ดูเหมือนว่าตอนนี้ทาง Shopee กำลังหันไปลุยตลาด Food Delivery อย่างเต็มตัว พร้อมเปิดตัวฟีเจอร์ใหม่อย่าง ‘Pickup รับที่ร้าน’ บนแอปพลิเคชั่น ShopeeFood ให้ลูกค้าสามารถไปรับที่ร้านได้ เหมือนๆ กับแพลตฟอร์มสั่งอาหารออนไลน์เจ้าอื่น พร้อมโปรโมชั่นดึงดูดลูกค้าใหม่มากมาย จะมีกลยุทธ์อะไรซ่อนอยู่เดี๋ยวเราไปชำแหละกันดูครับ
ShopeeFood กับการบุกตลาดใหม่ เสริมแกร่ง Ecosystem
สำหรับแอปสั่งอาหารน้องใหม่อย่าง ShopeeFood ที่พึ่งเปิดตัวไปเมื่อต้นปีนั้น เรียกได้ว่าเป็นการบุกตลาด Food Delivery ของยักษ์ใหญ่เจ้าตลาด E-Commerce ที่หลายฝ่ายต้องจับตามอง เนื่องจากทาง Shopee นั้นก็มีฐานลูกค้าเดิมอยู่จำนวนมาก ทำให้การเชื่อมต่อลูกค้าเข้ากับบริการใหม่ทำได้ง่ายขึ้น
ซึ่งเป็นเหมือนการเสริมแกร่ง Ecosystem ให้มีความหลากหลายและครอบคลุมการให้บริการ ไม่ว่าจะเป็นแอป Mobile Wallet อย่าง ShopeePay หรือแอป E-Commerce อย่าง Shopee เองก็ตาม ข้อได้เปรียบสำหรับการมี Ecosystem ที่ครอบคลุมการให้บริการครบวงจร ยังช่วยให้ Shopee สามารถเก็บ Data จากหลากหลายช่องทาง มาทำการวิเคราะห์พฤติกรรมของผู้บริโภค และนำไปประกอบการทำแคมเปญการตลาดที่แม่นยำได้อีกด้วย
อีกทั้งยังเป็นการแตกไลน์ธุรกิจ ซึ่งช่วยเพิ่มช่องทางรายได้ กระจายความเสี่ยง ต่อยอดภาพลักษณ์ของแบรนด์ อีกทั้งยังช่วยเพิ่มฐานลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ นอกเหนือจากฐานลูกค้าจากธุรกิจเดิมได้อีกด้วย และจากสถานการณ์ตอนนี้ที่ร้านค้าปลีกยักษ์ใหญ่อย่าง 7-Eleven เข้ามาตีตลาด E-Commerce และหวังชิง Market Share จากเจ้าเก่า ซึ่งจากเดิมก็มีการแข่งขันสูงอยู่แล้วนั้น การหันไปหาช่องทางการเติบโตใหม่ๆ
เพราะในอนาคตแม้ Shopee จะเป็นเจ้าตลาดอยู่แล้ว แต่ทาง 7-Eleven เองก็เป็นผู้เล่นที่เพียบพร้อมไปด้วยทรัพยากรและมีศักยภาพสูง การจะต้องเสีย Market Share ให้กับพวกเขาก็ไม่ใช่เรื่องแปลก ดังนั้นการออกไปชิง Market Share จากตลาดใหม่ มาทดแทนส่วนที่เสียไปจากธุรกิจ E-Commerce จึงเป็นการแก้เกมส์ที่ดีมาก
ข้อดีของร้านอาหารจากการเข้ามาของ ShopeeFood
การเข้ามาของ ShopeeFood ช่วยให้ร้านอาหารต่างๆ ทั้งร้านดัง ร้านหรู หรือร้านในซอย สามารถใช้การตลาดแบบ Omni-Channel หรือการเพิ่มช่องทางการขายที่มีความหลากหลายได้ ซึ่งช่วยเพิ่มโอกาสให้ลูกค้าเข้าถึงสินค้าและบริการได้มากขึ้น โดยปัจจุบันอาจจะมีช่องทางการขายบนออนไลน์มากอยู่แล้ว
แต่สำหรับแอปที่มีฐานลูกค้าจำนวนมากจากแพลตฟอร์ม E-Commerce อยู่แล้วนั้น อาจทำให้ร้านอาหารที่เข้ามาขายในแอปมีโอกาสที่จะได้กลุ่มลูกค้าใหม่ที่เป็นฐานลูกค้าเดิมของ Shopee อีกด้วย
อีกทั้งช่องทาง Online ยังเป็นช่องทางที่สามารถขยายฐานลูกค้าได้อย่างรวดเร็วและเข้าถึงลูกค้าได้อย่างทั่วถึง แม้ว่าธุรกิจร้านอาหารจะมีข้อจำกัดด้านระยะทางการขนส่งก็ตาม แต่ก็ทำให้ความได้เปรียบเรื่องทำเลไม่ใช่เรื่องใหญ่อีกต่อไป เพราะแม้แต่ร้านอร่อยในซอยตันก็สามารถเป็นที่รู้จักโดยทั่วไปได้ เพราะฉนั้นโจทย์ใหญ่ที่ธุรกิจอาหารควรพูดถึงในปัจจุบันควรเป็นเรื่องรสชาติ มาตรฐาน และความคุ้มค่า มากกว่าทำเลที่ตั้ง
เพราะในปัจจุบันพฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว และการสั่งอาหารออนไลน์ในประเทศที่แดดร้อนอย่างกับไฟเออร์อย่างบ้านเรา ก็ได้รับความนิยมมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง เชื่อว่าอีกไม่นานร้านค้าทำเลทองใจกลางเมือง อาจทำยอดขายสู้ร้านป้าติ๋มซอยตันที่ฝีมือปลายจวักขั้นเทพจนติด Top3 ร้านขายดีบนแพลตฟอร์มก็เป็นได้ครับ
อีกทั้งการเข้ามาในตลาด Food Delivery ในครั้งนี้ยังสะท้อนถึงพันธกิจของ Sea (NYSE:SE) บริษัทต้นสังกัดของ Shopee คือการยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้บริโภคและผู้ประกอบการรายย่อยให้ดียิ่งขึ้นด้วยเทคโนโลยีอันล้ำหน้า ผ่านการดำเนินสามธุรกิจหลัก ได้แก่ Shopee ,Garena และซีมันนี่ นั่นเองครับ
ฟีเจอร์ “Pickup รับที่ร้าน” กับกลยุทธ์ดึงดูดลูกค้าใหม่
หลังจากพึ่งเปิดตัวแอปส่งอาหารออนไลน์น้องใหม่ไปได้ไม่นาน ดูเหมือน ShopeeFood จะไม่รอช้า เร่งทำการตลาดสร้างฐานลูกค้าอย่างเต็มกำลัง ด้วยการเปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ “Pickup รับที่ร้าน” ที่ช่วยให้ลูกค้าสามารถสั่งอาหารล่วงหน้า และค่อยไปรับที่ร้านได้ตามเวลาที่กำหนด ไม่ต้องเสียเวลารอหรือต่อคิว แต่นี่ก็ไม่ใช้อะไรใหม่ เพราะไม่ต่างจากเจ้าอื่นๆ เลย แต่เรียกได้ว่าเป็นการเพื่อเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันให้ไม่เป็นรองใครซะมากกว่า
อีกทั้งยังมาพร้อมแคมเปญการตลาดสำหรับดึงดูดลูกค้าใหม่ ให้ต้องโหลดแอปมาประดับเครื่องไว้ ด้วยแคมเปญ “ShopeeFood ที่สุดแห่งปี ดีลดีทุกวัน” โดยเราจะต้องสั่งอาหารบน ShopeeFood แล้วเลือกวิธีการรับอาหารแบบ Pickup ก็จะได้ส่วนลดสูงสุด 20% ซึ่งมีร้านดังมากมายที่เข้าร่วมรายการ ไม่ว่าจะเป็น Black Canyon, Gugu Chicken, Taco Bell, Spaghetti Factory, Easy Buddy, GAGA และอีกมากมาย
อีกทั้งยังมีโค้ดส่วนลดที่ให้สูงสุดถึง 90% จากร้านอาหารแบรนด์ดังๆ อย่าง KFC, Pizza Hut, กาแฟพันธุ์ไทย, McDonald’s, Chester’s, Swensen’s, Dairy Queen, Major Cineplex, Shinkanzen Sushi และอีกมากมายเลยทีเดียว บอกเลยว่าคุ้มกว่านี้ก็ต้องลดล้างสต๊อคแล้วครับ
และยังมีกิจกรรมส่งเสริมการขายอีกหลายกิจกรรมด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น โค้ดลดสูงสุด 90% ไม่มีขั้นต่ำ ,พร้อมค่าส่ง 0 บาท, โปรโมชันร้านดัง 1 แถม 1 ซึ่งมีให้ทุกวันตลอดทั้งแคมเปญ ไม่หมดเพียงเท่านั้น อีกกิจกรรมที่พลาดไม่ได้เลยคือ กิจกรรม “ยิ่งกิน ยิ่งได้” โดยเราจะต้องสะสมคะแนนเพื่อแลกรางวัลต่างๆ ไปจนถึงทองคำหนัก 1 บาท เลยทีเดียว โดยแคมเปญจัดขึ้นตั้งแต่วันนี้ – 31 พฤษภาคม 2567 บอกเลยว่าโปรดีแบบนี้ถ้าไม่ใช่ช่วงเปิดร้านใหม่ก็คงจะมีแต่ช่วงกำลังจะเจ๊งเท่านั้น โอกาสดีๆ แบบนี้ต้องโหลดแอปมาลองให้คุ้มซะแล้วหล่ะแล้วครับ
สรุป
ส่วนตัวมองว่าเป็นการแตกไลน์ธุรกิจครั้งนี้น่าสนใจอย่างมาก เนื่องจากช่วยกระจายความเสียงจากการโดนแย่ง Market Share จากผู้เล่นน้องใหม่ในตลาด E-Commerce อย่าง 7-Eleven อีกทั้งยังสามารถสร้างฐานลูกค้าใหม่ที่มีความหลากหลายมากขึ้น และยังช่วยให้มี Ecosystem ที่ครบวงจร ทั้งสั่งของ สั่งข้าว หรือจ่ายเงิน
ซึ่งการมีช่องทางที่หลากหลายยังช่วยให้สามารถเก็บ Data ได้อย่างครอบคลุมพฤติกรรมผู้บริโภคอีกด้วย แต่ไม่ว่ายังไงก็ตาม ผู้บริโภคอย่างเราๆ คงได้รับประโยชน์จากโปรโมชั่นหาลูกค้าใหม่ไม่น้อย เรียกได้ว่าไม่ว่ายังไงก็ต้องโหลดมาลอง เพราะมีโปรสุดคุ้มมากมาย อีกทั้งยังมีร้านดังที่เข้าร่วมรายการหลายร้านเลย ที่สำคัญทางร้านอาหารที่เข้าร่วมกับ ShopeeFood ยังมีโอกาสได้ลูกค้าใหม่ๆ และมีช่องทางการขายที่หลากหลายขึ้นอีกด้วย
อ่านบทความเกี่ยวกับการตลาดเพิ่มเติม หรือข่าวสารการตลาด สามารถติดตามได้จาก เพจการตลาดวันละตอน รวมไปถึงเว็บไซต์ Twitter Instagram YouTube และ Blockdit ของการตลาดวันละตอนด้วยนะครับ