ดังนั้นจะเห็นว่าทุกคนหันมาใช้เงินบนออนไลน์กันมากขึ้น และนั่นก็ยิ่งเป็นสิ่งยืนยันว่าเงินในวันนี้กลายเป็น Data มากขึ้นทุกทีแล้ว
และอย่างที่บอกครับว่า U Choose ไม่ได้มีแค่ Data การใช้เงินของลูกค้ากรุงศรีเท่านั้น แต่ยังมี Behavior Data ที่บอกให้รู้ถึงรสนิยมความชอบ ตั้งแต่โปรโมชั่นที่พวกเขาอยากได้ ไปจนถึงภาพยนต์เรื่องไหนที่พวกเขาชอบดูครับ
เมื่อเจาะดูในรายละเอียดของภาพยนต์ที่ผู้ใช้ U Choose ชอบก็ทำให้พบว่าเรื่อง Avengers มีการแลกรับสิทธิ์สูงสุด หรือถ้าดูดีๆ 3 ใน 10 เป็นภาพยนต์ Marvel ไปแล้ว ส่วน 2 เรื่องก็เป็นการ์ตูนฟอร์มยักษ์อย่าง Frozen 2 กับ The Lion King ครับ
และจาก Data มากมายแต่ก็ยังถูกข้อจำกัดด้วยความเป็น Internal Data ทางกรุงศรีคอนซูเมอร์จึงต้องหาทางหา Data จากข้างนอกหรือหา Partner Data เพื่อต่อยอดธุรกิจการเงินไปสู่กลุ่มเป้าหมายใหม่ที่ยังไม่เคยมีใครเข้าถึง และในกลุ่มเป้าหมายใหม่ที่จะพูดถึงในวันนี้นั่นก็คือกลุ่มช่าง หรือผู้รับเหมาก่อสร้างครับ
แต่การจะทำ Personalization ได้นั้นต้องมาจาก Data ที่มากพอจะรู้จักลูกค้าแต่ละคนของเราได้ดีพอ แล้วถ้าใครยิ่งมี Data ที่เป็น External มากเท่าไหร่ก็จะยิ่งเข้าใจ Context ของ Consumer แต่ละคนจนสามารถไปสู่ขั้นสุดของการทำ Personalization ไปสู่ Hyper-Personalization ได้เลยครับ
ก็เหมือนกับที่กรุงศรีคอนซูเมอร์ยอมรับว่า แอป U Choose ของเขาแม้จะมีลูกค้าใช้งานมากมาย แต่ลูกค้าส่วนใหญ่ก็ใช้กันแค่วันละ 2 ครั้งเท่านั้น แถมรวมเวลาทั้งสองครั้งก็เป็นแค่ไม่กี่นาที ดังนั้นด้วยข้อมูลแค่นี้จึงยากที่จะรู้จักตัวตนที่แท้จริงของลูกค้าแต่ละคนได้ และนั่นก็ทำให้ทางกรุงศรีต้องใช้ Social Data ผ่านแพลตฟอร์มยอดนิยมต่างๆ โดยเฉพาะ Facebook ที่คนไทยส่วนใหญ่ใช้กันทุกคน เพื่อจะเก็บข้อมูลมารวบรวมประมวลผลจนสามารถส่ง Personalized offer ให้กับลูกค้าแต่ละคนได้แบบรู้ใจครับ
เมื่อมี Data มากมายจนกลายเป็น Big Data ทำให้ต้องใช้ AI เข้ามาในการประมวลผลว่าแต่ละคนน่าจะชอบโปรโมชั่นหรือข้อเสนออะไร ในตัวอย่างที่โชว์ในงานคือเมื่อลูกค้าคนหนึ่งเพิ่งจองโรงแรมผ่านบัตรเครดิตกรุงศรีไป ทาง AI เลยไปดูข้อมูลว่าที่ผ่านมาลูกค้าคนนี้ชอบอะไร และอะไรคือสิ่งถัดไปที่เขาจะต้องการครับ
MANOW AI ที่ใช้เวลาฟูมฟักมาให้พร้อมดูแลลูกค้ากรุงศรีตลอด 24 ชั่วโมง
ก่อนหน้านี้ผมเคยเขียนบทความเรื่อง “AI เหมือนกัน แต่ทำไมฉลาดไม่เท่ากัน” ลงหนังสือพิมพ์ Rabbit Today (แต่เสียดายที่ตัวเว็บไซต์ปิดไปแล้วจึงไม่สามารถเข้าได้ เลยขอแนบลิงก์ที่เป็น Medium ไว้ให้คนที่สนใจเข้าไปก่อนแล้วกันครับ) บางคนอาจสงสัยว่าแล้วถ้าธนาคารอื่นมาใช้ AI เหมือนกันจะเป็นการ Copy & Paste น้องมะนาวของกรุงศรีไปมั้ย แน่นอนว่าไม่เพราะ AI แต่ละตัวต้องใช้เวลาฟูมฟักให้เรียนรู้จาก Data มากมาย ถ้าเปรียบง่ายๆ AI ก็เหมือนเด็กคนหนึ่งครับ ที่จะฉลาดหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับ Training Data ข้อผู้สอนนั่นเองครับ
และทางกรุงศรีก็ภูมิใจมากกับน้อง Manow AI ในปีนี้ที่จะฉลาดกว่าปีก่อนมาก เพราะจากเดิมที่เคยพูดเป็นโรบอท(อารมณ์แบบ Siri) แต่ในเร็วๆ นี้ทางกรุงศรีบอกว่าน้องมะนาวคนนี้จะพูดได้ลื่นไหลสมูทเหมือนคนมากยิ่งขึ้นครับ
เรียกได้ว่าน้องมะนาว หรือ A.I. Manow ของ Krungsri Consumer นี้ทำมาเพื่อตอบโจทย์ลูกค้าทุกกลุ่ม ตั้งแต่กลุ่มที่ถนัดแชทอย่าง Gen X หรือ Gen Y ไปถึงกลุ่มคนรุ่นใหม่อย่าง Gen Z หรือ Baby Boomer ที่ชอบพูดมากกว่าพิมพ์ไปแล้วครับ
และทั้งหมดนี้ก็คือ 3 ประเด็นหลักที่น่าสนใจจากงาน Krungsri Consumer Game Changer
จากมุมมองของการตลาดวันละตอน แน่นอนว่าธุรกิจธนาคารในวันนี้ต้องปรับตัวหนักมาก ในวันที่เงินถูกลดทอนอยู่ในรูป Data และคู่แข่งที่ไม่ได้อยู่ในธุรกิจธนาคารก็เกิดขึ้นมามากมายเหลือเกิน