพฤติกรรมของผู้บริโภคผ่านมุมมองของฟรอยด์ เราไปสำรวจองค์ประกอบสำคัญของทฤษฎีของเขากันต่อกัน

องค์ประกอบสำคัญของ Psychoanalytic Theory

ทฤษฎีจิตวิเคราะห์ของฟรอยด์โดยส่วนใหญ่แล้วจะประกอบด้วย 3 องค์ประกอบสำคัญ ได้แก่ Id, Ego และ Superego แต่ในบางแหล่งข้อมูลก็เพิ่ม Unconscious Desires ขึ้นมาอีกหนึ่งองค์ประกอบ ผู้เขียนจึงใส่เพิ่มเติมมาด้วยเพื่อความเข้าใจที่มากขึ้น โดยแต่ละองค์ประกอบมีรายละเอียดดังต่อไปนี้

psychoanalytic-theory-understanding-consumer-behavior
ที่มา medium

1. Id – Instinct สัญชาตญาณแสวงหาความสุขในทันที

Id (อิด) เป็นตัวแทนของสัญชาตญาณ หรือ ความปรารถนาพื้นฐานของมนุษย์ ทำงานบนหลักการแห่งความสุขนิยม โดยแสวงหาความสุขทันทีโดยไม่คำนึงถึงผลลัพธ์ที่ตามมาและหลีกเลี่ยงความเจ็บปวดหรือความรู้สึกด้านลบต่าง ๆ ซึ่งในบริบทของพฤติกรรมผู้บริโภค อิดจะผลักดันให้คนซื้อของตามอารมณ์และตามใจตัวเอง (Impulsive purchases)

ตัวอย่าง Axe Body Spray

สเปรย์ฉีดตัว Axe ที่มีลูกค้ากลุ่ม Target เป็นผู้ชาย โดยแบรนด์ใช้ความปรารถนาที่อยากเป็นบุคคลที่น่าดึงดูด มีเสน่ห์ ใคร ๆ ก็อยากเข้าหาใกล้ชิดโดยเฉพาะผู้หญิงเป็นแกนหลักในแคมเปญโฆษณา ซึ่งแสดงให้เห็นว่าแบรนด์อาศัยสัญชาตญาณธรรมชาติของมนุษย์ (ผู้ชาย) ในการสื่อสารไปยังกลุ่ม Target ของตัวเอง

2. Ego – Reality อยู่กับความเป็นจริง

อีโก้เป็นตัวแทนของหลักความเป็นจริง ทำหน้าที่เป็นตัวกลางสร้างสมดุลระหว่างอิดและซูเปอร์อีโก้ โดยพิจารณาผลของการกระทำ Action = Reaction ซึ่งในบริบทของพฤติกรรมผู้บริโภคอีโก้ช่วยให้ลูกค้าตัดสินใจซื้ออย่างมีเหตุผลและประเมินการใช้งานได้จริงของสินค้าก่อนซื้อมากขึ้น

ตัวอย่าง Nike

สโลแกน ‘Just do it’ ของ Nike สะท้อนถึงการอยู่กับความเป็นของจริง เพราะแบรนด์เชื่อว่า ความสำเร็จเกิดจากการลงมือทำ แบรนด์จึงนำเสนอเรื่องราวของนักกีฬาและความสำเร็จของพวกเขาผ่านโฆษณา เพื่อเป็นแรงบันดาลใจให้คนเปลี่ยนความปรารถนา ความฝัน เป็นการลงมือทำ และสำเร็จในความเป็นจริงได้

3. Superego – Morality มีคุณธรรม ไม่ขัดกับความดีงาม

ซูเปอร์อีโก้เป็นตัวแทนของคุณธรรม ศีลธรรม จิตสำนึกของเรา โดยชี้นำให้เราตัดสินใจในแบบที่สอดคล้องกับค่านิยมในสังคม สังคมว่าดี เราก็ว่าดีด้วย ซึ่งในบริบทของพฤติกรรมผู้บริโภคซูเปอร์อีโก้มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจซื้อโดยพิจารณาจากคุณธรรม ศีลธรรม หรือความคาดหวังของสังคม

ตัวอย่าง Surf Excel

โฆษณาของ Surf Excel แบรนด์ผลิตภัณฑ์ผงซักฟอก มักจะมีภาพเด็ก ๆ ทำเสื้อผ้าเปื้อนตลอด แต่รอยเปื้อนนั้นพวกเขาได้มาจากการทำความดี ซึ่งเป็น Concept ที่สอดคล้องกับซูเปอร์อีโก้ที่เน้นย้ำถึงคุณธรรมและความดีนั่นเอง

4. Unconscious Desires ความปรารถนาที่ไม่อาจรู้ตัวจากจิตใต้สำนึก

พฤติกรรมของมนุษย์ส่วนใหญ่ได้รับอิทธิพลจากความปรารถนาที่ไม่อาจรู้ตัว พลังที่ซ่อนอยู่นี้อาจปรากฏออกมาผ่านการตัดสินใจเลือกสินค้าของลูกค้า ตัวอย่างเช่น หากเด็กคนหนึ่งมีความทรงจำไม่ดีเกี่ยวกับแบรนด์ในวัยเด็ก เขาอาจหลีกเลี่ยงแบรนด์นั้นในอนาคตโดยไม่รู้ตัว เป็นต้น

ตัวอย่าง Coca-Cola

แคมเปญโฆษณา ‘Share a Coke’ ของ Coca-Cola ที่พิมพ์ชื่อคนบนขวด Coca-Cola ซึ่งนอกจากแคมเปญนี้จะออกแบบมาเพื่อกระตุ้นให้คนแบ่งปันเครื่องดื่มกับผู้อื่นและเชื่อมโยงแบรนด์กับอารมณ์เชิงบวก เช่น มิตรภาพและความสัมพันธ์แล้ว

แต่หากมองในอีกแง่ตาม Unconscious Desires ส่วนตัวผู้เขียนคิดว่า แคมเปญนี้ยังสนองความปรารถนาที่อยากมีตัวตนของมนุษย์ อยากสร้างความประทับใจ อยู่เป็นกลุ่ม กลัวความโดดเดี่ยว และถูกลืมจากผู้อื่นอีกด้วย

การประยุกต์ใช้ทฤษฎีจิตวิเคราะห์ของฟรอยด์

เมื่อเข้าใจทฤษฎีจิตวิเคราะห์ของฟรอยด์แล้ว เราสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในทางการตลาดอย่างไรได้บ้าง?

1. Unconscious Motivations แรงจูงใจที่ไม่รู้ตัว

การที่เราเข้าใจหนึ่งในองค์ประกอบของ Psychoanalytic Theory ที่ว่า ลูกค้าและมนุษย์ส่วนใหญ่ตัดสินใจซื้อจากความปรารถนาที่ไม่รู้ตัว ดังนั้นเราจึงสามารถใช้ประโยชน์จากสิ่งดังกล่าวในการผลิตโฆษณาต่าง ๆ ที่ดึงดูดความปรารถนาส่วนลึกในฐานะมนุษย์ให้เกิดความรู้สึกต้องการสินค้าของแบรนด์ได้

2. Brand Associations การเชื่อมโยงแบรนด์

ทุก Touchpoint ที่ลูกค้าได้สัมผัสจากแบรนด์นั้น สร้างความเชื่อมโยงทางอารมณ์ระหว่างแบรนด์กับลูกค้า ดังนั้นเราสามารถหาวิธีการสร้างประสบการณ์และให้แบรนด์เข้าถึงในระดับจิตใต้สำนึกของลูกค้าได้อย่างเนียน ๆ

3. Impulse Buying การซื้อแบบฉับพลัน

Id สัญชาตญาณที่ต้องการความสุขในทันทีอาจนำไปสู่การซื้อแบบฉับพลัน เมื่อรู้เช่นนี้เราสามารถหา Tactic ปัง ๆ กระตุ้นให้เกิดการซื้อได้ เช่น ข้อเสนอจำกัดเวลา (Limited-time offers) เป็นต้น แต่อย่างไรก็ตามก็ต้อง Customize ข้อเสนอให้ตรงความต้องการของลูกค้าคน ๆ นั้น ก็จะทำให้มีโอกาสเพิ่มการซื้อได้มากขึ้น

สรุป

ก็จบกันไปแล้วกับการทำความเข้าใจ Psychoanalytic Theory ทฤษฎีที่ช่วยให้นักการตลาดเข้าใจแรงจูงใจ ความปรารถนา และปัจจัยในจิตใต้สำนึกที่ผลักดันพฤติกรรมการซื้อของลูกค้า โดยมีองค์ประกอบสำคัญอย่าง Id, Ego, Superego และ Unconscious Desires ที่เราสามารถนำไปวิเคราะห์และสร้างกลยุทธ์การตลาดให้ตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าแต่ละแบบได้

หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้คุณผู้อ่านเข้าใจทฤษฎีจิตวิเคราะห์มากขึ้น และเป็นจุดตั้งต้นที่ดีที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้กันต่อได้เพื่อดึงดูดใจลูกค้าให้ได้ผลยิ่งขึ้น

สำหรับใครที่สนใจอ่านบทความอื่นๆ หรือ ต้องการอัปเดตความรู้การตลาดเพิ่มเติม สามารถติดตามได้ที่ช่องทาง Website, Facebook, Instagram, Twitter, YouTube และ Tiktok ของการตลาดวันละตอนตามนี้ได้เลย

บทความที่แนะนำให้อ่านเพิ่มเติม

Sources

themba.institute

medium

bmediagroup

นิวส์ Introverted Learner คนหนึ่งที่สนใจ Marketing หลงรักในศิลปะ งานสร้างสรรค์ เสียงเพลง และความสงบ ทุกบทความเขียนด้วยความตั้งใจที่อยากจะถ่ายทอด Input ที่ได้เรียนรู้ สู่ Output ที่เป็นประโยชน์กับผู้อ่านทุกคนค่ะ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *