ถ้าพูดถึงแอพฟังเพลง ผมเชื่อว่า Spotify เป็นหนึ่งในแอพที่ทุกคนนึกถึง หลังจากการเปิดตัวแอพในปี ค.ศ. 2008 จากแอพที่ยังไม่ค่อยเป็นที่รู้จัก ไปสู่แอพที่ทุกคนสนใจที่ได้พลิกโฉมวงการดนตรี และเปลี่ยนวิถีการฟังเพลงของผู้คนให้ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป Spotify ใช้กลยุทธ์อะไรบ้างในการเอาชนะใจคนฟัง เดี๋ยววันนี้ผมจะมาเล่าให้ฟังกับ กลยุทธ์การตลาด Spotify 2025 ขึ้นแท่น No.1 Music Streaming Appครับ
ทำความรู้จัก Spotify
Spotify คือแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งเพลงและ Podcast ที่ผู้ฟังสามารถฟังได้จากทุกที่ทั่วโลกผ่านระบบออนไลน์ โดยมีบริการทั้งแบบ Free และแบบ Premium Membership
ในปัจจุบัน Spotify คือบริการมิวสิคสตรีมมิ่งที่เป็นที่นิยมที่สุดในโลก ด้วยจำนวนผู้ใช้มากกว่า 615 ล้านคน ซึ่งเป็นสมาชิก Spotify Premium มากกว่า 239 ล้านคน จากกว่า 180 ประเทศทั่วโลก
Spotify ยืนยันกำไรพุ่งสูงสุดปลายปี 2024
คุณ Daniel Ek, Founder & CEO ของ Spotify กล่าวว่า “เราไม่เคยอยู่ในตำแหน่งที่ก้าวหน้ากว่านี้มาก่อน ต้องขอบคุณและยกย่องการทำงานที่ยอดเยี่ยมของทีมงาน ที่เราได้ทำผลงานเกินความคาดหมายของตลาด”
เพราะว่าล่าสุด Spotify เปิดเผยผลประกอบการในไตรมาส 3 ปี 2024 บริษัทสามารถทำกำไรได้ตลอดทั้งปี โดยจำนวนผู้ใช้งานรายเดือน (MAUs) เพิ่มขึ้น 11% จากปีก่อนหน้า เป็น 640 ล้านคน ในขณะที่จำนวน Premium Membership เพิ่มขึ้น 12% เป็น 252 ล้านคน Spotify มีรายได้รวมเติบโต 19% เป็น 3.988 พันล้านยูโร และมีกำไรสุทธิ 300 ล้านยูโร ทำให้ Spotify มีอัตรากำไรขั้นต้นที่สูงเป็นประวัติการณ์ที่ 31.1%
3 กลยุทธ์ เอาชนะใจคนฟังของ Spotify
#Membership ยิ่งหารเยอะยิ่งราคาถูก
Spotify มี Membership ที่หลากหลายหลายที่ตอบโจทย์ผู้ฟัง โดยแต่ละแพลนจะได้รับสิทธิประโยชน์ต่างกันครับ โดยของ Spotify นั้นจะพยายามกระตุ้นให้ผู้ฟังเลือกใช้แพลนที่เป็น Duo หรือ Family เพื่อให้ได้รับประสบการณ์ที่ดีขึ้น ในราคาที่ถูกลง ซึ่งในแพลน Membership การฟังเพลงจะไม่มีโฆษณาคั่นระหว่างการฟัง คุณภาพเสียงที่ดีขึ้น การข้ามเพลงได้ไม่จำกัด โดยแพลนจะแบ่งหลัก ๆ เป็น 5 ประเภทดังนี้ครับ
1.Spotify Free สำหรับผู้ใช้งานทั่วไป ที่ไม่ต้องการเสียค่าใช้จ่าย แต่ก็จะมีข้อจำกัดบางอย่าง เช่น มีโฆษณาคั่นระหว่างฟังเพลง ข้ามเพลงได้จำกัดจำนวนครั้ง ไม่สามารถใช้คุณภาพเสียงสูงได้
2. Spotify Premium Individual เหมาะสำหรับผู้ใช้คนเดียวที่ต้องการฟังเพลงแบบไม่มีข้อจำกัดใดๆ ไม่มีโฆษณาคั่น เล่นเพลงใดก็ได้ตามต้องการ ข้ามเพลงได้ไม่จำกัด และสามารถใช้คุณภาพเสียงสูง (High Quality Audio)
3.Spotify Premium Duo เหมาะสำหรับด้วยกัน 2 คน ราคาถูกกว่า Individual สองบัญชี โดยจะมีฟีเจอร์ทุกอย่างเหมือนกับ Premium Individual โดยมีเงื่อนไขว่า ผู้ใช้ทั้ง 2 คนต้องมีที่อยู่เดียวกัน
4.Spotify Premium Family เหมาะสำหรับครอบครัวที่อาศัยอยู่ในบ้านเดียวกัน รองรับได้สูงสุดสูง 6 คน ราคาประหยัด และมีฟีเจอร์ทุกอย่างเหมือนกับ Premium Individual โดยมีเงื่อนไขว่าสมาชิกทุกคนต้องมีที่อยู่เดียวกัน
5. Spotify Premium Student เหมาะสำหรับนักเรียน/ นักศึกษาที่มีสิทธิ์ยืนยันสถานะการศึกษา โดยราคาถูกกว่ารายเดือน Individual ประมาณครึ่งหนึ่ง
#Personalized Playlist
คือเพลย์ลิสต์ที่ถูกสร้างขึ้นมาด้วย AI และ Machine Learning ของ Spotify โดยอิงจากพฤติกรรมการฟังเพลงของผู้ใช้ เช่น เพลงที่ฟังบ่อย ศิลปินที่ชอบ แนวเพลงที่ชื่นชอบ
ระบบ Algorithm ที่แม่นยำ ทำให้สามารถแนะนำเพลงได้อย่างตรงใจ มี Playlist ตามพฤติกรรมการฟัง เช่น “Discover Weekly” หรือ “Release Radar” ที่เป็นเอกลักษณ์ของ Spotify ที่ช่วยให้ผู้ใช้ค้นพบเพลงใหม่ ๆ ที่ตรงกับรสนิยมนั่นเองครับ
#Spotify Wrapped
เป็นฟีเจอร์ที่ Spotify เปิดตัวทุกสิ้นปี โดยสรุปข้อมูลเกี่ยวกับพฤติกรรมการฟังเพลงของผู้ใช้งานในช่วงปีที่ผ่านมา เช่น การจัดอันดับ Top Songs มีการระบุศิลปินที่เราฟังมากที่สุด และที่คนชอบแชร์กันมากก็คือเปอร์เซ็นต์ผู้ฟังที่มากที่สุด เช่น “You’re in the top 1% of Ed Sheeran’s listeners”
มีผู้ฟังหลาย ๆ คนที่แชร์สถิติของตัวเอง ทำให้เกิดการบอกต่ออย่างมหาศาล แบรนด์ต่าง ๆ พยายามนำแนวคิดนี้ไปปรับใช้ในแคมเปญของตนเอง แต่ Spotify Wrapped ก็ยังคงเป็นที่นิยมมากที่สุดในปัจจุบัน
Customer Lifetime Value (CLV) ของ Spotify
CLV หรือ Customer Lifetime Value คือ มูลค่าที่ลูกค้าแต่ละรายนำมาให้กับธุรกิจตลอดระยะเวลาที่ใช้บริการหรือซื้อสินค้าจากเรา
ถ้าลูกค้าจ่ายเงินกับเราบ่อย ๆ และอยู่นาน ๆ จะนับว่ามี CLV สูง
ถ้าลูกค้าจ่ายเงินน้อย หรือเลิกใช้เร็ว CLV ก็จะต่ำ
ซึ่งสามารถคำนวนได้จากสูตร
CLV = มูลค่าเฉลี่ยของการซื้อต่อครั้ง x ความถี่ในการซื้อ x ระยะเวลาที่เป็นลูกค้า (ปี)
ตัวอย่างเช่น ลูกค้า Spotify ที่สมัคร Premium เดือนละ 129 บาท และใช้บริการเป็นเวลา 3 ปี
CLV = 129 x 12 เดือน x 3 ปี = 4,644 บาท
Non-Profitable Customers: ลูกค้ากลุ่มนี้คือผู้ใช้ที่มีค่าใช้จ่ายต่ำ ใช้แบบ Free และไม่เคยอัปเกรดเป็นสมาชิก Premium โดยมีการใช้งานต่ำและไม่ก่อให้เกิดรายได้ Spotify สามารถ เพิ่มการมีส่วนร่วมกับลูกค้ากลุ่มนี้ โดยการโปรโมตแผน Premium ผ่านข้อเสนอพิเศษ เช่น การทดลองใช้งานฟรี
Active Profitable Customers: กลุ่มนี้ใช้บริการสมาชิก Premium แต่อัตราการใช้งานของลูกค้ากลุ่มนี้ไม่ค่อยสม่ำเสมอ อาจมีการใช้งานในบางช่วงหรือบางเดือนเท่านั้น มี CLV ปานกลาง เนื่องจากการใช้งานที่ไม่ต่อเนื่อง และโอกาสในการลดมูลค่าลงได้ Spotify สามารถกระตุ้นการใช้งานให้บ่อยขึ้น โดยการส่งเสริมแคมเปญที่กระตุ้นให้ลูกค้ากลับมาใช้งานบ่อยขึ้น
Very Active Profitable Customers: กลุ่มนี้คือผู้ใช้ที่ฟังเพลงเป็นประจำ มีการใช้งานอย่างต่อเนื่อง และเป็น สมาชิก Premium ที่จ่ายเงินอย่างสม่ำเสมอ ลูกค้ากลุ่มนี้มี CLV สูง เพราะมีการจ่ายค่าบริการรายเดือนในระยะยาว โดย Spotify ต้องการที่จะรักษาลูกค้ากลุ่มนี้ ด้วยการนำเข้า Exclusive Content หรือพอดแคสต์เพื่อรักษาความพึงพอใจ
และนี่ก็คือ กลยุทธ์การตลาด Spotify ขึ้นแท่น No.1 Music Streaming App เอาชนะใจคนฟังด้วยกลยุทธ์เด็ด Membership Personalized Playlist และ Spotify Wrapped รวมไปถึงกลยุทธ์การใช้ Customer Lifetime Value (CLV) คำนวนมูลค่าที่ผู้ฟังนำมาให้กับธุรกิจ
สำหรับใครที่สนใจอ่านบทความอื่นๆ หรือ ต้องการอัปเดตความรู้การตลาดเพิ่มเติม สามารถติดตามได้ที่ เพจการตลาดวันละตอน และช่องทาง Twitter Instagram YouTube ของการตลาดวันละตอนได้เลยนะครับ แล้วพบกันใหม่ครับ
อ่านบทความเพิ่มเติมได้ที่