กลยุทธ์ Canon บุกตลาด Smart Workspace ด้วยเทคโนโลยีจดจํารอยยิ้ม

ทุกคนรู้สึกเหมือนกันไหมคะ เดี๋ยวนี้ไม่ว่าเราจะอยู่ที่ไหนก็ได้ยินคำว่า “อัจฉริยะ” กันเต็มไปหมด ไม่ว่าจะเป็น รถยนต์อัจฉริยะ หลอดไฟอัจฉริยะ หรือแม้แต่แว่นตาก็ยังอัจฉริยะ แล้วทำไมที่ทำงานจะอัจฉริยะบ้างไม่ได้ใช่ไหมล่ะคะ? 
วันนี้เราเลยจะพามาดูการเดินเกมครั้งใหญ่ด้วย กลยุทธ์ Canon ที่กระโดดเข้ามารุกตลาด Smart Workspace หรือพื้นที่ทำงานอัจฉริยะ โดยนำเสนอกับฟีเจอร์เด็ดๆ ที่ใช้เทคโนโลยีสุดล้ำอย่าง “จดจำใบหน้าและรอยยิ้ม”

อ่านแล้วต้องยิ้มตามแน่นอนค่ะ แต่เอ๊ะ! แล้วทำไมต้องจดจำรอยยิ้มด้วยล่ะ? มาดูกันเลยค่ะ!

พูดง่ายๆ เลย พื้นที่ทำงานอัจฉริยะก็คือที่ทำงานในฝันที่ใช้เทคโนโลยีมาเสริมพลัง ให้ทุกอย่างทำงานอัตโนมัติ ตั้งแต่เรื่องเล็กไปจนถึงเรื่องใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นการใช้ Internet of Things (IoT), ปัญญาประดิษฐ์ (AI) หรือระบบคลาวด์ที่ช่วยให้เราทำงานได้ง่ายและรวดเร็วขึ้น เช่น การสแกนใบหน้าเข้าออฟฟิศ หรือการพิมพ์งานผ่านระบบคลาวด์ โดยที่ไม่ต้องวิ่งไปหาเครื่องพิมพ์ให้วุ่นวาย

กลยุทธ์ Canon

ผลวิจัยจาก Mordor Intelligence ชี้ชัดว่าตลาด Smart Workspace ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกจะโตขึ้นมาก โดยคาดว่าอัตราการเติบโตต่อปีแบบทบต้น (CAGR) จะสูงถึง 10.5% ในช่วงปี 2024-2029 

Market Snapshot - APAC Smart Office Market

นี่คือเหตุผลว่าทำไม Canon ถึงไม่รอช้า ขยับตัวเข้าสู่ตลาดนี้พร้อมโซลูชันที่ตอบโจทย์ทั้งเรื่องการรักษาความปลอดภัย การบริหารจัดการพื้นที่อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงการยกระดับการมีส่วนร่วมของพนักงานด้วย

แล้ว Smart Workspace Solutions ของ Canon มีฟีเจอร์อะไรที่น่าสนใจมาให้บ้าง? มาเริ่มกันเลยค่ะ

เรามาส่องฟีเจอร์เด่นๆ 3 อย่างนี้ที่จะช่วยให้รู้สึกปลอดภัยขั้นสุดแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อนกันค่ะ

#ระบบควบคุมการเข้าออกด้วยใบหน้าและรอยยิ้ม 

สแกนใบหน้าเฉยๆ อาจจะธรรมดาไปสำหรับ Canon เพราะนี่เขาเพิ่ม “รอยยิ้ม” เข้าไปด้วย! ระบบนี้นอกจากจะช่วยตรวจสอบการเข้าออกได้อย่างปลอดภัยแล้ว ยังทำให้การยืนยันตัวตนดูสนุกและเป็นมิตรขึ้นอีกด้วย 

ใครจะรู้ว่าแค่ยิ้มก็เข้าสำนักงานได้แล้ว แถมยังซิงค์กับระบบ HR เพื่อตรวจสอบเวลาการทำงานและการเข้าออกงานได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำอีกต่างหาก

กลยุทธ์ Canon

#การบริหารจัดการผู้มาเยือนสุดชิล

หมดปัญหาการรอคิวเช็กอินให้ยุ่งยาก เพราะ Canon เขามีฟีเจอร์ลงทะเบียนล่วงหน้า ผู้มาเยือนแค่โชว์ QR Code ที่ได้รับทาง SMS ก็สามารถเช็กอินได้ทันที รวดเร็วทันใจไม่ต้องยืนรอที่แผนกต้อนรับเป็นชั่วโมงๆ เหมือนเมื่อก่อน

#พิมพ์งานปลอดภัย สบายใจหายห่วง

Canon ไม่เพียงแต่ให้สั่งพิมพ์งานได้ง่ายๆ แต่ยังเพิ่มระดับความปลอดภัยด้วยการสั่งพิมพ์ผ่านเครื่องพิมพ์มัลติฟังก์ชันของ Canon ที่มีระบบจัดการการพิมพ์แบบ uniFlow ซึ่งจะปลดล็อกเอกสารให้พิมพ์ก็ต่อเมื่อเรายืนยันตัวตนด้วยการสแกนใบหน้า นอกจากนี้ยังสามารถสแกนและส่งเอกสารผ่านอีเมลหรือระบบจัดการเอกสารได้อย่างง่ายดายอีกด้วย

สามฟีเจอร์นี้ช่วยให้การทำงานในออฟฟิศไม่เพียงแค่ปลอดภัย แต่ยังดูไฮเทค มืออาชีพ และช่วยให้สบายใจขึ้นอีกด้วย เป็นการผสมผสานเทคโนโลยีกับการสร้างประสบการณ์การทำงานที่ดีได้อย่างลงตัวเลยทีเดียวค่ะ

ถ้าคุณเคยปวดหัวกับการจองห้องประชุมแล้วไม่รู้ว่าต้องทำยังไงหรือวุ่นวายในการหาโต๊ะนั่งทำงาน ฟีเจอร์นี้จะทำให้ชีวิตง่ายขึ้นอีกเยอะค่ะ เพียงแค่จองล่วงหน้า ระบบก็จะส่งแจ้งเตือนการประชุมไปยังผู้เข้าร่วมประชุมทั้งหมด พอถึงเวลาก็แค่สแกนใบหน้า หรือใช้ QR Code เพื่อเช็กอิน เท่านี้ก็ไม่ต้องวิ่งหาที่นั่งให้วุ่นแล้ว 

กลยุทธ์ Canon

แค่นี้ไม่พอ ยังมีระบบวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกที่ช่วยให้การจัดการพื้นที่ในสำนักงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ แถมยังช่วยลดความแออัดได้ดีอีกด้วย

จากที่เล่าถึงเทคโนโลยีจดจำใบหน้าและรอยยิ้มไป ทำให้เรารู้ได้เลยว่า Canon ให้คุณค่าไม่ใช่แค่กับประสิทธิภาพในการทำงานที่สำคัญ แต่ “ความสุข” ของพนักงานก็สำคัญไม่แพ้กัน 

กลยุทธ์ Canon

เพราะงั้น เทคโนโลยีจดจำใบหน้าและรอยยิ้มผ่านการพัฒนาโดยใช้เทคโนโลยีสุดล้ำอย่าง Deep Learning ที่จำลองการทำงานของสมองมนุษย์ ไม่เพียงแต่จดจำใบหน้าได้ แต่ยังช่วยสร้างพลังบวกให้พนักงานเริ่มต้นวันทำงานด้วยรอยยิ้มอีกด้วย

แล้วทำไมถึงต้องยิ้มล่ะ?

งานวิจัยจาก Experimental Psychology บอกไว้ว่า แค่ยิ้ม (ถึงจะยิ้มแบบฝืนๆ ก็ตาม) ก็สามารถกระตุ้นให้สมองปล่อยสารสื่อประสาทที่ทำให้เรารู้สึกดีได้ และการมีอารมณ์บวกนี้ก็ส่งผลต่อสุขภาพจิตที่ดีและบรรยากาศการทำงานที่สดใส ใครจะคิดว่าแค่ยิ้มก็ช่วยให้เราแฮปปี้ขึ้นได้แล้ว

กลยุทธ์ Canon
AI image generated by Shutterstock (Prompt : A realistic image of a person in an office setting, smiling naturally (or even slightly forced), with their positive energy subtly influencing others around them. The background features a bright and modern workspace with Scandinavian-style furniture, warm lighting, and a cheerful atmosphere, symbolizing the impact of a simple smile on creating a happy and vibrant environment)

นอกจากนี้ เทคโนโลยีนี้ยังช่วยเสริมประสบการณ์การทำงานให้มีส่วนร่วมมากขึ้น เช่น ในธุรกิจบริการที่ให้พนักงานเริ่มต้นวันด้วยรอยยิ้มจะได้ส่งต่อความรู้สึกดีๆ ไปให้ถึงลูกค้า ส่วนลูกค้าเองก็ให้คะแนนความพึงพอใจได้ง่ายๆ เพียงแค่ยิ้มให้กับระบบ หรือในโรงเรียนก็ใช้เทคโนโลยีนี้เพื่อกระตุ้นให้เด็กๆ สนุกกับการเรียนรู้ผ่านการเล่นเกม นี่แหละ เป็นการย้ำอีกทีว่า แค่ยิ้มก็สร้างบรรยากาศดีๆ ได้ขึ้นเยอะเลย

กลยุทธ์ Canon

Canon เปิดตัวโซลูชันนี้ในวัน World Smile Day ซึ่งตรงกับวันที่ 4 ตุลาคมของทุกปี นี่ไม่ใช่แค่เรื่องบังเอิญ แต่เป็นการใช้กลยุทธ์ Emotional Marketing ที่เน้นไปที่การสร้างภาพลักษณ์เชิงบวก เชื่อมโยงแบรนด์เข้ากับ “รอยยิ้ม” และ “ความสุข” เพื่อให้ผู้ใช้งานรู้สึกดีทุกครั้งที่นึกถึง Canon 

เป็นการสร้างความสัมพันธ์ที่ยั่งยืนและสร้างสรรค์ภาพลักษณ์ของเทคโนโลยีที่เข้าใจความเป็นมนุษย์มากขึ้น จากการใส่ใจถึงอารมณ์ของเรา เพียงแค่จดจำรอยยิ้มเล็กๆ ก็ถือเป็นการวางจุดยืนที่โดดเด่นและสร้างความ Impact ให้กับวงการเทคโนโลยีเลยก็ว่าได้

เพื่อเจาะลึกกลยุทธ์ Canon ในการบุกตลาด Smart Workspace เราสามารถวิเคราะห์ผ่านโมเดล STP (Segmentation, Targeting, Positioning) โดยเปรียบเทียบก่อนและหลังการขยายตลาด ว่ามีการปรับเปลี่ยนหรือเพิ่มเติมในแง่ใดบ้าง

Canon เป็นแบรนด์ที่มีจุดยืนชัดเจนในฐานะผู้นำตลาด กล้อง DSLR และ Printer มาอย่างต่อเนื่อง อย่างในประเทศไทยก็ครองส่วนแบ่งตลาดอันดับ 1 หลายปีติดต่อกัน เพราะงั้น Canon จึงใช้ความแข็งแกร่งนี้เป็นฐานที่มั่นคงในการขยายธุรกิจไปสู่ตลาดใหม่อย่าง Smart Workspace

Canon ใช้กลยุทธ์แบ่งกลุ่มตลาดเน้นไปที่ ประชากรศาสตร์ (Demographic Segmentation) อย่างอาชีพ และ พฤติกรรมของผู้บริโภค (Behavioral Segmentation) ที่สะท้อนถึงความสนใจ โอกาสในการใช้งาน เช่น สนใจการถ่ายภาพ และใช้กล้องถ่ายรูปเป็นประจำ เป็นต้น ซึ่งผู้เขียนจะแบ่งกลุ่มตลาดที่เห็นภาพชัดเจนมากขึ้นเป็น B2C และ B2B ค่ะ โดยก่อนและหลังการขยายตลาดมีความแตกต่างกันดังนี้

ก่อนขยายตลาด

  • B2C: กลุ่มผู้ใช้งานทั่วไปและมืออาชีพ เช่น ช่างภาพที่ต้องการกล้อง DSLR คุณภาพสูง และผู้ที่ต้องการ Printer ส่วนบุคคล
  • B2B: องค์กรธุรกิจ ตั้งแต่บริษัทขนาดเล็กไปจนถึงองค์กรขนาดใหญ่ ที่มองหาเครื่องพิมพ์และระบบจัดการเอกสารที่มีประสิทธิภาพ

หลังขยายตลาด

Canon ได้ขยายตลาดไปยังกลุ่มองค์กรที่มีความต้องการโซลูชันอัจฉริยะในที่ทำงาน (B2B) เช่น

  • องค์กรดิจิทัลที่กำลังปรับตัว เช่น ธุรกิจที่ต้องการใช้ IoT, AI และเทคโนโลยีอัจฉริยะในสำนักงาน
  • องค์กรที่ให้ความสำคัญกับประสบการณ์พนักงาน เช่น บริษัทที่ต้องการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและสร้างความสุขในที่ทำงาน
  • ธุรกิจบริการและภาคการศึกษา เช่น โรงแรมที่ต้องการใช้เทคโนโลยีเพื่อเพิ่มประสบการณ์ลูกค้า

การเลือกกลุ่มเป้าหมายของ Canon แสดงถึงการปรับตัวเพื่อตอบโจทย์ตลาดที่เปลี่ยนแปลง

ก่อนขยายตลาด Canon มุ่งเน้นกลุ่มเป้าหมายเฉพาะ (Concentrated Targeting) คือ ผู้ที่ให้ความสำคัญกับคุณภาพด้านการถ่ายภาพและการพิมพ์เป็นหลัก เพื่อสร้างจุดยืนในด้านคุณภาพและประสิทธิภาพ

  • กลุ่มช่างภาพมืออาชีพ, ธุรกิจทั่วไป, และผู้ที่ต้องการ Printer โดยเน้นการถ่ายภาพและการพิมพ์คุณภาพสูง

หลังขยายตลาด ขยายฐานลูกค้าไปสู่กลุ่มเป้าหมายใหม่ (Differentiated Targeting) เพื่อตอบสนองความต้องการขององค์กรยุคใหม่ที่หลากหลายขึ้น

  • องค์กรขนาดกลางถึงใหญ่ที่ต้องการโซลูชัน Smart Workspace ครบวงจร เช่น ระบบจัดการการเข้า-ออกออฟฟิศ การจองห้องประชุม
  • บริษัทที่มุ่งเน้นความปลอดภัยและเทคโนโลยีทันสมัย เช่น สำนักงานที่ใช้ระบบ Hybrid Workplace

Canon มีการปรับ Positioning ให้เหมาะสมกับตลาดที่ขยายตัวมากขึ้น โดยใช้จุดแข็งเดิมเป็นพื้นฐาน สร้างความแตกต่างให้ตนเองในตลาดใหม่

ก่อนขยายตลาด

Canon วาง Positioning ของแบรนด์ไว้ในฐานะ ผู้นำด้านเทคโนโลยีกล้องดิจิทัล (DSLR) และ Printer คุณภาพสูง

หลังขยายตลาด

Canon เสริม Positioning ใหม่ในมิติของ “Smart Workspace Solutions” โดยชูจุดเด่นเรื่องโซลูชันครบวงจรที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัย ประสิทธิภาพการทำงาน และมอบประสบการณ์ที่ดีให้กับพนักงาน นอกจากนี้จุดเด่นของ Canon คือการสร้างอารมณ์ร่วมให้กับแบรนด์ ด้วยการนำเสนอเทคโนโลยีที่ช่วยสร้าง “ความสุขในที่ทำงาน” อย่างระบบจดจำใบหน้าและรอยยิ้ม

ดังนั้นจะเห็นได้เลยว่า ก่อนหน้านี้ Canon เน้นขายผลิตภัณฑ์เฉพาะทาง (Niche Products) อย่างกล้อง และ Printer โดยเน้นคุณภาพและประสิทธิภาพของตัวผลิตภัณฑ์ (Product-centric) แต่หลังจากขยายตลาดไปสู่ Smart Workspace Solutions Canon ก็เปลี่ยนมาเน้นการขายโซลูชันที่ครอบคลุมมากขึ้น (Comprehensive Solutions) โดยให้ความสำคัญกับประสบการณ์การใช้งานของลูกค้าเป็นหลัก (User-centric) ทำให้ Canon เปลี่ยนจากผู้ผลิตอุปกรณ์ไปเป็นผู้ให้บริการโซลูชันที่ตอบโจทย์การใช้งานที่หลากหลายมากขึ้น

นี่จึงเป็นกลยุทธ์การขยายตลาด โดยใช้ Positioning เดิมเป็นฐานในการสร้างความน่าเชื่อถือในตลาดใหม่และแสดงจุดยืนการเป็นผู้นำในด้านวัตกรรมได้อย่างมีประสิทธิภาพนั่นเองค่ะ

สุดท้ายนี้ขอจบด้วย คำกล่าวของคุณนอร์แมน เอย็อบ หัวหน้าฝ่ายโซลูชันการถ่ายภาพและการวิเคราะห์ของ Canon สิงคโปร์ ว่า “วันแห่งรอยยิ้มสากล World Smile Day เป็นเครื่องเตือนใจว่า รอยยิ้มสามารถนำเราไปสู่ความสำเร็จได้ โซลูชันพื้นที่ทำงานอัจฉริยะของเราจะช่วยปลูกฝังการมีส่วนร่วมเชิงบวก เพิ่มศักยภาพของธุรกิจผ่านการส่งเสริมวัฒนธรรมที่เอื้อให้ผู้คนประสบความสำเร็จและเติบโต ซึ่งจะส่งผลให้นวัตกรรมมีความเฟื่องฟูต่อไป” 

สรุป

จะเห็นได้เลยนะคะว่า กลยุทธ์ Canon นำเสนอ Smart Workspace Solutions ที่ผสมผสานเทคโนโลยีจดจำใบหน้าและรอยยิ้มอย่างชาญฉลาด ทำให้การทำงานในสำนักงานทั้งสนุก ปลอดภัย และเต็มไปด้วยพลังบวก 

เพราะงั้น โซลูชันนี้ไม่ได้เพิ่มแค่ประสิทธิภาพการทำงานเท่านั้น แต่ยังทำให้บรรยากาศการทำงานเต็มไปด้วยรอยยิ้ม และเสริมสร้างความสัมพันธ์ในองค์กรด้วยกลยุทธ์ Emotional Marketing อีกด้วยค่ะ

เมื่อเทคโนโลยีมาพร้อมกับความสุข ก็ไม่แปลกใจเลยที่ Canon จะเป็นผู้นำที่ครองใจทุกคนได้จนถึงทุกวันนี้

เป็นไงบ้างคะทุกคน อ่านแล้วยิ้มตามกันเลยไหมเอ่ย :0)
เจอกันใหม่บทความหน้านะคะ ขอให้ทุกคนมีวันที่น่ารักสดใส อย่าลืมยิ้มให้ตัวเองเยอะๆ นะคะ <3

อ่านบทความเพิ่มเติมที่นี่

โอปอ Marketing Content Creator ของการตลาดวันละตอน ⋆˚✿˖° ดีใจที่ได้แชร์เรื่องราวกับทุกคนค่ะ อย่าลืมยิ้มให้ตัวเองทุกวัน และฝากติดตามบทความต่อไปด้วยนะคะ ( 。•ㅅ•。)~✧

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *