กลยุทธ์ Inthanin Coffee คอลแลปส์เกมใหม่จากคุกกี้รัน เจาะกลุ่มเจน Z

สวัสดีครับเพื่อน ๆ นักการตลาดและผู้อ่านทุกคน ปัจจุบันการที่จะทำให้แบรนด์สามารถขยายฐานลูกค้า และสร้างภาพลักษณ์ของแบรนด์ให้ดูสดใหม่ (Brand Fresh) หนึ่งในวิธีที่หลายแบรนด์เลือกใช้ก็คือการ Collaboration วันนี้ผมเลยจะพาทุกคนไปดู กลยุทธ์ Inthanin Coffee ที่ดึงเกมส์ชื่อดังอย่าง CookieRun เข้ามาร่วมสร้างความสนุกสนานในการเจาะกลุ่มเป้าหมายสุดนำเทรนด์อย่าง Gen Z

แต่ก่อนอื่นผมจะขอพาทุกคนไปทำความรู้จักกันเล็กน้อยกับคำว่า Collaboration กับ Co-Branding เพราะอาจจะมีหลายคนยังสับสนว่า 2 คำนี้มันเหมือนหรือต่างกันอย่างไร 

Collaboration Vs. Co-Branding

ต้องบอกว่าทั้ง 2 กลยุทธ์นี้เป็นกลยุทธ์ที่มีความคล้ายคลึงกัน แต่ก็มีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน โดยมีความแตกต่างดังนี้

Collaboration คือ การร่วมมือกันระหว่างแบรนด์ เพื่อสร้างผลิตภัณฑ์ หรือแคมเปญที่มีความพิเศษและแตกต่างไปจากเดิม ซึ่งจะมีเป้าหมายร่วมกันและเป็นการร่วมมือที่ระยะเวลาค่อนข้างสั้น นอกจากนี้ ทั้ง 2 แบรนด์จะยังคงเอกลักษณ์ของตัวเองไว้

Co-Branding คือ การที่แบรนด์ 2 แบรนด์หรือมากกว่านั้น มีทำงานร่วมกันในลักษณะของการรวมแบรนด์เพื่อสร้างผลิตภัณฑ์หรือการสร้างแบรนด์ใหม่ร่วมกัน ซึ่งเป็นการร่วมมือในระยะยาว

จะเห็นเลยว่า ทั้ง 2 กลยุทธ์มีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน ซึ่งในบทความนี้ผมจะขอเจาะไปแค่การทำ Collaboration Marketing ครับ

Collaboration Marketing ดียังไง? 

เราคงจะได้ยินกันบ่อยว่า “แบรนด์นู้นคอลแลปส์กับแบรนด์นี้” หรือ “แบรนด์นั้นร่วมมือกับแบรนด์โน้น” ซึ่งถือว่าเป็นอีกหนึ่งกยุทธ์การตลาดที่ฮอตฮิตมากในปัจจุบัน 

เพราะการคอลแลปส์เป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ที่ช่วยให้แบรนด์สามารถสร้างความแปลกใหม่ และยังสามารถขยายฐานลูกค้าให้มีความครอบคลุมได้มากขึ้นอีกด้วย

ทำไม Inthanin Coffee ถึงต้องคอลแลปส์กับคุกกี้รัน

ย้อนกลับมาที่ Inthanin Coffee ว่าทำไมถึงต้องคอลแลปส์กับหนึ่งในซีรส์เกมของคุกกี้รัน ก็ตามชื่อบทความเลยครับ “เจาะกลุ่มเจน Z” การคอลแลปส์ไม่ใช่ว่าจะเลือกร่วมมือกับแบรนด์ไหนก็ได้ เพราะสิ่งที่แบรนด์ต้องคำนึงถึงหลัก ๆ คือ ภาพลักษณ์และกลุ่มเป้าหมาย

ภาพลักษณ์ หรือ Brand Image ถือว่าเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างมากในปัจจุบัน เพราะสิ่งนี้จะเป็นเหมือนหมุดที่ฝังอยู่ในความทรงจำของผู้บริโภคหรือกลุ่มเป้าหมาย ลองนึกภาพนะครับทำไมเราถึงรู้สึกว่าบางแบรนด์ดูแก่ หรือบางแบรนด์ดูวัยรุ่น หรือบางแบรนด์ดูหรูหรา 

AI-Generated by Shutterstock (Prompt: Whimsical adventure poster featuring cookie-shaped characters climbing a towering, magical structure, the tower includes a cozy coffee cafe on an upper level with a warm inviting atmosphere, coffee cups, pastries, and small seating area for cookie characters, surrounding environment includes floating islands, glowing gems, vibrant skies, cookie characters with colorful frosting designs, candy-based weapons, all showing excitement and determination, playful yet adventurous, bright colors, imaginative details.)

นั่นคือภาพลักษณ์ที่เกิดขึ้นจากการที่แบรนด์สื่อสารผ่านวิธีการต่าง ๆ จนเราเห็นและจดจำมันมาเรื่อย ๆ จนกลายเป็นความทรงจำที่เรามีกับแบรนด์นั้นนั่นเอง 

กลุ่มเป้าหมาย หรือ Target เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญสำหรับกลยุทธ์นี้ อย่าง Inthanin Coffee ต้องการจะเจาะกลุ่ม Gen Z การเลือกแบรนด์อย่างคุกกี้รันก็ค่อนข้างที่จะเหมาะสม เพราะว่า เกมส์ ก็เป็นหนึ่งในกิจกรรมยอดฮิตของ Gen Z 

ผมมองว่าการคอลแลปส์ในครั้งนี้เพื่อที่จะเจาะกลุ่มเจน Z ก็มีจุดประสงค์ที่ซ่อนอยู่นั่นก็คือ ภาพลักษณ์ หรือ Brand Image อย่างที่ผมได้บอกไปว่าภาพลักษณ์นั้นก็สำคัญ โดยส่วนตัว Perception ของผมเองก็ไม่ได้มองว่าแบรนด์เป็นแบรนด์สำหรับ Gen Z สักเท่าไหร่ ดังนั้นการคอลแลปส์ในครั้งนี้กับคุกกี้รันก็จะช่วยให้รู้สึกว่าแบรนด์มีความทันสมัย และใกล้ชิดกับ Gen Z มากยิ่งขึ้น

Inthanin Coffee X CookieRun เซิร์ฟรสชาติพิเศษส่งตรงจากหอคอยคุกกี้

การร่วมมือกันระหว่าง Inthanin Coffee กับซีรีส์เกมยอดฮิตระดับโลกอย่าง ‘CookieRun’ ในภาคใหม่ล่าสุดอย่าง ‘คุกกี้รัน: ศึกคุกกี้บุกหอคอย (CookieRun: Tower of Adventures)’ เป็นการนำเหล่าคุกกี้ยอดฮิตจากซีรีส์ มาจับคู่พร้อมออกแบบ 2 เครื่องดื่มใหม่สุดสเปเชียล 

กลยุทธ์ Inthanin Coffee

ด้วยเมนูใหม่ “ฝรั่งชมพูพริกเกลือสมูทตี้” มาคู่กับ “คุกกี้รสพริกป่น” ที่ต่อยอดมาจากเมนู Fresh & Spicy และเมนู “ชามินท์คาโมมายล์เย็น” มาคู่กับ “คุกกี้รสคาโมมายล์” เมนูที่หยิบยกจุดเด่นของอินทนิล คือชาที่มีความหอมเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว

นอกจากนี้ยังตกแต่งหน้าร้านเตรียมต้อนรับสายคาเฟ่ และเหล่าเกมเมอร์ ด้วยการนำดึงเอกลักษณ์ของ CookieRun มาใช้ตกแต่งตั้งแต่หน้าทางเข้าจนไปถึงภายในร้านอีกด้วย

3 Elements จากการ Collaboration จาก Inthanin Coffee X CookieRun

จากที่เราเห็นว่าทาง Inthanin Coffee ได้ทำอะไรไปบ้างในการคอลแลปส์ในครั้งนี้ ผมเลยจะขอถอดออกมาเป็น 3 องค์ประกอบที่แบรนด์ใช้

ส่วนที่เห็นง่ายที่สุดคือ การพัฒนาตัวสินค้า หรือ Product อย่างในเคสนี้ทางแบรนด์ก็ได้ดึงเอาเอกลักษณ์จากตัวละครในเกมส์มาสร้างเป็นรสชาติที่แปลกใหม่ และเป็นรสชาติที่มีเพียงแค่ช่วงเวลาหนึ่งเท่านั้น ซึ่งแก่นหลักของการคอลแลปส์ 

กลยุทธ์ Inthanin Coffee

ในส่วนนี้อาจจะเป็นแค่บางแบรนด์ที่ทำ อย่าง Inthanin Coffee ก็ได้ดึงเอาตัวละครของคุกี้รันมาใช้ในการตกแต่งร้าน ในส่วนนี้ผมมองว่าเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ค่อนข้างดี เพราะสถานที่ก็เป็นหนึ่งใน Touch Point ของลูกค้าที่จะเข้ามาดื่มกาแฟเช่นกัน

ซึ่งในที่นี้จะรวมไปถึงการสื่อสารทางการตลาด (Marketing Communication) อย่างในเคสนี้เองก็มีการสื่อสารผ่านโซเชียลอย่าง Facebook และก็ยังมี Sale Promotion พิเศษ อย่างการแจก Gift Card Limited Edition หรือ รับไอเทมจากเกมคุกกี้รัน เป็นต้น ซึ่งก็จะช่วยกระตุ้นการตัดสินใจซื้อของกลุ่ม Gen Z เกมเมอร์ได้ดี

จะเห็นเลยว่าทั้ง 3 องค์ประกอบนี้จะเป็นเหมือนพื้นฐานที่แบรนด์สามารถดึงเอกลักษณ์ของมาใช้ร่วมกันได้ แต่ยังคงเอกลักษณ์ของทั้ง 2 ไว้

อย่างไรก็ตาม การคอลแลปส์แบรนด์ไหน ๆ ต่างก็ทำกัน แต่การที่จะตอบโจทย์ได้นั้นก็ขึ้นอยู่กับหลายองค์ประกอบ แต่หลัก ๆ ผมมองว่าเป็นเรื่องของความ Creative และ Influence 

ในส่วนของความ Creative ก็จะเป็นเหมือนตัวที่จะสร้างความรู้สึกที่สดใหม่ (Fresh) ช่วยสร้างความน่าสนใจ ในขณะที่ Influence หรือ อิทธิพล เป็นเหมือนแรงดึงดูดที่จะมาช่วยในการขยายฐานลูกค้าหรือกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งมาจากบุคคลหรือแบรนด์ที่ร่วมมือด้วยนั่นเอง

สรุป

จากที่เราได้เห็นกันไปแล้วว่า กลยุทธ์ Inthanin Coffee ที่อาศัยการ Collaboration ร่วมกับคุกกี้รันเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างที่น่าสนใจสำหรับแบรนด์ที่ต้องการจะเจาะกลุ่ม Gen Z หรือต้องการสร้างภาพลักษณ์ใหม่ให้ดูทันสมัยมากขึ้น

การคอลแลปส์ครั้งนี้ไม่ใช่แค่ช่วยให้แบรนด์เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายใหม่อย่าง Gen Z เท่านั้น แต่ยังช่วยสร้างประสบการณ์แปลกใหม่ให้กับลูกค้าเดิมอีกด้วย ผ่านทั้งผลิตภัณฑ์ใหม่ การตกแต่งร้าน และโปรโมชั่นพิเศษต่างๆ

อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญที่สุดของการทำ Collaboration Marketing คือการเลือกพาร์ทเนอร์ที่เหมาะสม ซึ่งต้องคำนึงถึงทั้งภาพลักษณ์และกลุ่มเป้าหมายที่สอดคล้องกัน 

นอกจากนี้ ความคิดสร้างสรรค์ในการผสมผสานจุดเด่นของทั้งสองแบรนด์ และอิทธิพลของแบรนด์ที่ร่วมมือด้วยก็เป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้การคอลแลปส์ Win-Win กันทั้งคู่

หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้เพื่อน ๆ นักการตลาดและผู้อ่านทุกคนได้เห็นภาพของการทำ Collaboration Marketing มากขึ้นนะครับ

อ่านบทความเพิ่มเติมได้ที่นี่

สวัสดีครับ ชื่อดิวนะครับ จะพยายามนอนให้ครบ 8 ชั่วโมง เพื่อที่จะได้เขียนบทความดี ๆ ให้กับทุกคนครับ *_*

Comments

  1. san says:

    อร่อยเลยครับ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *