ถ้าเดินสยามพารากอนช่วงกลางเดือนพฤษภาคมนี้ คุณอาจไม่ได้เจอแค่แฟชั่นแบรนด์หรือคาเฟ่ใหม่ ๆ เปิดตัวเท่านั้น แต่อาจเจอ “บ้านหลังใหม่” ที่อยู่ใกล้กว่าที่คิดค่ะ
กลยุทธ์การตลาด SC Asset กำลังเปลี่ยนภาพจำของการขายอสังหาฯ จาก“สำนักงานขาย” หรือบูธเล็ก ๆ ในห้าง กลายเป็นงานแฟร์กลางเมือง ที่ไม่ได้ตั้งใจจะขายทันที…แต่ออกแบบให้คุณรู้ตัวอีกที ก็คืออยากมีบ้านแล้ว
ด้วยแคมเปญ “SC DAYs โปรแรง แซงแดด” ที่ไม่ได้มาเพื่อระบายสต๊อก แต่เป็นหมากใหญ่ของไตรมาส 2 ที่ SC ใช้ทั้งกลยุทธ์สินค้า โปรโมชันแรง ทำเลชั้นดี และจังหวะนโยบายรัฐมารวมไว้ในช่วงเวลาสั้น ๆ เพื่อปลุกกำลังซื้อ และขยับแบรนด์ให้เข้าไปอยู่ในใจคนมากขึ้นกว่าเดิมค่ะ
กลยุทธ์ Q2 เปิดเกมรุก + ขยายฐานลูกค้าหลายระดับ
ในไตรมาส 2 นี้ SC Asset เดินหมากชัดเจน 2 ด้าน ทั้งเปิดตัวโปรเจกต์ใหม่หลายกลุ่มเป้าหมาย และเสริมพลังด้วยแคมเปญใหญ่กลางเมืองที่ดึงคนให้ “อยากเดินเข้าหาอสังหาฯ” โดยไม่รู้ตัวค่ะ
1. เปิดตัว 6 โครงการใหม่ → เมื่อ Insight คือรากของทุกดีไซน์
ไตรมาส 2 นี้ SC Asset เปิดตัว 6 โครงการใหม่ ที่นอกจากจะครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมาย ตั้งแต่คนซื้อบ้านครั้งแรกไปจนถึงกลุ่มไลฟ์สไตล์หรู ยังมีสิ่งที่โอปอว่าน่าสนใจกว่าแค่จำนวน คือ วิธีที่แต่ละโครงการถูกออกแบบจาก insight ที่ “เข้าใจชีวิต” อย่างลึกซึ้ง จนรู้สึกว่าไม่ได้แค่เปิดบ้านใหม่ แต่กำลังเปิดบทสนทนาใหม่กับผู้บริโภคหลากหลายกลุ่มค่ะ
Venue Portrait ดอนเมือง–แจ้งวัฒนะ
บ้านเดี่ยวที่ใส่ใจชีวิตของ “คนใช้ชีวิตร่วมกัน” เห็นได้ชัดจากการออกแบบให้ Master Bedroom มี Living Area ของตัวเอง และ Walk-in Closet ที่จัดเต็ม มันไม่ได้แค่หรู แต่เหมือนเข้าใจว่าสเปซเล็ก ๆ แบบนี้ช่วยให้ชีวิตคู่ราบรื่นขึ้นได้จริง
Grand Bangkok Boulevard ดอนเมือง–แจ้งวัฒนะ
โครงการที่ใช้ดีไซน์พูดแทนคำว่า “ความเป็นส่วนตัวคือความหรูที่สุด” ได้อย่างสง่างาม ไม่ว่าจะเป็นลิฟต์ส่วนตัว เพดานสูง หรือสระว่ายน้ำในบ้าน ทุกอย่างสื่อสารได้โดยไม่ต้องอธิบายยาว โอปอรู้สึกว่า SC กำลังพูดถึง “ความสงบ” ในแง่ของการใช้ชีวิตอย่างมีคุณภาพ ไม่ใช่แค่ขายพื้นที่
Bangkok Boulevard แจ้งวัฒนะ–ชัยพฤกษ์ และ บรมฯ–สาย 4
ส่วนอีก 2 โครงการในไลน์ Bangkok Boulevard ทั้ง แจ้งวัฒนะ–ชัยพฤกษ์ และ บรมฯ–สาย 4 ก็ยังคงตอบโจทย์ครอบครัวที่อยากขยับขยาย ด้วยทำเลที่เดินทางสะดวก และดีไซน์บ้านที่มีคาแรกเตอร์ต่างกันอย่างชัดเจน
- บรมฯ–สาย 4 ติดถนนใหญ่ ใกล้ส่วนต่อขยายพรานนก–สาย 4 เพียง 500 เมตร มาพร้อมดีไซน์ Modern Tropical ที่ดูเฉียบ คม และโปร่งสบาย
- แจ้งวัฒนะ–ชัยพฤกษ์ เน้นความเรียบง่ายแบบ Modern Organic ที่ดูอบอุ่น น่าอยู่
Matter งามวงศ์วาน
Matter งามวงศ์วาน คือหนึ่งในโครงการที่โอปอรู้สึกถึงความตั้งใจชัดเจนที่สุดค่ะ
SC พูดถึง Matter หลายครั้งในงานแถลงข่าว และทุกครั้งที่พูด ก็ชัดว่าทาวน์โฮม 3 ชั้นนี้เกิดมาเพื่อ Gen Z โดยเฉพาะ แถมยังเหมาะสำหรับคนที่อยากมีพื้นที่ของตัวเอง ใกล้รถไฟฟ้า ราคาเอื้อมถึง และยังคงดีไซน์ที่ภูมิใจจะอยู่ โอปอว่าสิ่งนี้ smart ตรงที่ SC ไม่ได้ลด standard ของตัวเอง แต่ปรับ product ให้เปิดประตูให้คนรุ่นใหม่เดินเข้ามาได้ง่ายขึ้น
Reference สาทร–วงเวียนใหญ่
ความประทับใจคือ เขาไม่ได้แค่พูดถึงคอนโดติดรถไฟฟ้า หรือดีไซน์ที่สวย แต่ใส่ใจไปถึงขั้น “เปิดให้เยี่ยมชมถึงเที่ยงคืน” พร้อมมีรถรับ–ส่งตรงถึงโครงการ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของการออกแบบประสบการณ์ที่เข้าใจคนทำงานเมือง ที่เวลาชีวิตไม่ได้ 9-to-5 เสมอไป
พอฟังจบ โอปอรู้สึกชัดเลยว่า SC ไม่ได้แค่เปิดโปรเจกต์ใหม่ แต่กำลังพยายามสร้างบทสนทนาที่ “บ้านกับชีวิต” เข้าใจกันมากขึ้น และในมุมมองของคนสายมาร์เก็ตติ้ง นี่คือตัวอย่างของการสื่อสารแบรนด์ผ่านโปรดักต์ได้อย่างลึก และมีรสนิยมมาก ๆ ค่ะ
2. ใช้ “SC DAYs” เป็นแคมเปญดึงคนเข้าใจแบรนด์ผ่านประสบการณ์
SC ไม่ได้แค่จัดบูธขายบ้านแบบเดิม ๆ แต่เลือก “เล่นใหญ่” ด้วยแคมเปญ SC DAYs โปรแรง แซงแดด ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 16–21 พฤษภาคมนี้ ณ สยามพารากอน เพื่อเปลี่ยนบรรยากาศการซื้ออสังหาฯ ให้กลายเป็นประสบการณ์แบบ Lifestyle Fair ที่ไม่ได้ชวนแค่คนอยากซื้อบ้าน แต่เปิดให้ทุกคนได้สัมผัสภาพรวมของแบรนด์อย่างครบมิติ
แคมเปญนี้รวมเอาโครงการจากทั่วประเทศมากกว่า 81 โครงการมาไว้ในที่เดียว รวมถึงโครงการใหม่ทั้งแนวราบและแนวสูงที่เปิดตัวในไตรมาสนี้ ทำให้แม้แต่คนที่แค่ “สนใจคร่าว ๆ” ก็สามารถเดินดู เปรียบเทียบ และตัดสินใจได้ง่ายขึ้น โดยไม่ต้องวิ่งนัดหลายโครงการเลยค่ะ → เป็นการลด Friction ใน Customer Journey ได้อย่างชาญฉลาดสุด ๆ
นอกจากนี้ยังมีดีลพิเศษที่ออกแบบมาเพื่อกระตุ้นการตัดสินใจในจังหวะที่ใช่ เช่น
- ส่วนลดสูงสุด 2 ล้านบาท
- ลุ้นรับ iPhone 16e, MacBook Air ทุกวัน, และ ตั๋วเครื่องบินไป–กลับ กรุงเทพฯ–ปารีส มูลค่า 250,000 บาท
- SIAM GIFT CARD มูลค่า 1 ล้านบาท สำหรับผู้ที่จองและโอนภายในเงื่อนไข
ที่สำคัญคือ SC ยังสอดรับกับมาตรการภาครัฐอย่างแยบยล ทั้ง
- ลดค่าธรรมเนียมการโอน–จดจำนอง เหลือ 0.01% สำหรับที่อยู่อาศัยไม่เกิน 7 ล้านบาท
- และ ผ่อนคลาย LTV ให้กู้ได้เต็ม 100%
→ ทั้งหมดนี้ถูกนำมาใช้เป็นจังหวะการสื่อสารที่ “ไม่พูดแค่โปร แต่พูดด้วยความเข้าใจช่วงเวลา”
4 กลยุทธ์ลึกของ SC Asset ที่เปลี่ยนบ้านให้กลายเป็นแบรนด์ที่คนอยากเข้าหา
1. Emotional Placement Strategy ใช้ “พารากอน” เป็น Emotional Trigger มากกว่าพื้นที่เชิงพาณิชย์
การเลือกจัด SC DAYs กลางสยามพารากอน ไม่ใช่แค่เพราะทำเลหรู แต่คือ “กลยุทธ์ทางจิตวิทยาผู้บริโภค” ที่ต้องการเปลี่ยนความรู้สึกของคนต่อคำว่า “บ้านจัดสรร”
ปกติแล้วถ้าอยากดูบ้าน คนต้องตั้งใจเดินเข้า “สำนักงานขาย” หรืออย่างน้อยก็ต้องเจอบูธในห้างที่บอกชัดว่า “มาขายบ้าน” ใช่ไหมคะ แต่ SC เลือกวางตัวเองไว้ใน “สยาม” พื้นที่ที่คนไม่ได้ตั้งใจจะซื้ออะไรใหญ่ ๆ อย่างบ้าน แต่กลับเดินผ่านเพราะอยากใช้ชีวิต และนั่นคือกลยุทธ์ที่ทำให้การซื้อบ้านดูเหมือนกิจกรรมไลฟ์สไตล์ มากกว่าการตัดสินใจทางการเงิน
กลยุทธ์นี้เรียกว่า สร้าง “Brand Moment” ในพื้นที่ที่คนไม่ได้คาดหวังจะเจออสังหาฯ และนั่นแหละคือจุดที่คน “อยากหยุดดู”
2. Story-Driven Branding เปลี่ยนบ้านให้มี Story เพราะคนไม่ได้ซื้อ “แค่หลังคา”
ในหลายโครงการ SC ไม่ได้พรีเซนต์บ้านแบบ Technical แต่สื่อสารผ่าน “คาแรกเตอร์” และ “ภาษาที่เล่าเรื่องได้” จนทำให้บ้านแต่ละหลังดูมีชีวิต
หนึ่งในตัวอย่างที่ชัดมากคือแบรนด์ใหม่อย่าง Matter ที่ตั้งชื่อบ้านว่า MOVE / MATCH / MERGE ซึ่งเป็นชื่อที่จำง่าย พูดได้ และสะท้อนจังหวะชีวิตของคนเริ่มสร้างครอบครัว ซึ่ง SC ตั้งใจเจาะกลุ่ม First-home buyer Gen Z ที่ไม่ได้เลือกบ้านแค่จากสเปก แต่จากความรู้สึกว่า “นี่แหละ บ้านที่ใช่กับตัวฉัน” เพราะสำหรับคนรุ่นใหม่ บ้านไม่ใช่แค่ที่อยู่ แต่คือเวทีชีวิต ที่จะเติบโตไปพร้อมตัวตนของเขาค่ะ
อีกตัวอย่างที่น่าประทับใจคือ COBE ลาดพร้าว–สุทธิสาร คอนโด Low-rise ที่เกิดจากการฟัง pain point ของลูกค้าจริง ๆ ที่หลายคนอยากอยู่กับแบรนด์ SC เพราะเชื่อมั่นในคุณภาพ แต่ติดเรื่องงบ COBE จึงถูกออกแบบให้เข้าถึงง่ายขึ้น (เริ่ม 2 ล้านต้น ๆ) โดยไม่ลดมาตรฐาน ทั้งในด้านทำเล ฟังก์ชัน และดีไซน์ เรียกได้ว่าโครงการนี้ไม่ได้ขายแค่ “ราคาเอื้อมถึง” แต่บอกกับคนรุ่นใหม่ว่า “คุณไม่ต้องลดคุณภาพชีวิต เพียงเพราะงบจำกัด”
ทั้งหมดนี้คือการเปลี่ยน “สินค้าคงที่” อย่างบ้าน ให้กลายเป็นของที่ “มีตัวตน” ตรงกับเทรนด์ยุคใหม่ที่ผู้บริโภคไม่ได้ซื้อแค่ Property แต่ซื้อ Identity
3. Segmented Product Mix ออกแบบบ้านให้ตรงกับชีวิต ไม่ใช่แค่รายได้
โอปอมองว่า SC ไม่ได้ทำ Mass Branding ที่หว่านกว้าง แต่เลือกวางกลยุทธ์แบบ Segmented Branding อย่างชัดเจน ด้วย Product Mix ที่ออกแบบมาตอบโจทย์ “รูปแบบชีวิต” ของแต่ละกลุ่มเป้าหมายอย่างแท้จริงค่ะ
- ทาวน์โฮม ~5 ล้านบาท → สำหรับคนรุ่นใหม่ที่กำลังมองหาบ้านหลังแรกที่มีทั้งดีไซน์ รสนิยม และฟังก์ชันครบ ในราคาที่เข้าถึงได้
- บ้านเดี่ยว 7–10 ล้านบาท → สำหรับครอบครัวที่กำลังขยับขยาย และต้องการพื้นที่ใช้ชีวิตที่รองรับการเติบโตอย่างลงตัว
- วิลล่าหรู 30–60 ล้านบาท → สำหรับผู้บริหารหรือเจ้าของกิจการที่มองหาบ้านที่เป็น “พื้นที่ส่วนตัวระดับพรีเมียม” ที่ให้ทั้งความเงียบสงบ ความสง่างาม และสมดุลของชีวิต
- คอนโด 2–3 ล้านบาท → สำหรับคนเมืองที่ต้องการความคล่องตัวในการใช้ชีวิต อยู่ใกล้รถไฟฟ้า รายล้อมด้วยแหล่งไลฟ์สไตล์ และได้คุณภาพแบบแบรนด์ SC ในราคาที่เอื้อมถึง
ทุกโครงการยังคงคุณสมบัติพื้นฐานของ SC อย่าง “ดีไซน์ – ฟังก์ชัน – ทำเล – นวัตกรรม” แต่ เปลี่ยนวิธีเล่า ให้เข้ากับ mindset ของลูกค้าแต่ละกลุ่ม นี่คือ “การวางสินค้าตามพฤติกรรมจริง” ไม่ใช่แค่ตามรายได้
4. Proactive Trust Strategy สื่อสารก่อน = Trust Builder ที่เหนือคู่แข่ง
หลังเกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวในประเทศไทย ช่วงที่ผ่านมา SC เลือกออกมาสื่อสารทันที โดยยืนยันว่า คอนโดมิเนียมแนวสูงทั้งหมด 33 โครงการผ่านการตรวจโครงสร้างโดยวิศวกรระดับวุฒิวิศวกร และได้รับสัญลักษณ์ “สีเขียว” หมายถึงปลอดภัย 100%
และที่น่าสนใจคือ SC ไม่ได้แค่ประกาศว่าปลอดภัย แต่ยังเปิดพื้นที่ให้ความรู้ด้วยตัวเองผ่านงานเสวนา “อยู่สูงอย่างมั่นใจ อาคาร SC ปลอดภัย 100%” เมื่อวันที่ 25 เมษายน 2568 ที่จัดขึ้นโดยมีทั้งผู้เชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมโครงสร้างและผู้บริหารของ SC ร่วมพูดคุยอย่างตรงไปตรงมา
ภายในงาน SC ได้อธิบาย ขั้นตอนการตรวจสอบโครงสร้าง มาตรฐานการออกแบบอาคาร ไปจนถึงการวางระบบก่อสร้างเพื่ออนาคต เช่น BELT STRUCTURE และ DAMPING SYSTEM ที่ออกแบบมาเพื่อรองรับแรงสั่นสะเทือนและเพิ่มความมั่นใจในระยะยาว
สิ่งนี้ไม่ใช่แค่ทำให้มั่นใจในวันนี้…แต่ทำให้ “เข้าใจและเชื่อมั่น” ได้จริงในทุกวันข้างหน้า
สรุป กลยุทธ์การตลาด SC Asset 2/2025 เปิด 6 โครงการ พร้อมเปิดใจคนรุ่นใหม่ผ่าน Story & Strategy
สิ่งที่โอปอมองว่า SC ทำได้ดีมากในไตรมาสนี้ คือ “การจับจังหวะของคน” ไม่ว่าจะเป็นจังหวะที่หลายคนเริ่มกลับเข้าออฟฟิศ เริ่มมองหาบ้านหลังแรกอย่างจริงจัง หรือแม้แต่จังหวะที่หลายคนขยับขยายจากคอนโดสู่บ้านเดี่ยว ซึ่ง SC ไม่ได้เปิดบ้านเพื่อขาย แต่เหมือนเปิดภาพฝันที่แตกต่างให้กับแต่ละกลุ่ม ตั้งแต่ First-home buyer ไปจนถึง HNWI โดยที่ทุกคนรู้สึกได้ว่าบ้านแต่ละหลัง “ออกแบบมาเพื่อชีวิตแบบเขาโดยเฉพาะ”
และสิ่งที่ทำให้รู้สึกว่าแบรนด์นี้มีความตั้งใจจริง คือการเล่าเรื่องบ้านให้มี “บุคลิก” ไม่ใช่แค่โชว์ฟังก์ชัน แต่เล่าให้เห็นอารมณ์ ความคิด และจังหวะชีวิตที่บ้านแต่ละหลังตอบสนองได้อย่างตรงจุด พร้อมกับการสื่อสารเชิงรุกในเรื่องความปลอดภัยของอาคารและจังหวะนโยบายรัฐ ที่ SC เลือกเป็นฝ่าย “เริ่มเล่า” แทนที่จะรอให้คนถาม นี่แหละที่โอปอว่าเป็นการสร้าง Trust Infrastructure ที่แข็งแรงมากในตลาดอสังหาฯค่ะ
ใครอยากเห็นภาพทั้งหมดนี้ด้วยตาตัวเอง แนะนำให้แวะไปที่งาน SC DAYs โปรแรง แซงแดด จัดเต็ม 6 วันเท่านั้น (16–21 พ.ค. นี้) ที่สยามพารากอน รวมโครงการกว่า 81 โครงการ พร้อมดีลพิเศษและกิจกรรมมากมาย แม้ว่าคุณอาจไม่ได้ตั้งใจจะซื้อบ้าน แต่เดินดูแล้วอาจได้แรงบันดาลใจใหม่ ๆ กลับไปมากกว่าที่คิดก็ได้นะคะ แล้วพบกันใหม่บทความหน้าค่ะ :0)
อ่านบทความเพิ่มเติมที่นี่