Adventurer

Brand Democracy แบรนด์ Patagonia ยื่นฟ้อง Trump เพราะหั่นป่าสงวนแห่งชาติ

18/10/2020

ในยุคที่แบรนด์กลายเป็นส่วนหนึ่งของการเมืองอย่างเลี่ยงไม่ได้ นั่นคือสิ่งที่เรียกว่า Brand Democracy ที่ผู้คนในสังคมทุกวันนี้รู้สึกว่าภาคธุรกิจไม่อาจเอาแต่ขายของโดยไม่ใยดีกับสิ่งที่กำลังเป็นประเด็นในสังคมได้อีกต่อไป เพราะถ้าแบรนด์ใดเมินเฉยก็จะถูกคนติดป้ายว่าเป็น Ignorant หรือพวกไม่ใยดีกับสังคมโดยเฉพาะในประเด็นที่พวกเขาสนใจ จนทำให้เกิดทัวร์ลงได้ง่ายๆ พาลทำให้แบรนด์ที่พยายามสร้างมานานนับสิบปีด้วยงบการตลาดนับไม่ถ้วนหายวับไปกับตา วันนี้เลยจะพามาดูอีกหนึ่งเคสแคมเปญการตลาดที่ของแบรนด์ Patagonia ที่ไม่ต้องรอให้ใครมาบอกว่าพวกเขาต้องวางตัวอย่างไรกับประเด็นในสังคม แต่แบรนด์นี้เลือกที่จะเป็นผู้นำในการนำพาผู้คนที่มีจุดยืนร่วมกันในเรื่องนี้ มาร่วมกันแสดงพลังให้สังคมรับรู้ถึงปัญหาเมื่อครั้งหนึ่งประธานาธิบดีอย่าง Donald Trump ประกาศเปิดพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติสองแห่งให้เอกชนหรือคนที่สนใจเข้ามาลงทุน ด้วยแคมเปญการตลาดที่ชื่อว่า The President Stole Your Land The President Stole Your Land เปลี่ยนหน้าแรกของเว็บขายของเอามาประจาน Trump แทน เมื่อประธานธิบดีสหรัฐอย่าง Donald Trump ประกาศผ่านสื่อต่างๆ ว่าเขาจะทำการหั่นพื้นที่ป่าสำคัญแห่งชาติสองแห่งออกไปให้นักลงทุนเข้ามาพัฒนาพื้นที่แทน ถ้าพูดภาษาบ้านๆ ก็คือเปิดป่าสงวนขายเอาเงินเข้ารัฐให้นักลงทุนเข้ามาตัดไม้ทำลายต้นน้ำด้วยการสร้างโน่นนี่นั่นมากมายนั่นเอง Patagonia เลยยอมไม่ได้เพราะถ้าป่าไม้ธรรมชาติหายไปนั่นย่อมกระทบทั้งธุรกิจการขายเสื้อผ้าและสินค้าสำหรับการเดินป่าชมธรรมชาติ ไปจนถึงไปสั่นคลอนอุดมการณ์ความเชื่อในเรื่องของการที่เราต้องอนุรักษ์ธรรมชาติไว้ให้มากที่สุด Patagonia จึงเปลี่ยนหน้าแรกของเว็บไซต์ของตัวเอง จากเดิมที่เอาไว้สำหรับให้ข้อมูลสินค้าที่ตัวเองมี และเอาไว้ขายของออนไลน์ พวกเขาเปลี่ยนหน้าแรกของเว็บให้กลายเป็นการให้ข้อมูลกับกลุ่มลูกค้าและไปถึงกลุ่มคนที่ห่วงใยในประเด็นที่ Trump เปิดป่าสำคัญสองแห่งให้นักลงทุนนี้ได้มารับรู้ข่าวสารและแง่มุมต่างๆ มากขึ้น ตั้งแต่พื้นที่ธรรมชาติสองแห่งนี้ที่ Trump กำลังจะแบ่งขายให้นักลงทุนนั้นสวยงามและสำคัญต่อธรรมชาติอย่างไร ไปจนถึงพื้นที่เหล่านั้นจะกระทบต่อชีวิตสัตว์ป่า ไปจนถึงชนเผ่าพื้นเมืองเดิมที่ยังอาศัยอยู่ในบริเวณนั้นมากขนาดไหน […]

Nattapon Muangtum

easyJet LOOK&BOOK ให้คนจองตั๋วผ่านรูปภาพสวยๆ บน Instagram ด้วยระบบ AI Image Recognition

EasyJet ใช้ AI Image ให้คนจอง ‘ตั๋วเครื่องบิน’ ด้วย IG

22/04/2020

เคยไหมคะ? เวลาเห็นเพื่อนลงรูปใน Instagram แล้วเรารู้สึกว่าที่ไหนอะ อยากไปบ้าง บางทีก็ Saved Post รูปสวยๆ ของเพื่อนหรือ Influencers ดังๆ เก็บไว้ ถ้าไปได้เมื่อไร จองตั๋วไปแน่นอนอะไรแบบนี้ เพลินก็เป็นหนึ่งคนที่ Passport สั่นบ่อยมากเวลาเห็นรูปเที่ยวสวยๆ ใน Instagram ถ้าคุณเป็นเหมือนกัน ไม่ต้องกังวลค่ะ เพราะมีอีกหลายๆ คนที่เป็น จน easyJet สายการบิน Low Cost ในยุโรปเค้าจับ Insight นี้ไปทำ Feature ใหม่ใน App ที่ให้คนจองตั๋วเครื่องบินผ่านรูปภาพแบบ ‘LOOK&BOOK’ อารมณ์ประมาณว่า เห็นปุ๊ป อยากไปก็แค่ส่งรูปมาที่แอป เดี๋ยวจอง ‘ตั๋วเครื่องบิน’ ให้เลย เราต่างหากที่พร้อมบินหรือเปล่าเถอะ!? โดยสิ่งที่ easyJet ทำก็คือ เค้าใช้ AI Image Recognition technology ในการเรียนรู้ Data ที่เป็นรูปภาพสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ บน Instagram รวมไปถึงการใช้ Geotagging Database เพื่อระบุสถานที่ของภาพนั้นๆ ให้แม่นยำมากขึ้น เมื่อสลับเข้ามาที่แอป easyJet โหมดฟีเจอร์ LOOK&BOOK ปุ๊ป เราก็ไม่ต้องทำอะไรเพิ่มเลยค่ะ แค่เลือกระยะเวลาที่ต้องการกับจำนวนคนที่จะเดินทางเท่านั้น เพราะว่าแอปนี้จะกรอกข้อมูลจำเป็นๆ แบบ Autofill ให้เลย ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ Destination จากรูปที่คุณใช้จองตั๋วหรือ Current Destination ที่คุณอยู่ซึ่งข้อมูลตรงนี้ก็เก็บจาก Location Service ที่คุณเปิดขณะใช้แอปนั่นเองค่ะ โดย Insight หลักๆ ที่ easyJet ได้รับจนเกิดไอเดียการทำฟีเจอร์ LOOK&BOOK มาจากพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปของนักเดินทางสมัยใหม่ค่ะ ไม่ว่าจะเป็น ความต้องการเดินทางแบบเร็วขึ้น ตัดสินใจเร็วขึ้น แรงบันดาลใจในการเดินทางไปไหนมาไหน มักเริ่มจาก Instagram photosโดย 40% ของกลุ่ม Millennial ให้ความสำคัญกับการเลือกสถานที่ที่จะไป ว่ามัน Instagrammable มากแค่ไหน คนรุ่นใหม่ Gen Z และกลุ่ม Millennial 62% มองหาตัวช่วยที่เป็น Visual Search กันมากขึ้น ความสะดวกสบายที่คนรุ่นใหม่มองหา […]

Plearn Wisetwongchai

JEEP สุดยอดรถยนต์แห่งอนาคต คือรถที่พาคุณไปกำหนดอนาคตของชาติ

25/05/2019

นี่เป็นอีกหนึ่งสุดยอดแคมเปญโฆษณาที่อยากให้คุณได้ดู นี่เป็นโฆษณารถยนต์ที่มีเครื่องยนต์ล้ำอนาคต แต่เป็นรถยนต์ที่มีพลังมากพอที่จะพาคุณออกไปกำหนดอนาคตของประเทศชาติได้ แคมเปญโฆษณาจาก Jeep ที่ขอเป็นอีกหนึ่งแรงกระตุ้นที่จะพาคนอินเดียออกไปกำหนดอนาคตประเทศชาติผ่านการเลือกตั้งอีกครั้ง อินเดียหนึ่งในประเทศที่มีความต่างอย่างสุดขั้ว ทั้งเจริญก้าวหน้าติดอันดับโลกในเวลานี้แต่ในขณะเดียวกันก็ยังมีความกันดารอยู่ในอันดับต้นๆของโลกด้วยเช่นกัน ดังนั้นในการเลือกตั้งเมื่อต้นปี 2019 ที่ผ่านมา Jeep ก็พบว่ายังมีชาวบ้านอีกมากที่ติดอยู่ตามที่กันดารทั่วประเทศอินเดีย ที่ไม่เคยได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งเพื่อกำหนดอนาคตตัวเองและประเทศชาติอย่างที่ควรจะเป็นอีกมาก ทั้งๆที่อินเดียเป็นประเทศประชาธิปไตยที่ใหญ่ที่สุดในโลก ประชากรกว่า 900 ล้านคน ลองคิดดูซิว่าถ้า 900 ล้านเสียงร่วมกันกำหนดอนาคตของประเทศไปพร้อมกันได้จะก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงสู่ระดับโลกมากแค่ไหน หลายร้อยล้านคนที่ไม่ได้ออกไปเลือกตั้งไม่ใช่ว่าเค้าไม่อยากออกไปเลือก แต่เพราะความกันดารของสภาพแวดล้อมรอบตัวที่หน่วยเลือกตั้งมักอยู่ห่างออกไปเป็นสิบๆกิโลเมตรขึ้นไป ถ้าคุณดูคลิปโฆษณา Jeep Democracy นี้จะเห็นว่าพอถามใช่ว่าเค้าไม่อยากไป แต่เค้าไม่สามารถไปได้ มองออกไปนอกบ้านก็มีแต่ภูเขาหินล้อมรอบ มองออกไปไกลขึ้นก็ไม่มีถนนให้รถวิ่งด้วยซ้ำ แล้วมองเข้าไปในบ้านก็ไม่มีใครมีรถซักคันที่จะให้พาตัวเองไปเลือกตั้งได้ ยังไม่นับผู้หญิงอีกมากที่ต้องติดหน้าที่การเลี้ยงลูก ลูกน้อยตัวเล็กที่ไม่สามารถทิ้งไว้บ้านตามลำพังได้ ครั้นจะให้กระเตงไปก็จะยิ่งเป็นภาระความลำบากมาขึ้น เกิดลูกร้องให้หิวนมปวดท้องขึ้นมาแล้วคนเป็นแม่จะทำอย่างไร ทั้งหมดนี้ก็เลยกลายเป็นเหตุผลที่ไม่น่าเป็นเหตุผลให้เค้าเหล่านี้ไม่ได้ออกไปใช้สิทธิใช้เสียงเลือกตั้งซักที ทั้งที่ใจอยากจะออกไปเลือกตั้งเมื่อถึงเวลาที่ต้องเลือก ก็แหม ใครล่ะจะไม่อยากไปกำหนดอนาคตของตัวเองกันล่ะครับ เป็นผมๆก็อยากออกไปเลือกตั้งคนที่เค้าอยากจะดูแลเรา อยากจะทำให้หมู่บ้านเรามีถนน อยากจะทำให้เราอิ่มท้องมากขึ้น แต่ในเมื่อวันนี้มันไม่สามารถแล้วก็ต้องปากกัดตีนถีบ มันก็เลยเป็นเหมือนอุปสรรคที่ขัดขวางคนหลายร้อยล้านคนให้ไม่ได้ออกไปใช้สิทธิใช้เสียงกันซักที ก็เลยเป็นที่มาให้เกิดแคมเปญจาก Jeep ประเทศอินเดียที่ชื่อว่า #JeepDemocracy คือการอาสาพาคนกลุ่มหนึ่งที่อยากเลือกตั้งให้ได้ออกไปเลือกอนาคตตัวเองครับ รถ Jeep กลุ่มหนึ่งเข้าไปรับชาวบ้านถึงที่ทุรกันดารตามภาพ แต่ก็ทำให้เห็นประสิทธิภาพของรถยนต์ที่สามารถขับฝ่าลุยแม้เส้นทางจะลำบากและไม่มีถนนให้วิ่งในบางครั้งด้วยซ้ำ ไม่มีอะไรจะขายความสามารถของรถ Jeep […]

Nattapon Muangtum

แคมเปญ Corona Beer ชวนคนมาปกป้องพื้นที่ Lifestyle จะได้ใช้ไปนานๆ

22/04/2019

แคมเปญ Corona Beer ชวนคนมาปกป้องพื้นที่ Lifestyle จะได้ใช้ไปนานๆ อีกหนึ่งแคมเปญการตลาดเพื่อการสร้างแบรนด์ในวันนี้ เพื่อความยั่งยืนของแบรนด์ไปอีกร้อยปีข้างหน้า เมื่อเบียร์แบรนด์ดัง Corona ออกมาประกาศขอเป็นส่วนหนึ่งในการปกป้องชายหาดและท้องทะเล เพื่อสร้างความตระหนักในปัญหาของมลพิษทางทะเลและสิ่งแวดล้อมทางทะเลทั่วโลก และส่งเสริมให้ผู้คนเข้าร่วมกันในการดูแลและปกป้องทรัพยากรทางทะเล เนื่องจาก Corona Beer เป็นแบรนด์เบียร์ที่มีภูมิคุ้มกันของสิ่งแวดล้อมเป็นหนึ่งในค่านิยมหลัก แคมเปญนี้จะเชื้อเชิญให้ผู้บริโภคเชื่อมั่นในการซื้อสินค้า Corona Beer ไปพร้อม ๆ กับการรักษาสิ่งแวดล้อมทางทะเลผ่านการร่วมมือกับ Parley for the Oceans ซึ่งเป็นองค์กรที่มุ่งมั่นในการต่อสู้กับปัญหามลพิษทางทะเลและรักษาสิ่งแวดล้อมทางทะเล เพราะ Lifestyle ดีแค่ไหนก็คงไม่มีค่า ถ้าไม่เหลือพื้นที่ให้ใช้ Lifestyle แบรนด์ส่วนใหญ่ก็พยายามบอกว่าตัวเองผ่านแคมเปญการตลาดว่าเป็น Lifestyle แบรนด์ ด้วยการพยายามสื่อสารออกมว่าตัวเองเป็นส่วนหนึ่งของคนรุ่นใหม่บ้าง เป็นส่วนหนึ่งของการใช้ชีวิตบ้าง แต่ทุกแบรนด์เอาแต่พูดเหมือนกันหมด พูดๆๆแล้วก็พูด แต่จะมีซักกี่แบรนด์ที่ลงมือทำเพื่อปกป้อง Lifestyle นั้นให้ผู้คนจริงๆเหมือนอย่างที่ Corona ลงมือทำไปแล้ว เมื่อชายหาด ท้องทะเล และสายลม คือส่วนสำคัญของ Lifestyle แบบ Corona การได้จิบเบียร์เย็นๆยามที่เสร็จจากเล่นน้ำ หรือการเซิร์ฟบอร์ดโต้คลื่นนั้นคือสวรรค์ของชีวิตหรือ Lifestyle […]

Nattapon Muangtum

The Edible Country ร้านอาหารออร์แกนิคที่ใหญ่ที่สุดในโลก

15/03/2019

The Edible Country โฆษณาการท่องเที่ยวสวีเดน ด้วยร้านอาหารออร์แกนิคที่มีพื้นที่กว่า 100 ล้านเอเคอร์ ที่ให้คุณเข้าไปกินกลางป่าลึกแล้วก็หยิบธรรมชาติแท้ๆขึ้นมาปรุง Visit Sweden แคมเปญการท่องเที่ยวประเทศสวีเดนที่ทุกปีจะมีโฆษณาแปลกใหม่ไม่เหมือนใคร จนยากที่จะคาดเดาได้ว่าปีหน้าจะออกมาเป็นยังไงด้วยซ้ำ จากที่เคยเป็นประเทศแรกที่มีเบอร์โทรศัพท์ของตัวเอง ให้นักท่องเที่ยวทั่วโลกได้โทรมาถามคนในประเทศจริงๆ หรือประเทศที่เปิดให้คนได้เข้ามาเที่ยวธรรมชาติผ่าน Airbnb เป็นประเทศแรก ที่ไม่ได้มีห้องนอนหอพัก แต่เป็นกลางป่าเขาลำเนาไพรที่ให้คุณได้เลือกจองว่าอยากจะนอนตรงไหนก็ได้ตามใจคุณ มาปีนี้ Visit Sweden ก็มาด้วยโฆษณาที่เหนือจินตนาการอีกครั้ง กับจุดขายเดิมคือความเป็นธรรมชาติขั้นสุด ด้วยการเปิดร้านอาหารที่ออร์แกนิค หรือใช้วัตถุดิบที่ธรรมชาติที่สุดในโลก ก็จะไม่ธรรมชาติได้ไง พี่แกเล่นเอาโต๊ะไปตั้งกลางป่าลึก แถมยังเอาเด็ด หยิบ หรือจับเอาอะไรก็ตามรอบตัวจากธรรมชาติจริงๆไปทำสดๆใหม่ๆสุดๆอีกด้วย แถมคนที่มาทำให้กินก็ไม่ใช่ธรรมดา แต่เป็นเชฟระดับมิชลินสตาร์ที่ไม่ได้มาคนเดียว แต่มีมาให้เลือกถึง 4 คน งานนี้เมื่อวัตถุดิบที่ธรรมชาติสุดๆ เจอกับฝีมือเชฟชั้นเทพ ก็ไม่ต้องสงสัยเลยว่าร้านอาหารแห่งนี้จะสดอร่อยซักแค่ไหน สรุปนี่คือการหาไอเดียใหม่ๆในการเล่าจุดขายเดิมๆเรื่องความเป็นธรรมชาติจริงๆ ใครที่คิดว่าตัวเองตัน หรือบ่นว่าสินค้าหรือแบรนด์ที่ดูแลมีจุดขายแค่ไม่กี่อย่าง ก็ลองดูไอเดียร้านอาหารธรรมชาติที่ใหญ่ที่สุดในโลกของการท่องเที่ยวสวีเดนนี้ดู เผื่อว่าคุณจะปิ๊งไอเดียใหม่ๆโดยที่ไม่ต้องเดินเข้าป่าแบบนี้ก็ได้ครับ อยากเห็น ททท. บ้านเราลองทำโฆษณาการท่องเที่ยวประเทศไทย ด้วยโฆษณาที่มีไอเดียไม่น้อยหน้าประเทศสวีเดนแบบนี้บ้างครับ Source:https://visitsweden.com/ediblecountry/https://www.insidehook.com/article/food-and-drink/swedens-edible-country-campaignhttps://www.vastsverige.com/en/ediblecountry/about/https://www.theweek.co.uk/98980/eat-sweden-a-journey-through-the-edible-countryhttps://www.bookatable.co.uk/blog/the-edible-country

Nattapon Muangtum

Steinlager จับมือ Guinness ปล่อย Ad ไอเดียดี ที่สนามบิน

30/04/2018

ปกติแล้ว AD พวกเครื่องดื่มมึนเมาทั้งหลายกับกลุ่มเป้าหมายที่เป็นคอเบียร์และเป็นคอบอลนั้น ที่เรามักจะเห็นกันอย่างชินตาก็คือตามสนามการแข่งขันกีฬา ที่นอกจะแข่งบอลแล้วบรรดาแบรนด์ต่างๆก็แข่งกันโฆษณากันเต็มที่ ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้วกลุ่มเป้าหมายที่เป็นแฟนพันธุ์แท้ของทีมกีฬา ที่บินตามไปเชียร์ทีมโปรดตัวเองแบบถึงไหนถึงกันนั้น ไม่ได้ใช้เวลาในสนามกีฬามากเท่ากับสนามบิน เพราะในสนามนั้นมีเวลาให้โฆษณาเต็มที่ก็ไม่เกินสองชั่วโมง แถมยังแข่งกับหลายแบรนด์ และยังมีราคาแพงด้วย แต่กลับกันเมื่อมองว่ากลุ่มแฟนพันธุ์แท้ของทีมเยือนนั้น ต้องใช้เวลาอยู่ที่สนามบินยาวนานกว่าที่ไหนๆ เพราะคนกลุ่มนี้เวลาทีมรักไปแข่งที่ไหน ก็จะบินเดินทางตามไปดูแบบถึงไหนถึงกัน แถมพื้นที่สื่อโฆษณาในสนามบินนั้นมีราคาถูกกว่าพื้นที่ในสนามกีฬามากกว่าหลายๆเท่า ทางเบียร์ Steinlager เบียร์ดังในนิวซีแลนด์ ที่เป็นสปอนเซอร์ทีมรักบี้ New Zealand All Blacks เลยโทรไปชวนเบียร์ของทีมคู่แข่งอย่าง Guinness ที่เป็นสปอนเซอร์ของทีม British & Irish Lions rugby มาให้ร่วมแคมเปญกัน ด้วยการให้แฟนทีมรักบี้มายืนแสดงตัวที่หน้าป้ายโฆษณาในสนามบิน เพื่อเปลี่ยนให้ป้ายนั้นกลายมาเป็นป้ายเชียร์ทีมของตัวเอง ผลก็คือจากเวลาที่ต้องนั่งแก่วในสนามบินหลายชั่วโมง กลายเป็นกิจกรรมให้แฟนทีมกีฬาได้แข่งกันเปลี่ยนพื้นที่สนามบินให้กลายเป็นป้ายเชียร์ทีมตัวเอง ความสนุกยังไม่จบเท่านั้น เพราะจะมีป้ายลับพิเศษที่เชื่อมต่อผ่านมือถือได้ แล้วจะเปลี่ยนทุกจอในสนามบินให้กลายเป็นป้ายเชียร์ทีมเดียวเหมือนกันหมด ผลลัพธ์ก็คือ ช่วงหกสัปดาห์ระหว่างกิจกรรมนั้น มีคนกว่า 2.5 ล้านคนที่ผ่านเข้าออกสนามบิน มีคนเกือบแสนร่วมกิจกรรม ถ้าเล่าให้ฟังไม่เห็นภาพ อยากให้ลองดูคลิปข้างล่างแล้วจะเข้าใจมากขึ้นครับhttps://www.youtube.com/watch?v=UcXgfTQSclc บางครั้งสิ่งที่ถูกมองข้าม ก็อาจซ่อนไปด้วยโอกาสที่คุณไม่ควรพลาดเหมือนอย่างป้ายในสนามบินที่ถูกแต่ตรงกลุ่มกว่าป้ายในสนามกีฬาก็ได้ และอย่าลืมติดตามเรื่องราวการตลาดวันละตอนได้ที่ https://everydaymarketing.co

Nattapon Muangtum

Absolut Vodka ท้าพิสูจน์ ความโปร่งใสไม่มีอะไรหมกเม็ด

18/02/2018

ด้วยวีดีโอโฆษณาบอกเล่ากรรมวิธีการผลิตตั้งแต่ปลูกยันบรรจุขวดพร้อมขาย แบบพนักงานก็โปร่งใสไม่ใส้เสื้อผ้าปิดบังใดๆทั้งสิ้น เพราะโลกเราในวันนี้เต็มไปด้วยแบรนด์หรือองค์กรมากมายที่ซ่อนความลับดำมือไว้เบื้องหลังฉากหน้าการโฆษณาที่สวยงาม ทำให้คนส่วนใหญ่ไม่ค่อยเชื่อโฆษณาที่ดูดีเกินไป เหมือนกับคำที่ว่า too good to be true…. ส่วนตัวผมพอดูวีดีโอนี้จบก็ไม่ได้คิดว่า Absolut จะโปร่งใสวางใจได้อะไรขนาดนั้นหรอก แต่ด้วยวิธีการตีความของการ “โปร่งใส” ออกมาเป็นแบบนี้ก็ทำให้น่าสนใจขึ้นในยุคที่เต็มไปด้วยโฆษณาแบบวีดีโอออนไลน์อีกเล็กน้อย ลองดูกันนะครับhttps://www.youtube.com/watch?v=02e9klKUN0Y ติดตามเรื่องราวการตลาดวันละตอนได้ที่ https://everydaymarketing.co

Nattapon Muangtum