แคมเปญ Corona Beer ชวนคนมาปกป้องพื้นที่ Lifestyle จะได้ใช้ไปนานๆ

แคมเปญ Corona Beer ชวนคนมาปกป้องพื้นที่ Lifestyle จะได้ใช้ไปนานๆ

อีกหนึ่งแคมเปญการตลาดเพื่อการสร้างแบรนด์ในวันนี้ เพื่อความยั่งยืนของแบรนด์ไปอีกร้อยปีข้างหน้า เมื่อเบียร์แบรนด์ดัง Corona ออกมาประกาศขอเป็นส่วนหนึ่งในการปกป้องชายหาดและท้องทะเล เพื่อสร้างความตระหนักในปัญหาของมลพิษทางทะเลและสิ่งแวดล้อมทางทะเลทั่วโลก และส่งเสริมให้ผู้คนเข้าร่วมกันในการดูแลและปกป้องทรัพยากรทางทะเล

เนื่องจาก Corona Beer เป็นแบรนด์เบียร์ที่มีภูมิคุ้มกันของสิ่งแวดล้อมเป็นหนึ่งในค่านิยมหลัก แคมเปญนี้จะเชื้อเชิญให้ผู้บริโภคเชื่อมั่นในการซื้อสินค้า Corona Beer ไปพร้อม ๆ กับการรักษาสิ่งแวดล้อมทางทะเลผ่านการร่วมมือกับ Parley for the Oceans ซึ่งเป็นองค์กรที่มุ่งมั่นในการต่อสู้กับปัญหามลพิษทางทะเลและรักษาสิ่งแวดล้อมทางทะเล

เพราะ Lifestyle ดีแค่ไหนก็คงไม่มีค่า ถ้าไม่เหลือพื้นที่ให้ใช้ Lifestyle

แบรนด์ส่วนใหญ่ก็พยายามบอกว่าตัวเองผ่านแคมเปญการตลาดว่าเป็น Lifestyle แบรนด์ ด้วยการพยายามสื่อสารออกมว่าตัวเองเป็นส่วนหนึ่งของคนรุ่นใหม่บ้าง เป็นส่วนหนึ่งของการใช้ชีวิตบ้าง แต่ทุกแบรนด์เอาแต่พูดเหมือนกันหมด พูดๆๆแล้วก็พูด แต่จะมีซักกี่แบรนด์ที่ลงมือทำเพื่อปกป้อง Lifestyle นั้นให้ผู้คนจริงๆเหมือนอย่างที่ Corona ลงมือทำไปแล้ว

เมื่อชายหาด ท้องทะเล และสายลม คือส่วนสำคัญของ Lifestyle แบบ Corona การได้จิบเบียร์เย็นๆยามที่เสร็จจากเล่นน้ำ หรือการเซิร์ฟบอร์ดโต้คลื่นนั้นคือสวรรค์ของชีวิตหรือ Lifestyle ดีๆที่น่าอิจฉาที่แบรนด์นี้พยายามสื่อสารมาอย่างต่อเนื่อง

แต่จะเป็นอย่างไรถ้าท้องทะเลไม่สวยงามเหมือนเดิมอีกต่อไป ไม่น่ารื่นรมย์อีกต่อไป ไม่น่าออกไปเล่นน้ำโต้คลื่นอีกต่อไป เบียร์ Corona ก็คงยากที่จะพูดเรื่องนี้ต่อไปได้ และคงต้องหา lifestyle ใหม่ๆที่ยังไม่เสื่อมโทรมไปแบบนี้อีกครั้ง

แต่ Corona เลือกที่จะไม่เอาแต่พูด เลือกที่จะไม่อยู่เฉยและใช้ธรรมชาติหรือสิ่งรอบตัวมาช่วยขายสินค้า แต่เลือกที่จะลงมือเป็นผู้ปกป้องรักษา ลงมือทำให้ธรรมชาติที่ตัวเองใช้เพื่อช่วยขายเบียร์ยังคงดีเหมือนเดิม

ด้วยการร่วมมือกับองค์กรพิทักษ์สิ่งแวดล้อมอย่าง Parley for the Oceans เพื่อกระตุ้นให้กลุ่มลูกค้าและคนทั่วไปรู้ว่าในแต่ละปีนั้นมีขยะพลาสติกมากถึง 8 ล้านตันถูกทิ้งลงทะเลทุกปีๆ

และขยะพลาสติกจำนวนมหาศาลที่ถูกทิ้งลงทะเลทุกปีๆเหล่านี้เองที่จะทำให้สวรรค์ของ lifestyle หรือการใช้ชีวิตโดยเฉพาะท้องทะเลนั้นต้องเสื่อมโทรมลงไป จนไม่อาจคงความเป็นพื้นที่การใช้ชีวิตดีๆมี lifestyle ได้อีกต่อไปในวันข้างหน้าครับ

corona beer

จากการร่วมมือระหว่าง Corona และองค์กรพิทักษ์สิ่งแวดล้อมดังกล่าว ทาง Corona Beer ก็เลยเลือกมา 1 เกาะจาก 100 เกาะที่ทางองค์กรนี้อยากจะปกป้องเกาะจากขยะพลาสติกให้ได้ภายในปี 2020 และเกาะที่ Corona เลือกจะปกป้องก็คือเกาะบาหลี

เพราะบาหลีคือหนึ่งในเกาะสำคัญที่สะท้อนถึงการใช้ชีวิตหรือ Lifestyle แบบเบียร์ Corona ได้อย่างดี และยังเป็นเกาะที่มาการจัดแข่งเซิร์ฟบอร์ดระดับโลกอยู่เป็นประจำ และด้วยการลงมือทำอย่างจริงจังของ Corona ก็ถึงขั้นเปลี่ยนชื่อการแข่งขันเดิมจาก World Surfing League ที่เกาะบาหลีเดิมให้กลายเป็น Corona Bali Protected และก็เลยเป็นที่มาของชื่อแคมเปญการตลาดในครั้งนี้

โดยนอกจากการจัดแข่งขันเซิร์ฟบอร์ดโลกแบบเดิมแล้ว ยังมีการจัดเสวนาถึงปัญหาขยะพลาสติกให้คนที่มาเข้าร่วมจากทั่วโลกได้รับรู้และเอาไปขบคิดหาทางลงมือทำในแบบของตัวเองต่อ และยังมีการเชิญชวนให้คนลงมือเก็บขยะพลาสติกด้วยกันอีกด้วย

แคมเปญ Corona Beer ครั้งนี้ยังมีการเอาเซิร์ฟบอร์ดที่ทำมาจากวัสดุรักษ์โลกและรีไซเคิลมานำเสนอให้นักเล่นเซิร์ฟได้รู้จัก เผื่อว่าวันหนึ่งข้างหน้าบอร์ดเดิมพังจะได้เลือกบอร์ดใหม่ที่ดีต่อโลก ไม่ส่งผลกระทบต่อท้องทะเลที่เป็นพื้นที่การแสดงออกซึ่งไลฟ์สไตล์

ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากแคมเปญ Corona Beer ที่ร่วมกับ Parley for the Oceans อาจเป็นการเพิ่มความติดต่อของกลุ่มเป้าหมาย ส่งเสริมความรับผิดชอบทางสิ่งแวดล้อมในสังคม และส่งเสริมให้บริษัท Corona Beer มีความเข้มแข็งและเชื่อมั่นในความมุ่งมั่นของตนในการรักษาสิ่งแวดล้อม

และไม่ใช่แค่บนเกาะบาหลีเท่านั้นที่ Corona ลงมือทำ แต่ Corona ต้องการให้คนอีกมากบนภาคพื้นทวีปได้รับรู้ถึงปัญหาสำคัญนี้ไปพร้อมกัน ทั้งการผ่านสื่อ Out-of-Home หรือการสร้างงานปฏิมากรรมที่ต้องทำให้คนตะลึง

corona beer

แคมเปญนี้มีการเอาขยะพลาสติกที่เก็บได้จากชายหาดรวมกว่า 1,200 กิโลกรัมมาให้ศิลปินช่วยกันทำเป็นภาพคลื่นขนาดมหึมาเท่าของจริงที่ใช้ในการโต้คลื่น เพื่อสะกิดให้คนส่วนใหญ่ที่ผ่านมาผ่านไปเห็นว่าถ้ามาช่วยกันใส่ใจเรื่องขยะพลาสติกตั้งแต่วันนี้ วันหน้าคลื่นที่โต้จะไม่ใช่น้ำทะเลใสๆ แต่จะเป็นกองคลื่นขยะพลาสติกอย่างที่เห็นในวันนี้ก็ได้

ผลคือเกิดการแชร์ออกไปมากมายตามโซเชียลมีเดีย และกลายเป็นประเด็นที่คนส่วนใหญ่ให้ความสนใจ คนที่แม้แต่ไม่คิดว่าจะอยากไปโต้คลื่นหรือดื่มเบียร์ Corona ก็ยังต้องพูดถึงประเด็นที่ Corona หยิบยื่นมาให้เห็นถึงหน้าบ้านเค้าในครั้งนี้

สรุป

ทั้งหมดนี้จะเห็นว่าการที่เราจะพูดว่าเราเป็นใครหรือมีจุดยืนเรื่องอะไรนั้นเป็นเรื่องง่ายในระยะสั้น แต่ในระยะยาวแล้วแบรนด์ที่อยากจะยืนยงอยู่ในใจผู้คนนั้นต้องลุกขึ้นมาทำอะไรซักอย่างจริงๆ

และไม่ใช่แค่ลุกขึ้นมาลงมือทำคนเดียว แต่ยังต้องร่วมมือกับผู้คนองค์กรรอบตัวให้ลงมาปกป้องหรือเปลี่ยนแปลงสังคมไปในทางที่ดีขึ้นไปพร้อมๆกันเหมือนที่ Corona ลงมือทำเลือกหนึ่งจากร้อยเกาะเป็นผู้ปกป้องอย่างเต็มตัว

เราปฏิเสธไม่ได้ว่านี่คือการโฆษณา นี่คือแคมเปญการตลาดที่จะส่งผลกลับไปสู่รายได้ในกระเป๋าของแบรนด์ในที่สุด แต่มันจะดีกว่ามั้ยถ้าเราทำให้ทุกฝ่ายได้ประโยชน์ไปพร้อมกัน ทั้งแบรนด์ ทั้งชุมชน ทั้งโลกที่เรามีใบเดียว

  • แบรนด์ได้ใกล้ลูกค้าข้ามาอีกขั้น : แคมเปญช่วยสร้างช่องการติดต่อและการสร้างความรู้สึกร่วมให้กับลูกค้าเกี่ยว
  • การสร้างความตระหนัก การสร้างความรับรู้: แน่นอนว่าแคมเปญช่วยสร้างความตระหนักให้กับผู้บริโภคเกี่ยวกับปัญหาทางสิ่งแวดล้อมทางทะเล ว่าปัจจุบันผลเสียของมลพิษทางทะเลมันตึงเครียดกว่าที่เห็น โดยการแสดงถึงผลกระทบของมลพิษทางทะเลต่อสิ่งแวดล้อมและสังคม ผู้บริโภคได้รับความรู้และความเข้าใจเพิ่มเติมเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมทางทะเล
  • การสร้างความเชื่อมั่นในแบรนด์: แคมเปญช่วยสร้างความเชื่อมั่นในแบรนด์ Corona Beer โดยเน้นทั้งความอุดมสมบูรณ์ของภูมิคุ้มกันและการให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม ผู้บริโภครับรู้ว่าการซื้อสินค้า Corona Beer เป็นการสนับสนุนในการรักษาสิ่งแวดล้อมทางทะเลผ่านการร่วมมือกับ Parley for the Oceans

สุดท้ายนี้จงเลิกพูดว่าเราเป็นใคร แต่จงลุกขึ้นทำว่าให้โลกรู้เป็นใคร

ดูคลิปวิดีโอแคมเปญนี้เพิ่มเติมได้ที่นี่ครับ

บทความที่แนะนำให้อ่านต่อ

เจ้าของเพจการตลาดวันละตอน / อาจารย์พิเศษวิชา Data-Driven Communication / เขียนหนังสือมาแล้ว 5 เล่ม Personalized Marketing, Data-Driven Marketing, Data Thinking, Contextual Marketing และ Social Listening / ที่ปรึกษา Data-Driven Advisor

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *