Beauty หนึ่งในธุรกิจที่สร้างรายได้เม็ดเงินเป็นกอบเป็นกำที่สุดของโลก วันนี้เราจะพามาดู 10 Beauty Trends 2025 รวมเทรนด์ด้านความสวยความงามทั่วโลก ที่จะส่งผลต่อไปอีกสิบปีข้างหน้า ใครอยู่ในอุตสาหกรรมนี้ห้ามพลาด ส่วนนักการตลาดอย่างเราก็จำเป็นต้องรู้ เผื่อจะเจอไอเดียใหม่ๆ นำไปปรับใช้กับแผนการตลาดปีถัดไปครับ
1. Gen Alpha Skincare เด็กยุคใหม่ใส่ใจจริงจังเรื่องบำรุงดูแลผิว
ไม่น่าเชื่อนะครับว่าเด็กยุคใหม่ Gen Alpha วันนี้จะกลายเป็นกลุ่มที่สนใจกับการบำรุงดูแลผิวไวมาก จากเดิมเด็กยุคก่อนกว่าจะเริ่มสนใจเรื่องการบำรุงดูแลผิว ใส่ใจเรื่องรูปลักษณ์ความสวยความงาม ก็จะก้าวเข้าสู่ช่วงวัยรุ่นหรือมัธยมเป็นต้นไป แต่ดูเหมือนว่าวันนี้ช่วงอายุของสินค้ากลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลผิวนั้นขยับลงไปถึงเด็กอายุ 3 ขวบแล้ว!!
จากรายงานของ The Future 100 VML บอกว่าเด็กหลายคนมีครีม มีโลชั่น มีผลิตภัณฑ์ดูแลบำรุงผิวของตัวเองและก็ใช้เป็นประจำทุกวันเหมือนกับผู้ใหญ่คนหนึ่ง
เริ่มต้นวันด้วยครีมตัวนี้ เซรั่มตัวนั้น ก่อนนอนต้องทาครีมบำรุงอะไรบ้าง เชื่อได้ว่าอีกไม่นานคงมีโต๊ะเครื่องแป้งแต่งหน้าของเด็กออกมา ที่ไม่ใช่แค่ของเล่นขำๆ แต่เป็นของใช้งานจริงๆ วางเคียงข้างโต๊ะเครื่องแป้งของแม่เค้าเลย
สาเหตุหลักปัจจัยหนึ่งที่กระตุ้นให้เกิดพฤติกรรมเทรนด์ความงาม Gen Alpha Skincare แบบนี้ก็น่าจะมาจาก TikTok หนึ่งในโซเชียลมีเดียแพลตฟอร์มวิดีโอสั้นยอดนิยมของคนทุกวัย เมื่อพ่อแม่ยุคใหม่ชอบใช้ iPhone หรือ iPad เป็นพี่เลี้ยงลูก ทำให้พวกเขาได้เห็นคอนเทนต์จากเด็กด้วยกันที่เป็นลูกคนรวย เศรษฐี ที่มีฐานมั่งมีอันจะกินจากทั่วโลก และแน่นอนว่าคนกลุ่มนั้นย่อมมี Lifestyle ที่ไม่ธรรมดา การจะใช้ครีมบำรุงดีๆ หรือเข้าสปาแล้วเอามาทำคลิปลง TikTok ก็ดูจะเป็นการกระตุ้นให้เด็ก Gen Alpha ด้วยกันรู้สึกว่านี่มันคือเรื่องปกติที่เด็กคนไหนก็ทำกัน
จากเดิมสมัยเราเป็นเด็กเราเปรียบเทียบชีวิตตัวเองกับแค่เพื่อนบ้าน หรือเพื่อนในโรงเรียน แน่นอนว่าโลกมันแคบไม่ค่อยกว้าง ส่วนใหญ่ก็มีมาตรฐานชีวิตคล้ายๆ กัน แต่พอวันนี้เราอยู่ในยุคโซเชียลมีเดียที่สามารถเห็นไลฟ์สไตล์ของคนทั่วโลกได้แค่ปลายนิ้ว เราจึงมาบาร์มาตรฐานในการใช้ชีวิตที่ดูสูงขึ้นเกินจำเป็นมาก แล้วยิ่งเราเสพคอนเทนต์แบบนั้นมากเท่าไหร่ นานแค่ไหน Algorithm ก็ยิ่งเข้าใจว่าเราชอบคอนเทนต์แบบนั้น ก็ยังเฟ้นหาคอนเทนต์คล้ายๆ กันมาป้อนหน้าฟีดลูกหลานเราขึ้นไปอีก
แล้วนั่นก็ทำให้เด็กยุคใหม่ Gen Alpha อาจเข้าใจว่านี่คือสิ่งที่เด็กรุ่นราวคราวเดียวกันฉันทำเป็นเรื่องปกติ เพราะฉันเห็นมันทั้งวันทั้งคืน ก็เลยย้อนกลับมากระตุ้นให้เกิดเทรนด์นี้ Skincare for Alpha ที่ทำให้เด็กยุคใหม่ใส่ใจเรื่องความสวย ความงาม การบำรุงดูแลผิวพรรณเร็วกว่าเด็กยุคก่อนมากๆ ครับ
และนั่นก็ทำให้บรรดาบริษัทเครื่องประทินผิวความสวยความงามต่างๆ หันมาออกสินค้าและบริการเพื่อจับกลุ่ม Gen Alpha มากมายในต่างประเทศ (ในประเทศเราผมยังไม่เห็น ถ้ามีช่วยส่งอัปเดทมาบอกหน่อยนะครับ) เรียกได้ว่ามีพวกครีมบำรุง สกินแคร์ ไปจนถึงสปาเพื่อกลุ่มเด็กรุ่นใหม่ Gen Z พ่อแม่รวยโดยเฉพาะ
กลุ่มสินค้าด้าน Beauty สำหรับเด็ก Gen Alpha ยังมีขยายไปถึงกลุ่มเครื่องสำอาง ที่ไม่ใช่แค่เพื่อบำรุงผิว แต่ยังเพื่อเพิ่มความสวยงามอีกด้วย เพราะกลุ่มตั้งแต่ 13 ปีลงไปใส่ใจกับเรื่องความสวยความงามหน้าตาของตัวเองมากกว่าเด็กยุคก่อน
แต่อย่างไรเสียเทรนด์นี้ก็ยังมีช่องว่างทางการตลาดอยู่ เพราะเครื่องสำอางสำหรับเด็กส่วนใหญ่ทำมาเพื่อเด็กผิวขาวโดยส่วนใหญ่ ทั้งที่เด็กผิวสีจำนวนมากก็อยากจะได้เครื่องสำอางเติมสวยสำหรับพวกเธอบ้าง และอีกหน่อยคงขยายมายังผิวเหลืองอย่างเอเซียในเร็ววัน
โรงแรมหรูในประเทศอังกฤษอย่าง Luxury Family ก็ยังเปิดบริการบำรุงดูแลผิวสำหรับเด็กยุคใหม่ Gen Alpha โดยเฉพาะตั้งแต่ปลายปี 2023 เป็นบริการบำรุงดูแลผิวสำหรับเด็กอายุตั้งแต่ 3-16 ปี ทำให้บรรดาแม่ๆ ผู้ปกครองที่มีเงินสามารถพาลูกมาเข้าคอร์สสปาทรีตเมนต์บำรุงดูแลผิวนวดๆ ถูๆ สวยๆ ไปด้วยกัน
สรุป Beauty Trends 2025 ที่ 1 Gen Alpha Skincare ผลิตภัณฑ์ความงามกับเด็กยุคใหม่
ดูเหมือนว่าเด็กยุคใหม่ Alpha จะถูกหล่อหลอมให้ใส่ใจกับภาพลักษณ์ภายนอกเร็วเกินเด็กทุกยุคสมัยที่เคยเป็นมา จากเดิมสินค้ากลุ่มความสวยความงามเน้นจับกลุ่มวัยรุ่นเป็นหลัก เริ่มขยับมาสู่เด็กวัยตั้งแต่ 3 ขวบที่เพิ่งเริ่มเข้าอนุบาลแล้ว
ในฐานะนักการตลาด Gen Y ตอนปลายคนหนึ่งแอบรู้สึกเป็นห่วงกับเรื่องนี้ เด็กยุคใหม่ดูเหมือนจะเหนื่อยกับการใช้ชีวิตเร็วขึ้นกว่าเด็กยุคก่อนมาก ห่วงที่สองคือกลุ่มพ่อแม่ผู้ปกครองที่ต้องเหนื่อยหาเงินมากกว่าแค่ค่าของเล่น แต่ยังต้องมีค่าเครื่องสำอางครีมบำรุงผิวชนิดต่างๆ
ในฐานะมนุษย์คนหนึ่งอยากฝากถึงนักการตลาด ผู้บริหาร และเจ้าของธุรกิจว่า เรากำลังทำสินค้าหรือบริการที่อยากขายให้ลูกๆ หลานๆ เราจริงๆ ใช่หรือไม่ ถ้าไม่ ก็อยากให้คิดทบทวนอีกครั้ง เพราะบางครั้งสิ่งที่เราผลักดันเพื่อสร้างกำไรทางธุรกิจ อาจเป็นพิษต่อสังคมที่ลูกหลานเราจะอยู่ต่อไปในระยะยาวครับ
2. Gothic Grace สวยลุคแม่มดสะท้อนถึงพลังหญิงที่ถูกกดจากชาย
VIDEO
เทรนด์การแต่งหน้าแบบ Gothic Grace นี้น่าสนใจ ไม่ใช่เพราะแค่มันคือการแต่งหน้าแนวใหม่ที่มีความจัดจ้านชัดเจนขึ้นในสไตล์ Gothic สีดำๆ ที่เคยคุ้นตากัน แต่มันยังมีเรื่องราว Storytelling เบื้องหลังว่าทำไมเทรนด์การแต่งลุคแม่มดดำจัดๆ ถึงเริ่มกลับมาเป็นเทรนด์หลักอีกครั้ง
แม่มดคือตัวแทนของเพศหญิงที่ทรงพลังอำนาจ จนทำให้ผู้ชายในสมัยก่อนที่อยู่ในยุคสังคมชายเป็นใหญ่เกิดความกลัวหรือไม่ชอบใจ ป่าวประกาศให้ผู้หญิงที่มากอำนาจและตัวเองควบคุมความคิดการกระทำพวกเธอไม่ได้กลายเป็นแม่มด หรือพวกนอกรีตทางสังคม จนนำไปสู่การจับพวกเธอไปเผาทั้งเป็นตามเรื่องราวในหนังสือประวัติศาสตร์มากมาย
อย่าง Joan of Arc วีรสตรีที่โด่งดังของฝรั่งเศสในเวลานั้นก็ถูกกล่าวหาว่าเป็นแม่มดในช่วงท้ายของชีวิต ทั้งที่ตัวเธอเองเป็นผู้นำทัพรบชนะอังกฤษแย่งชิงพื้นที่ให้ฝรั่เศสกลับคืนมาได้มากมาย
แรกๆ ก็ได้รับการสนับสนุนกลุ่มชายผู้สูงศักดิ์ แต่หลังๆ กลุ่มชายเหล่านั้นเห็นว่าพวกเธอเก่งจนน่ากลัวเกินไป จึงคิดว่าเป็นไปไม่ได้ที่ผู้หญิงที่ดูเป็นเพศที่ต้องอ่อนแอกว่าชายจะมาแกร่งและเก่งเกินชายได้ ก็เลยถูกยัดข้อหาให้เป็นแม่มดไปในท้ายที่สุด
นี่คือเรื่องราวเบื้องหลังของเทรนด์ Gothic Grace หรือการแต่งหน้าให้ดูสวยงามแบบในยุคมืดที่กลับมาอีกครั้งในปี 2024-2025 มันไม่ใช่แค่เรื่องความสวยความงาม แต่มันคือการสะท้อนถึงพลังอำนาจของผู้หญิงที่จะไม่ยอมสวยเพื่อให้เป็นที่ปรารถนาของผู้ชายแต่อย่างไร
แต่พวกเธอจะเลือกสวยในแบบนี้เพราะพวกเธอชอบ จะเรียกว่าสวยแบบขบถๆ จากธรรมเนียมในสังคมก็ว่าได้ และการแต่งหน้าสไตล์ Gothic Grace ก็มีการพัฒนาแบบใหม่ๆ จากตัวอย่างที่เห็นว่ามีการทำคิ้วดูเป็นหนามชัดเจน หรือการแต่งหน้าให้ดูซีดๆ แล้วทาปากดำเข้มตัดกับผิวชัดๆ เป็นต้น
แบรนด์ใหญ่อย่าง Dior เองก็มีการแต่งลุคแบบนี้ในงาน Paris Fashion Week ในปี 2023 ดังนั้นจะเห็นว่าเทรนด์นี้เริ่มเกิดมาแล้วสักพัก เพียงแต่จะเริ่มชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ นับจากนี้เป็นต้นไป
สรุป Beauty Trends 2025 ที่ 2 Gothic Grace
ดูเหมือนว่าเทรนด์เรื่องความงามจะมาสู่จุดที่สวยเพื่อเชิดชูในพลังอำนาจของผู้หญิงมากขึ้น และช่วงเวลายุค Gothic ก็ดูจะสะท้อนเรื่องนั้นได้เป็นอย่างดี ช่วงเวลาที่ผู้หญิงเก่งถูกกล่าวหาว่าเป็นแม่มดเพื่อลดพลังอำนาจพวกเธอลง ในวันนี้ความเท่าเทียมทางเพศระหว่างชายหญิงกลายเป็นมาตรฐานทางสังคมที่ทุกคนยอมรับกัน
ดังนั้นพวกเธอจึงเลือกที่จะแต่งหน้าปรับลุคเพื่อเล่าเรื่องราวในประวัติศาสตร์ที่ถูกมองข้ามอีกครั้ง เพื่อทำให้คนในสังคมโดยเฉพาะผู้ชายได้รับรู้ว่าพวกเธอถูกกระทำอะไรมาบ้าง และต่อจากนี้ไปจะเป็นช่วงเวลาแห่งพลังหญิงเต็มๆ
แบรนด์อาจไม่ต้องหยิบเรื่องการแต่งหน้าแต่งตัวสไตล์ Gothic มาใช้ในการทำสินค้าหรือแคมเปญการตลาด แต่ต้องเข้าใจว่าผู้หญิงอยากจะบอกเล่าเรื่องราวของพวกเธอมากขึ้น อยากบอกให้รู้ว่าพลัง อำนาจ หรือความสามารถของผู้หญิงนั้นมองข้ามหรือจะปฏิบัติเหมือนเดิมไม่ได้อีกต่อ
3. Slow Beauty สวยหรูต้องรอ
เพราะความสวยรอไม่ได้ หนึ่งในประโยคยอดฮิตที่เคยทัชอินไซด์กลุ่มเป้าหมายผู้หญิงส่วนใหญ่เป็นอย่างดี แต่มาวันนี้เหมือนการสวยแบบรวดเร็วทันใจจะไม่ได้ถูกจริตตรงใจผู้บริโภคยุคใหม่สักเท่าไหร่ครับ
และเทรนด์การมาของสินค้าบำรุงผิวความสวยความงามแบบที่นอกจากจะแพงแล้วยังต้องรอคิวนานมากกว่าจะหาซื้อได้แต่ละขวด เมื่อการผลิตแบบเร่งรีบที่เป็นอุตสาหกรรมโรงงานแบบเดิมนั้นไม่ตอบโจทย์
เพราะผู้บริโภคยุคใหม่อยากได้สินค้าที่ไม่ใช่แค่ดีด้วยวัตถุดิบ แพคเกจจิ้ง แต่ยังต้องดีตั้งแต่ขั้นตอนการผลิต การเป็นว่ายิ่งช้ายิ่งดี ยิ่งรู้สึกอยากจ่ายให้แพงกว่ากับขั้นตอนการผลิตแบบธรรมชาติที่ต้องใช้ระยะเวลารอนานกว่าครีมบำรุงผิวแบเดิม
Vintner’s Daughter คือหนึ่งในแบรนด์ที่เกริ่นมา พวกเขาทำผลิตภัณฑ์บำรุงผิวเพื่อความงามมานานกว่าสิบปีแล้ว ด้วยการใช้วัตถุดิบส่วนผสมจากธรรมชาติแท้ 100% เท่านั้น และที่สำคัญไปกว่านั้นก็คือยังใช้ขั้นตอนการผลิตแบบธรรมชาติ ซึ่งต้องใช้เวลานานกว่าการผลิตในรูปแบบอุตสาหกรรมความสวยความงามเดิมมาก แต่กลายเป็นว่าลูกค้ายิ่งอยากได้แล้วก็ยอมจ่ายในราคาแพงขึ้นครับ
ทางผู้ก่อตั้งแบรนด์ Vintner’s Daughter เองบอกว่าตัวเขามาจากผู้ผลิตไวน์เดิม จึงทำให้มีรู้ว่าจะต้องหมัก กลั่น บ่ม เล่นกับวัตถุดิบจากธรรมชาติอย่างไรให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
ก็น่าสนใจนะครับที่ไวน์ยิ่งดียิ่งรอนาน ยิ่งราคาแพง แล้วทำไมครีมเซรั่มบำรุงผิวที่ดีที่แพงจะต้องใช้ระยะเวลาในการรอไม่ได้หละ
แบรนด์นี้มีสินค้าขายแค่ 3 ตัวเท่านั้น แถมยังบอกว่าแต่ละขวดที่วางขายต้องใช้ระยะเวลาการผลิตนานถึง 3 สัปดาห์ และนั่นก็เป็นระยะเวลาที่นานกว่าปกติถึง 33 เท่า เมื่อเทียบกับการผลิตครีมหรือเซรั่ม หรือในอุตสาหกรรมความสวยความงามแบบเดียวกันครับ
หรืออย่าง Stella McCartney ก็ได้ร่วมมือกับกลุ่ม LVMH ในการผลิตสินค้าไลน์ใหม่ออกมา ที่ตั้งใจว่าจะทำสกินแคร์ครีมบำรุงที่คุณภาพมากๆ และต้องใช้ระยะเวลาในการคราฟออกมาให้ดีที่สุดจริงๆ สำคัญคือต้องใช้วัตถุดิบส่วนผสมที่เป็นธรรมชาติแบบสุดๆ เพราะเชื่อว่ามันจะดีกับผู้หญิงทุกคนบนโลกจนกลายเป็น Game Changer ของอุตสาหกรรมความสวยความงามนับจากนี้
บริษัทสตาร์ทอัปด้านความงามอย่าง Dieux ก็ประกาศชัดเจนว่าจะทำสินค้าในแนว Slow Beauty ออกมาขาย และพวกเขาก็ทำออกมาแล้วเป็น Forever Eyemask มันก็คือที่มาร์คตาแบบใช้ครั้งเดียวทิ้งราคา 25 ดอลลาร์ ตีเป็นเงินไทยเวลานี้ก็เกือบพันบาทเท่านั้นเอง!!
ผู้บริหารในกลุ่มแฟชั่นความงามบอกว่าผู้คนเริ่มให้ความสำคัญกับจริยธรรมของการผลิต การทำธุรกิจ ไปจนถึงสินค้าที่ตัวเองใช้ สินค้านี้ไม่ใช่แค่ว่าใช้แล้วดีมั้ย วัตถุดิบดีหรืเปล่า แต่ยังดูไปถึงกรรมวิธีขั้นตอนการผลิตสร้างขึ้นมา ว่าเรากำลังใช้เงินเพื่อสนับสนุนโลกให้ดีขึ้น หรือใช้เงินเพื่อทำลายล้างโลกใบนี้ที่กำลังจะกู่ไม่กลับมากขึ้นทุกที
สรุป Beauty Trends 2025 ที่ 3 Slow Beauty สวยหรูต้องรอ
ทั้งหมดนี้ก็มาจากภาวะโลกเดือด ที่หนักยิ่งกว่าภาวะโลกร้อน เลยทำให้ผู้คนหันมาตระหนักใส่ใจกับเรื่อง ESG หรือ Sustaiable จริงจังทุกวันนี้
ดังนั้นการจะผลิตสินค้าเป็นจำนวนมากๆ มาขายแบบเดิมอาจไม่ได้รับความสนใจจากผู้บริโภคยุคใหม่ แบรนด์ทั้งหลายจึงเริ่มหันมาผลิตสินค้าแบบค่อยๆ ไม่รีบ เน้นความคราฟ นิยามความหรูหราจะเปลี่ยนไปจากแค่แพคเกจหรูดูแพง กลายเป็นกรรมวิธีที่ดีต่อโลกนี่แหละที่ทำให้คนยอมจ่ายแพงแบบเต็มใจ
4. Branded Spas เปิดสปาของแบรนด์เพื่อสร้าง Brand Experience
เทรนด์แบรนด์ความงามหรือ Beauty Brand ยุคใหม่นับจากปี 2024-2025 เป็นต้นไปจะหันมาเปิด Spa ของตัวเองมากขึ้น สาเหตุหลักเพราะต้องการสร้างพื้นที่ Brand Experience ของตัวเองอย่างเต็มที่ และอีกส่วนหนึ่งก็เพื่อยกระดับแบรนด์ให้ดูเป็น Premium หรือ Luxury ขึ้นไปอีก ในเชิงกลยุทธ์ลับๆ คือการตั้งใจจะทำแบรนด์เดิมที่เป็นแค่สินค้ากลายเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านความงามมากว่าเดิม
เรามาสำรวจเทรนด์ Branded Spa สปาของแบรนด์ไปด้วยกันว่าที่ต่างๆ ในโลก ณ วันนี้มีสปาของแบรนด์ใดที่ดูน่าสนใจบ้างครับ
Photo: https://www.harpersbazaar.com/beauty/hair/a44358112/sisleys-paris-new-york-maison-opening/
ในช่วงฤดูร้อนปี 2023 Sisley-Paris ได้สร้าง Maison Sisley New York หรือสปาของแบรนด์ขึ้นมาเป็นแห่งแรกในอเมริกาเหนือ ด้วยพื้นที่ขนาด 250 ตารางเมตร มีห้องทรีตเมนต์ถึง 4 ห้อง มีโซนแต่งหน้า และก็มีโซนทำผมแยกออกจากกัน ทั้งหมดที่แบรนด์ทุ่มเททำ ก็เพื่อยกนะดับภาพลักษณ์ของแบรนด์ ไปจนถึงควบคุมการออกแบบ Brand Experience ให้ลูกค้าที่เข้ามาได้รู้ว่าแบรนด์นี้มีตัวตนอย่างไร แล้วถ้าจะกลับไปทำเองที่บ้านต้องทำแบบไหน
Guerlain ก็เป็นอีกแบรนด์นึงที่ออกมาสร้างสปาของตัวเองขึ้นที่ Raffles ในกรุงลอนดอน ชื่อว่า The OWO ด้วยพื้นที่ใหญ่เกือบ 270 ตารางเมตร
Photo: https://www.standard.co.uk/lifestyle/wellness/guerlain-spa-raffles-london-owo-review-b1168637.html
สปาอยู่บริเวณชั้น 4 ของโรงแรม Raffles แห่งนี้ และในพื้นที่นี้ก็ยังมีประวัติศาสตร์น่ารู้เพราะมันเคยสำนักงานสงครามอันเก่าแก่ของเมือง
สปาของ Guerlain ไม่ได้มีไว้แค่ขายสินค้าของแบรนด์ แต่ยังมีไว้เพื่อให้บริการ Exclusive Treatment แบบใหม่ๆ ของแบรนด์ เพื่อสร้างประสบการณ์ที่แตกต่างที่ลูกค้าจะไม่เคยได้รับจากที่ไหนมาก่อน
Photo: https://www1.lovethatdesign.com/wp-content/uploads/2024/01/Love-That-Design_The-Skin-Lab-By-Augustinus-Bader-London-11-scaled.jpg
Augustinus Bader ก็ได้เปิดสปาของตัวเองชื่อว่า The Skin Lab ในเมืองลอนตอนด้วยวัตถุประสงค์เดียวกันแบรนด์ต่างๆ ที่ยกตัวอย่างไปก่อนหน้า นั่นก็คือต้องการสร้างพื้นที่ Brand Experience เพื่อออกแบบประสบการณ์ของลูกค้าอย่างเต็มที่ ให้ลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการได้มีความทรงจำที่ดี ท้ายที่สุดก็คือการเปิดโอกาสไปสู่ New Business Opportunity ใหม่ๆ
ก็ในเมื่อร้านความสวยความงามต้องเอาสินค้าเราไปขายหรือให้บริการกับลูกค้า แล้วทำไมเราไม่เป็นคนให้บริการสินค้าเราเพื่อสอนลูกค้าด้วยตัวเองหละ
สรุป Beauty Trends 2024-2025 ที่ 4 จาก Beauty Brand สู่ Beauty Spa เพื่อสร้าง Brand Experience
จากแบรนด์เครื่องสำอาง สกินแคร์ ความสวยความงาม ขยับมาสู่การเปิดร้านให้บริการลูกค้าด้วยตัวเอง จึงเป็นที่มาของเทรนด์ที่ 4 Branded Spa สปาของแบรนด์ที่ไม่ใช่แค่เรื่องการสร้างรายได้ใหม่ แต่เป็นการควบคุมและออกแบบ Brand Experience ให้ได้ดั่งใจที่อยากเป็น
และนั่นก็นำมาสู่การยกระดับภาพลักษณ์ของแบรนด์ให้ดูแพงขึ้น รอดูว่าในบ้านเราจะมี Beauty Brand ใดบ้างที่หันมาทำสปาของแบรนด์ตัวเองกันครับ
5. Skingestibles จากทาสู่กิน จากครีมทาผิวสู่อาหารเสริมบำรุงผิว
ดูเหมือนเทรนด์อาหารเสริมจะขยายใหญ่ไปทั่วโลก และหนึ่งในกลุ่มธุรกิจที่เริ่มมาจับอาหารเสริมจริงจังก็คือธุรกิจความงามเครื่องสำอางหรือว่าครีมแบรนด์ดังที่เราคุ้นเคย
เทรนด์นี้มีชื่อว่า Skingestibles หรือผิวสวยด้วยการกิน จากการสำรวจของบริษัท Mintel ในสหรัฐอเมริกาก็บอกว่าตลาดอาหารเสริม Supplement นั้นจะโตขึ้นอย่างมาก ภายในปี 2027 น่าจะมีมูลค่ามากถึง 45,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นเงินไทยก็ 1.6 ล้านล้านบาทโดยประมาณ
ดังนั้นเทรนด์การผลิตอาหารเสริมเพื่อบำรุงผิวของแบรนด์ผู้เชี่ยวชาญเรื่องผิวดังๆ กำลังเป็นเทรนด์อย่างมาก อย่าง HyaCera ก็มาออกสินค้ากลุ่มกินเพื่อบำรุงผิวที่บอกว่ากินวันละ 1 แคปซูลทุกวันควบคู่กับการทาครีม จะช่วยบำรุงและดูแลผิวคุณไปจนถึงทำให้ผิวกระจ่างใสขั้นสุด
ไม่รุ้อีกหน่อยจะกลายเป็นทั้งกินทั้งทาในขวดเดียวกันหรือเปล่า
ทางแบรนด์ฝรั่งเศสก็ไม่น้อยหน้า Aime เองก็เปิดตัวว่าเป็นอาหารเสริมกินบำรุงผิวมาตั้งแต่ปี 2018 แล้ว ก่อนจะค่อยย้อนทางขยายสินค้ากลับเข้าไปยังกลุ่มสกินแคร์แบบทาทั่วไป ด้วยการโปรโมทว่าทั้งกินทั้งทาจะยิ่งดีต่อผิวคุณยกกำลังสอง
ทางแบรนด์ฝรั่งเศสก็ไม่น้อยหน้า Aime เองก็เปิดตัวว่าเป็นอาหารเสริมกินบำรุงผิวมาตั้งแต่ปี 2018 แล้ว ก่อนจะค่อยย้อนทางขยายสินค้ากลับเข้าไปยังกลุ่มสกินแคร์แบบทาทั่วไป ด้วยการโปรโมทว่าทั้งกินทั้งทาจะยิ่งดีต่อผิวคุณยกกำลังสอง
จากการสำรวจฝั่งผู้หญิงอเมริกาโดย The Benchmarking Company พบว่ากว่า 76% อยากให้แบรนด์ความสวยความงามหันมาออกอาหารเสริมเพื่อกินบำรุงผิวพวกเธอได้แล้ว
VIDEO
และเทรนด์อาหารเสริมกินบำรุงผิวก็ไปไกลขนาดมีเครื่อง 3D Printer ที่จะพิมพ์อาหารเสริมที่ Personalization กับผิวคุณแต่ละคนมากที่สุด จากเดิมมีแค่เครื่องผสมครีมแบบรายวันแบบ Personalization เพื่อให้คุณได้ทาปกป้องตัวเอง มาวันนี้เราพัฒนาไปสู่การกินแบบ Personalization แล้ว น่าสนใจว่าธุรกิจความงามจะไปถึงจุดไหน ต้องรอติดตามกันต่อไปในปีหน้าๆ ครับ
สรุป Beauty Trends 2024-2025 ที่ 5 Skingestibles จากทาสู่กิน
ดูเหมือนแบรนด์ใหญ่ๆ เริ่มหันมาจับธุรกิจการผลิตอาหารเสริมเพื่อบำรุงผิวพรรณแทนการทำแค่ครีมบำรุงผิวที่มีมายาวนาน เมื่อความน่าเชื่อถือของแบรนด์สามารถต่อยอดไปยังสินค้าอื่นได้ง่ายกว่าแบรนด์ใหม่ หรือบางแบรนด์อาจเริ่มต้นจากอาหารเสริมแล้วก็ขยับขยายมาสู่ครีมบำรุงผิวก็เป็นได้
ทั้งหมดนี้บอกให้รู้ว่าตลาดอาหารเสริมจะโตขึ้นอีกอย่างมาก แต่สำคัญสุดคือแบรนด์ที่ดูน่าเชื่อถือกว่าจะได้เปรียบในการแข่งขันมากกว่าครับ
จากทาสู่กิน หรือจากกินสู่ทา อีกหน่อยเราคงเจอแบรนด์ความงามที่มีจุดขายว่า “ทั้งกินทั้งทาได้ในขวดเดียวกัน”
6. Nail couture เล็บต้องอลัง
เทรนด์การทำเล็บแบบสุดออกไปทางกึ่งหลุดโลก(ในความคิดผม)ดูจะกลายเป็นที่นิยมไปทั่วโลกแล้วในเวลานี้ เดิมทีการทำเล็บมีไว้แค่ทำสี แต่เทรนด์การทำเล็บวันนี้มันคือการประดับตกแต่งสิ่งต่างๆ ให้ดูอลังการดาวล้านดวงบนเล็บเรา
เดิมทีการทำเล็บแบบอลังๆ จะเป็นแค่กลุ่มเล็กๆ ไม่ได้แมสหรือกระจายไปในวงกว้างอย่างทุกวันนี้ จำนวนร้านที่รับทำก็มีน้อยมาก แต่ดูเหมือนว่าวันนี้เราจะสามารถหาร้านที่รับทำเล็บแบบอลังการได้ไม่ยาก และก็ยังมีให้บริการแทบทุกเมืองหลวงทั่วโลก
ส่งผลให้ร้านทำเล็บ หรือร้านเพ้นท์เล็บนั้นแข่งขันกันว่าใครจะประดิษฐ์หรือมีความคิดสร้างสรรค์ให้ออกมาอลังกว่ากัน ใครจะสามารถสรรหาเทคนิคใหม่ให้ลูกค้าเกิดความสนใจจนต้องแห่มาทำ และหนึ่งในร้านที่ได้รับความนิยมจนโด่งดังก็เห็นจะเป็นศิลปินนักออกแบบเล็บชื่อดัง Tomoya Nakagawa ที่กรุงโตเกียว
Photo: https://www.coeval-magazine.com/coeval/tomoya-nakagawa
เขาทำเล็บเป็นรูปทรงสุดจินตนาการมากมาย ทั้งแต่หยดน้ำใสๆ ที่เสมือนเกาะอยู่บนนิ้วแบบไม่มีวันละเหยหายไป ไปจนถึงรูปทรงสุดอลังการที่เสมือนว่าเป็นเขี้ยวเล็บสัตว์ในตำนานอะไรแบบนี้
และการจะทำเล็บให้ออกมาแบบนี้ก็ไม่ได้ใช้แค่งานฝึมือ แต่ยังต้องใช้เทคโนโลยีวิศวกรรมอย่าง 3D Printer มาช่วยสร้าง แล้วก็ใช้เครื่องมืออย่าง Airbrush มาช่วยตกแต่งสีสันให้ได้ดั่งจินตนาการมากที่สุด
ในต่างประเทศถึงขั้นมีการเปิด Beauty Tech Art Spa ช่วงปลายปี 2023 ที่กรุงลอนดอน มีการรวม 6 นักออกแบบเล็บชื่อดังให้มาร่วมแสดงผลงานการออกแบบเล็กที่งานนี้
จากการคาดการณ์ของ Grand View Research บอกว่าตลาดร้านทำเล็บทั่วโลกจะมีมูลค่ามากถึง 12,830 ล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นเงินไทยก็ราวๆ 500,000 ล้านบาท ส่วนตัวผมรู้สึกว่าบ้านเราก็มีร้านทำเล็บอะไรแบบนี้เยอะไม่น้อย น่าจะถูกผลักดันให้เป็น Soft Power สำคัญอีกแง่มุมหนึ่ง
ในวันที่บรรดาคนดังทั่วโลกต่างก็หันมาทำเล็บ แต่งเล็บ หรือเล่นกับเล็บให้ดูเวอร์วังอลังการ ร้านทำเล็บเองก็ถือเป็นหนึ่ง Community ย่อมๆ เพราะเวลาที่คุณต้องทำเล็บย่อมหมายถึงช่วงระยะเวลาหนึ่งที่คุณจะต้องมีปฏิสัมพันธ์กับใครสักคน อาจเป็นพนักงานในร้าน หรืออาจเป็นคนข้างๆ ที่มาทำเล็บเหมือนกัน
สรุป Beauty Trends 2024-2025 ที่ 6 Nail couture เล็บต้องอลัง
เมื่อการทำเล็บไม่ใช่เรื่องเล็กๆ เพราะเล็บถูกทำให้เด่นเตาะตาจนอาจจะเรียกว่าเด่นแย่งใบหน้าเราไปแล้วก็ได้
การแสดงออกผ่านเล็บก็จะเป็นรูปแบบหนึ่งที่คนรุ่นใหม่ทำกัน แบรนด์เราจะเข้าไปเกาะกับเทรนด์นี้อย่างไร เล็บของแบรนด์เราจะออกมามีหน้าตาแบบไหน หรือในวันที่คนทำเล็บกันหนักมาก ก็ย่อมต้องการสินค้าหรือบริการที่ช่วยถนอมดูแลเล็บให้ดียิ่งขึ้นกว่าเดิม
7. Bio Scentsation วิศวกรรมกลิ่น
น้ำหอม นับเป็นหนึ่งในสินค้าหลักที่ทำยอดขายดีมากของกลุ่มธุรกิจความสวยความงาม และนั่นก็เป็นที่มาของเทรนด์ที่ 7 เมื่อกลิ่นถูกยกระดับไปอีกขั้นที่ไม่ใช่แค่ให้ความหอม แต่ยังสามารถนำกลิ่นที่สูญหายจากโลกนี้ไปแล้วกลับมาอีกครั้ง หรือการสร้างสรรค์กลิ่นใหม่ที่มีความเฉพาะเจาะจงคุณสมบัติบางอย่าง
บริษัทความสวย ความงาม หรือแฟชั่น ต่างก็หันมาทุ่มลงทุ่นกับเรื่องกลิ่นเยอะมากในช่วงที่ผ่านมา บริษัทด้านกลิ่นที่เกิดใหม่ชื่อว่า Future Society ก็ได้เอาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมาสร้างกลิ่นของดอกไม้เก่าแก่ที่สูญพันธุ์จากโลกนี้ไปแล้ว ด้วยการสกัด DNA แล้วสร้างขึ้นมาใหม่อีกครั้ง
คิดถึงภาพยนต์เรื่อง Jurasic Park เหมือนกันนะครับ แต่เปลี่ยนจากเอาไดโนเสาร์กลับมาเหลือแค่ดอกไม้ที่ให้กลิ่นหอมที่ไม่เป็นอันตรายต่อมนุษย์
หรือนอกจากการสร้างกลิ่นหอมใหม่ด้วยการเอากลิ่นเก่ากลับมา แต่ยังสามารถสร้างกลิ่นใหม่ที่ช่วยกำจัดกลิ่นตัวอันไม่พึงประสงค์ของมนุษย์ได้
ธุรกิจสินค้ากลุ่มกำจัดกลิ่นตัวนั้นมีมูลค่าตลาดที่ใหญ่มาก ก็แล้วทำไมไม่สร้างกลิ่นขึ้นมาจากวิศวกรรมหละ เพื่อทำให้การกำจัดกลิ่นตัวอันไม่พึงประสงค์นั้นยิ่งมีประสิทธิภาพขึ้นไปอีก
ลองคิดภาพว่าถ้าคุณออกกำลังกายมาเหนื่อยๆ เหงื่อชุ่มตัว หรือในหน้าร้อนแดดแรงจนรักแร้ชุ่มเหงื่อ กลิ่นตัวคุณจะไม่กระจายออกไปยังคนข้างๆ แค่คุณใช้นวัตกรรมใหม่อย่าง Bio Scentsation ที่ทำให้กลิ่นคุณหายไป หรือกลายเป็นกลิ่นใหม่ที่คนอยากเข้าใกล้แทน
และวิศวกรรมการสร้างกลิ่นก็ยังเป็นที่สนใจของกลุ่ม Luxury Brand มากมาย เพราะน้ำหอมคือสินค้าทำเงินที่มีต้นทุนต่ำของแบรนด์หรูจำนวนมาก ดังนั้นการสร้างกลิ่นใหม่ตามต้องการ หรือการสร้างกลิ่นเดิมด้วยต้นทุนที่ต่ำลงย่อมดึงดูดให้เกิดการลงทุนมากขึ้นแน่
สรุป Beauty Trends 2024-2025 ที่ 7 Bio Scentsation วิศวกรรมกลิ่น
เมื่อวิทยาศาสตร์ก้าวหน้าไปมากจนทำให้ภาคธุรกิจสามารถนำมาประยุกต์ใช้งานได้ งานวิจัยจะไม่ได้ถูกวางไว้บนหิ้งอย่างเดียวอีกต่อไป แต่จะนำไปสู่การสร้างผลกำไรใหม่ๆ ที่จะส่งผลต่องบประมาณการวิจัยต่อไปในอนาคต
กลิ่นก็คือหนึ่งในนั้นที่บริษัทต่างๆ จะเข้ามาลงทุนสร้างสินค้าใหม่ๆ ออกมามากขึ้นเรื่อยๆ ดูเหมือนเทรนด์การสร้างกลิ่นแบบเฉพาะเจาะจงจะเริ่มแพร่หลายมากขึ้นนับจากนี้ไป แบรนด์ของคุณหละมองเรื่องนี้อย่างไร คิดถึงกลิ่นของแบรนด์คุณหรือยัง หรือคุณอยากได้กลิ่นที่มีคุณสมบัติแบบไหนเพื่อเอาไปส่งต่อให้ลูกค้าคุณอีกที
8. A-Beauty เทรนด์ตลาดความงามของกลุ่มสตรีแอฟริกัน
Euromonitor คาดการณ์ว่าตลาดสินค้าความสวยความงามในทวีปแอฟริกาที่มีมูลค่ามากถึง 8,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2023 จะขยับไปเป็น 10,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2025 นี่จึงเป็นตลาดใหม่ที่น่าจับตามองอย่างมากจากแบรนด์เครื่องสำอางความสวยความงามจากทั่วโลกในเวลานี้
ทวีปแอฟริกาเป็นหนึ่งในภูมิภาคที่มีการเจริญเติบโตทั้งทางเศรษฐกิจและจำนวนประชากรอย่างมาก เคยมีการคาดการณ์ว่าในอนาคตอันใกล้ทวีปนี้จะกลายเป็นหัวใจสำคัญของเศรษฐกิจโลกยุคใหม่ ด้วยจำนวนประชากรรวมที่จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
นั่นหมายความว่าทั้งแรงงานหนุ่มสาวคนรุ่นใหม่ที่เข้ามาสร้าง Productivity เพิ่ม GPD ให้ประเทศตัวเอง บวกกับกำลังซื้อที่จะเพิ่มสูงขึ้นตามรายได้ และหนึ่งในความต้องการของผู้บริโภคแอฟริกาที่กำลังเป็นเทรนด์ใหม่อย่าง African Beauty หรือที่เรียกว่า A-Beauty กำลังมาเป็นเทรนด์สำคัญในวงการ Beauty อย่างมาก
และนั่นก็ทำให้ทวีปแอฟริกาเองเกิดแบรนด์ใหม่ๆ จากในภูมิภาคตัวเองขึ้นมากมายในช่วงเวลาที่ผ่านมา มีการพัฒนาวัตถุดิบจากธรรมชาติภายในท้องถิ่นที่มีเอกลักษณ์ เข้ากับนวัตกรรมที่ล้ำสมัยจนเกิดเป็นสินค้าความงามใหม่เพื่อผู้หญิงแอฟริกาจริงๆ
ตัวอย่าง Uncover เป็นบริษัทสตาร์ทอัพที่ดำเนินงานในประเทศเคนยากับไนจีเรีย ให้บริการสกินแคร์และครีมกันแดดที่ออกแบบมาเพื่อผู้หญิงผิวสีแบบแอฟริกันจริงๆ
เพราะผิวสีดำนั้นต้องการการดูแลใส่ใจที่ไม่เหมือนผิวสีอื่น พวกเขาผิวแห้งกว่าและบอบบางคนคนผิวขาวมาก และปัจจุบันนี้ก็มีไม่กี่แบรนด์ในท้องตลาดทั่วไปที่ผู้หญิงผิวสีแอฟริกันสามารถหยิบมาใช้ได้จริงๆ
ความน่าสนใจของ Uncover อีกอย่างคือแม้จะเป็นบริษัทในประเทศเคนยา แต่กลับผลิตสินค้าในประเทศเกาหลี ประเทศที่ขึ้นชื่อเรื่องสินค้าความสวยความงามอันดับหนึ่งของโลกในเวลานี้
มันคือการผสมผสานระหว่างนวัตกรรมเกาหลีที่เป็นอันดับหนึ่งของโลกด้านความงาม เข้ากับวัตถุดิบธรรมชาติแอฟริกา เพื่อคนแอฟริกันจริงๆ ตัวอย่างครีมกันแดดที่ทำจากว่านหางจรเข้ที่ออกแบบมาให้ทาผิวแล้วไม่ทิ้งคราบครีมสีขาวให้ดูเป็นรอยด่างสำหรับคนที่มีผิวสีคล้ำ
ส่วนว่านหางจรเข้ที่นำมาใช้ก็เป็นสายพันธุ์ในทวีปแอฟริกา มีการผสมกรดไฮยาลูโรนิก แล้วก็มาพร้อมกับคุณสมบัติกันแดดด้วย SPF 50+ ครับ
มารู้จักอีกหนึ่ง A-Beauty แบรนด์กำลังดังในทวีปแอฟริกาอย่าง 54 Thrones ที่มีที่มาของชื่อจาก 54 ประเทศในทวีปแอฟริกานั่นเอง แบรนด์นี้ก่อตั้งโดย Christina Tegbe ที่ต้องการสร้างเครื่องสำอางจากแก่นแท้ทางวัฒนธรรมที่มาจากประเทศไนจีเรียของเธอ
มีการใช้ส่วนผสมท้องถิ่นอย่างครีมเชียร์บัตเตอร์ของชาวกานาและชาวยูกันดา ไปจนถึงน้ำมันสกัดจาก Baobab และ โจโจ้บาออย์ เป็นวัตถุดิบคุณภาพสูงที่ปลูกในทวีปแอฟริกาจริงๆ และยังมีรายละเอียดอื่นๆ ทั้งในส่วนของวัตถุดิบไปจนถีงขั้นตอนการผลิตที่ได้รับแรงบันดาลใจมากจากประเพณีโบราณของชาวแอฟริกาที่ทวีปอื่นไม่มี
ช่างเป็นเครื่องสำอางหรือครีมบำรุงผิวความสวยความงามโดยชาวแอฟริกาเพื่อผู้หญิงแอฟริกาจริงๆ ครับ
ยังมีอีกหนึ่งแบรนด์ที่อยากให้รู้จัก นั่นก็คือ Emolyne เป็นแบรนด์เครื่องสำอางที่ทำเฉดหลากสีเพื่อสาวแอฟริกาที่มีความต้องการหลากหลาย แต่ยังอยู่ภายใต้เงื่อนไขผิวที่คล้ายๆ กัน
ผู้ก่อตั้งชื่อ Emolyne Ramlov เป็นชาวยูกันดาแต่ไปเติบโตที่ประเทศเดนมาร์ก แล้วก็ย้ายไปอยู่กรุงลอนดอนประเทศอังกฤษ ดังนั้นแบรนด์ Ramlov จะเป็นแบรนด์ที่ถือกำเนิดในประเทศอังกฤษ แต่ผู้ก่อตั้งก็มีเชื้อสายแอฟริกาเต็มตัวโดยกำเนิด เธอเลยออกแบบสีสำหรับเล็บและลิปที่มีความหลากหลาย แต่ก็ยังเหมาะกับผิวของผู้หญิงชาวแอฟริกาเช่นเธอที่มีความแตกต่างกันแม้จะเป็นผิวสีเหมือนกัน
ที่สำคัญคือชื่อของแต่ละเฉดสีก็ถูกตั้งตามพื้นที่ที่มีความแตกต่างในทวีปแอฟริกาอย่างใส่ใจ เรียกได้ว่าเป็นแบรนด์จากลอนดอนโดยคนแอฟริกันในทวีปแอฟริกาจริงๆ ครับ
สรุป Beauty Trends 2024-2025 ที่ 8 A-Beauty เทรนด์เครื่องสำอางเพื่อผู้หญิงแอฟริกันในทวีปแอฟริกา
จากเทรนด์ความต้องการเครื่องสำอางความสวยความงามของผู้หญิงแอฟริกันที่จะเพิ่มมากขึ้นทุกที แต่ในขณะเดียวกันสภาพผิวของพวกเธอก็ไม่สามารถใช้แบรนด์เครื่องสำอางหรือครีมที่ขายกันทั่วไปได้เท่าไหร่นัก
ด้วยผิวสีที่เข้มมากออกไปทางดำ จึงทำให้พวกเธอต้องการสินค้าที่ผลิตมาอย่างใส่ใจและเข้าใจในผิวของพวกเธอ นี่คือโอกาสใหม่ในระดับโลกสำหรับแบรนด์เครื่องสำอางหรือความสวยความงามทั้งหลาย ที่จะเข้าไปสร้างสินค้าเพื่อผู้หญิงแอฟริกันในทวีปแอฟริกาครับ
9. EQ Beautification เทรนด์สินค้าความงามที่ส่งผลต่อสมองให้สุขเพิ่มขึ้น
เมื่อเครื่องสำอาง ครีมบำรุงผิว หรือผลิตภัณฑ์ความงามทั้งหลายจะทำหน้าที่แค่ทำให้ผู้หญิงสวยขึ้นอย่างเดียวไม่ได้ แต่ธุรกิจความสวยความงามยุคใหม่ต้องผลิตสินค้าที่ทำให้ผู้หญิงหรือผู้ใช้นั้นรู้สึกสวย หรือมีอารมณ์ที่ดีขึ้นด้วย
ใช่ครับ เรากำลังพูดถึงเครื่องสำอางหรือผลิตภัณฑ์ดูแลตัวเองที่จะทำให้เรามีอารมณ์ที่ดีขึ้นทุกครั้งที่ใช้ นี่คือเทรนด์ใหม่ของธุรกิจความงามที่ถ้ามองให้ลึกซึ้งลงไปดีๆ จะพบว่ามันก็คือสิ่งที่ผู้หญิงต้องการจากการดูแลตัวเองให้สวยขึ้นทุกวัน
เพราะความสวยคือความสุข นี่คือสิ่งที่ผมตกผลึกได้จากที่เคยทำงานร่วมกับสินค้า Beauty Brand มากมาย ผู้หญิงไม่ได้สวยเพื่อผู้ชาย ไม่ได้สวยเพื่อใคร แต่พวกเธออยากสวยเพื่อให้ตัวเองมีความสุขที่ได้เห็นตัวเองหน้ากระจกทุกครั้ง ฉะนั้นวันนี้สินค้าความสวยความงามจึงยกระดับไปอีกขั้นด้วยการทำกลิ่นจากผลิตภัณฑ์ของตัวเองให้เมื่อเปิดใช้ ทา แล้วดม จะมีความสุขหรือรู้สึกดีกับตัวเองขึ้นมาทันที
บริษัทสตาร์ทอัพด้านความงามที่มีชื่อว่า I AM Proud ที่เริ่มต้นบริษัทในปี 2020 ต้องการให้ผู้หญิงผู้ใช้งานรู้สึกดีและมีความสุขกับตัวเองมากขึ้น พวกเขาเลยพัฒนาสกินแคร์ ครีมบำรุงผิว แชมพูยาสระผม และผลิตภัณฑ์ดูแลตัวเองออกมาในปี 2023 จากการพัฒนามาอย่างยากลำบากที่พิสูจน์ได้แล้วว่าถ้าใช้สินค้าแบรนด์นี้ผู้ใช้จะมีความสุขมากขึ้น
เพราะพวกเขาพัฒนากลิ่นหรือส่วนประกอบด้วยหลักทางวิทยาศาสตร์ ที่ไม่ใช่แค่วิทยาศาสตร์เกี่ยวกับเครื่องสำอางความสวยความงามทั่วไป แต่เป็นศาสตร์ทางด้านอารมณ์จริงๆ มีการวัดผลทางสมองหรือ Neuroscience แล้วว่าผู้ใช้สมองจะมีการหลั่งสารเคมีที่รับรู้ว่ามีความสุขมกาขึ้น มีการสแกนม่านตาระหว่างการใช้งาน บวกกับวิเคราะห์ใบหน้าด้วย Facial Recognation ว่ามีความสุขกว่าครีมทาบำรุงผิวทั่วไปหรือเปล่า
ทำให้แบรนด์นี้มีจุดขายที่แบรนด์อื่นลอกได้ยาก เพราะผ่านการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ด้านสมองมาแล้วว่าใช้แล้วสุขเพิ่มขึ้นจริง นี่คือตัวอย่างของ Beauty Brand ที่แค่ทำให้สวยขึ้นอย่างเดียวไม่พอ แต่ต้องทำให้สมองมีความสุขเพิ่มขึ้นในแบบที่วัดผลได้ทางวิทยาศาสตร์จริงๆ
อีกหนึ่งแบรนด์ที่ทำเรื่องนี้คือ Selfmade พวกเขาทำ Beauty Product ขึ้นมาด้วยหลัก Psychodermatology ไม่ได้วัดผลแค่ว่าบำรุงผิวพรรณได้ดีมั้ย แต่ทำให้รู้สึกดีมีความสุขเพิ่มขึ้นแบบวัดผลได้ด้วยมั้ย เราจะเริ่มเห็นสินค้ากลุ่ม Beauty Brand ที่เน้นจุดขายเรื่องอารมณ์ ความสุข แบบมีผลรับรองทางวิทยาศาสตร์เข้าสู่ท้องตลาดมากขึ้นเรื่อยๆ นับจากนี้ไป
สรุป Beauty Trends 2024-2025 ที่ 9 EQ Beautification เทรนด์สินค้าความงามที่ส่งผลต่อสมองให้สุขเพิ่มขึ้น
ดูเหมือนว่าการแข่งกันที่ใครบำรุงดีกว่า ดูแลดีกว่านั้นไม่เพียงต่อสำหรับสินค้ากลุ่ม Beauty อีกต่อไป เพราะเรากำลังก้าวเข้าสู่ยุค Neuroscience วิทยาศาสตร์กับสมอง สินค้ากลุ่มความสวยความงามต้องทำให้ผู้ใช้งานมีความสุขที่พิสูจน์ได้ทางวิทยาศาสตร์จริงๆ
เพราะเราอยู่ในยุคที่เต็มไปด้วยความเครียด การแข่งขัน ความกดดัน และการเร่งรีบ ดังนั้นการทำให้กลุ่มเป้าหมาย ลูกค้า หรือผู้ใช้งานของเรามีความสุขกับตัวเองเพิ่มอีกได้สักนิด น่าจะส่งผลต่อยอดขายไม่น้อยแน่ๆ ครับ
10. Bioharmonizing Spas คืนสมดุลให้ร่างกาย เพิ่มอายุขับให้ชีวิต
จากกระแส Bio Hacking ที่พยายามทำอะไรให้สุดลิมิตชีวิตเกินร้อยกันมานาน ตอนนี้ดูเหมือนว่ากระแสอีกด้านคือการปรับสมดุลให้ชีวิต นั่นก็คือ Bioharmonizing นั่นเองครับ
Bioharmonizing เปรียบได้กับการรีเซ็ตชีวิต รีเซ็ตสมอง รีเซ็ตร่างกาย เพราะเราอยู่ในยุคที่อะไรเร่งรีบไปหมดก็เลยสะสมความเครียดเต็มตัวเต็มร่าง ก็เลยทำให้เกิดเทรนด์สปาเพื่อคืนสมดุลให้ชีวิต ปรับร่างกายให้กลับมาสดใหม่อีกครั้ง
และสิ่งนี้ก็มักมาในรูปแบบของสปา สปาที่เน้นการพักผ่อน พักฟื้น พักคืนร่างกายลูกค้าที่ต้องจ่ายแพงมากถึงจะสามารถเข้าถึงบริการแบบนี้ได้ เพราะมันต้องอาศัยทั้งผู้เชี่ยวชาญทางด้านร่างกายและจิตใจ เพื่อเน้นสุขภาพกายและสุขภาพใจในระยะยาว
ในวันที่เรามีอายุยืนยาวขึ้นก็ไม่น่าแปลกใจที่จะมีหลายคนพยายามจะรักษาคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้นยาวนานตาม ตัวอย่างที่กรุงโรม อิตาลี ก็มีสปาแบบนี้ที่ชื่อว่า Six Senses Rome เปิดในเดือนมีนาคม 2023 ที่ผ่านมา ด้วยการตกแต่งแบบสถาปัตยกรรมโรมันโบราณ แต่มี Modern Treatment การดูแลรักษาแบบสุดล้ำ
หรือแบรนด์ Kintsugi ก็เปิดให้บริการเฉพาะลูกค้าผู้หญิงเท่านั้น และที่สำคัญคือไม่ได้เปิดให้บริการกับคนทั่วไป แต่เปิดให้เฉพาะผู้ที่ได้รับเชิญมาใช้บริการเท่านั้นจริงๆ เรียกว่า Exclusive สุดๆ
เราจะเห็นเทรนด์สปาแบบนี้เพิ่มมากขึ้น สปาไม่ใช่แค่เพื่อผ่อนคลายร่่างกาย แต่ออกไปทางผ่อนคลายจิตใจเสียมากกว่า มาพร้อมกับค่าใช้บริการที่แพงมหาศาล นี่จึงเป็นอีกหนึ่งเทรนด์ด้านความสวยความงามที่สำคัญสำหรับใครที่อยากขยับไปจับ Luxury Target
สรุป Beauty Trends 2024-2025 ที่ 10 Bioharmonizing Spas คืนสมดุลให้ร่างกาย เพิ่มอายุขับให้ชีวิต
เมื่อ Bio Hacking อาจส่งผลดีระยะสั้นทำให้เรามีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นแบบฉับพลันทันใจ แต่ในระยะยาวอาจเป็นผลเสียต่อเรามากๆ ก็เหมือนกับการที่เราขับรถยนต์ด้วยความเร็วสูงนานๆ แบบไม่ผ่อนคันเร่ง เครื่องยนต์ก็ย่อมเสื่อมพังง่าย ร่างกายเราก็เช่นเดียวกัน
ดังนั้นเทรนด์ของสปาแบบเน้นการดูแลเยียวยาและรักษาให้เรามีคุณภาพชีวิตที่ดีในระยะยาวกำลังมา เน้นการฟื้นฟูทั้งร่างกายและจิตใจ เพื่อทำให้เรามีชีวิตที่ยืนยาวอย่างมีประสิทธิภาพ ในโลกที่กำลังเต็มไปด้วยผู้สูงวัยและเราทุกคนก็ล้วนมีค่าเฉลี่ยชีวิตที่เพิ่มขึ้นกว่าคนรุ่นก่อนหน้าอย่างมากครับ
สรุป 10 Beauty Trends 2024-2025 รวมเทรนด์ความสวยความงามทั่วโลกจาก The Future 100 VML
Gen Alpha Skincare เมื่อเครื่องสำอางลงไปจับตลาดกลุ่มลูกหลานเราแล้ว
Gothic Grace เพราะความสวยคืออำนาจ เลยสะท้อนผ่านการแต่งหน้ายุค Gothic
Slow Beauty เพราะความสวยที่ดีนั้นต้องรอ สินค้ากลุ่มผลิตน้อย ใช้เวลาผลิตนานจึงเริ่มเป็นที่ต้องการมากขึ้น
Branded Spa แบรนด์ความงามหันมาทำสปาให้บริการลูกค้าเพื่อคุม Brand Experience
Skingestibles อาหารเสริมกินเพื่อผิวสวย ตลาดใหม่ โอกาสใหญ่ ทั้งกินทั้งทาในแบรนด์เดียวกัน
Nail Couture เล็บไม่ใช่เรื่องเล็ก มันคืองานศิลป์สำคัญ
Bio Scentsation น้ำหอมจากการสร้างด้วยวิทยาศาสตร์ ที่เอาธรรมชาติยุคโบราณที่สูญพันธุ์กลับมา
A-Beauty ผู้หญิงแอฟริกันในทวีปแอฟริกา ตลาดใหม่ ตลาดใหญ่ ที่มีความต้องการไม่เหมือนผู้หญิงทั่วไปในโลก
EQ Beautificaion สวยด้วยอารมณ์ เครื่องสำอางยุคนี้ต้องทำให้ผู้หญิงมีอารมณ์ที่ดีและมีความสุขมากขึ้น
Bioharmonizing Spa สปาเพื่อทำให้เราผ่อนคลายทั้งร่ายกายและชีวิต เพื่อจะได้มีคุณภาพชีวิตที่ยืนยาว
และนี่คือ 10 Beauty Trends 2024-2025 เทรนด์ความสวยความงามจากทั่วโลก ใครที่อยู่ในกลุ่มธุรกิจเครื่องสำอาง ผลิตภัณฑ์ดูแลตัวเองของผู้หญิง บอกเลยว่าลองหาโอกาสจาก 10 เทรนด์นี้ว่าเราจะนำไปต่อยอดธุรกิจและการตลาดอย่างไรได้บ้างครับ
อ่านบทความ 10 Branding & Marketing Trends 2024-2025
Source: https://www.vml.com/insight/the-future-100-2024