ลองจินตนาการดูนะคะ ว่าคุณกำลังเดินเข้าสู่ดินแดนแห่งคริสต์มาสที่อบอวลไปด้วยมนต์เสน่ห์ความสุข ทุกมุมมีแสงไฟระยิบระยับ ต้นคริสต์มาสยักษ์ที่สูงสง่า และเสียงเพลง Jingle Bells คลอเบา ๆ และทันใดนั้นเอง! คุณได้เจอกับ “ซานตาคลอสตัวจริง” ที่บินตรงมาจากฟินแลนด์! เอาล่ะ นี่ไม่ใช่แค่จินตนาการค่ะ แต่เป็นความตั้งใจใน กลยุทธ์เซ็นทรัล (CPN) ที่ลงทุนกว่า 700 ล้านบาท เพื่อเปลี่ยนทุกศูนย์การค้าในเครือให้กลายเป็น “ดินแดนแห่งคริสต์มาสระดับโลก” ผ่านแคมเปญ “The World’s Great Celebration 2025” ซึ่งไม่ใช่แค่การชอปปิงธรรมดา แต่เป็นการสร้างประสบการณ์ ที่เซ็นทรัลอยากให้คนไทยและนักท่องเที่ยวได้สัมผัสแบบที่ไม่เคยมีมาก่อนค่ะ
จากห้างธรรมดา สู่ความอลังการระดับโลก
ช่วงปลายปีถือเป็น “ไฮซีซั่น” ของการท่องเที่ยว และเซ็นทรัลก็มองเห็นโอกาสที่จะยกระดับประเทศไทยให้กลายเป็น World-Class Destination โดยอิงจากข้อมูลของกรมประชาสัมพันธ์ที่บอกว่า ประเทศไทยเป็นเมืองน่าเที่ยวอันดับ 1 ที่ต้องมาเยือนสักครั้งในชีวิต ประจำปี 2024 จากนิตยสาร CEOWORLD ค่ะ
แต่ก็ต้องบอกเลยว่าในยุคที่การแข่งขันสูงเช่นนี้ การมีแค่ “ธรรมชาติสวย ๆ” หรือ “ของกินอร่อย” อาจไม่พอค่ะ เซ็นทรัลเลยเลือกที่จะสร้าง Mega Magnet Event อย่างเทศกาลคริสต์มาส ที่ต้องใหญ่! ต้องเจ๋ง! และต้องแตกต่าง! ขึ้นมานั่นเอง
Santa Village Themed Park Experience จึงเป็นหัวใจสำคัญของแคมเปญนี้ค่ะ ทุกศูนย์การค้าจะถูกเนรมิตให้เป็นดินแดนคริสต์มาสเสมือนในหนังฮอลลีวูด แถมมีไฮไลต์อย่างซานตาคลอสตัวจริง จากเมืองโรวาเนีย ประเทศฟินแลนด์ ที่จะมาเติมเต็มความฝันในวัยเด็กของใครหลาย ๆ คนด้วยค่ะ
แต่ความพิเศษไม่ได้หยุดแค่นี้นะคะ เซ็นทรัลยังร่วมมือกับพันธมิตรเบอร์ใหญ่ ทั้งการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สายการบิน Finnair สถานทูตฟินแลนด์ และอีกมากมาย เพื่อทำให้แคมเปญนี้เป็นมากกว่าอีเวนต์ แต่เป็นเทศกาลที่ต้องมาสัมผัสให้ได้สักครั้งในชีวิต
ดึงนักท่องเที่ยวทั่วโลก สร้าง Global Impact
แคมเปญนี้ไม่ได้มุ่งแค่คนไทยค่ะ แต่เซ็นทรัลตั้งใจดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติด้วยเป้าหมายที่ชัดเจน เช่น
นักท่องเที่ยวจีน ที่กลับมาเดินทางมากขึ้นหลังการเปิดประเทศ
กลุ่ม FIT (Free Independent Traveler) อย่างคู่รัก ครอบครัว และนักเดินทางเดี่ยว
นักท่องเที่ยวใกล้บ้าน เช่น สิงคโปร์ มาเลเซีย ฮ่องกง
ตลาดระยะไกล อย่างยุโรป ตะวันออกกลาง และรัสเซีย
AI image generated by Shutterstock (Prompt : A cinematic shot of Two tourists, smiling clearly faces and taking selfies photos together in front of a beautifully lit Christmas tree in Thailand. The tropical surroundings and warm weather create a joyful and festive mood.)
เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายเหล่านี้ เซ็นทรัลจับมือกับ KLOOK ขยายการโปรโมตแคมเปญผ่านแพลตฟอร์มการท่องเที่ยวระดับโลกช่วยขยาย Tourist Hubs หรือจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยว จากเซ็นทรัลเวิลด์ ไปยังเซ็นทรัล พัทยา และเชียงใหม่ เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวได้มากขึ้นค่ะ
ยกระดับ Soft Power ไทย สู่ระดับสากล
นอกจากความอลังการแบบอินเตอร์แล้ว เซ็นทรัลยังเพิ่มความพิเศษด้วยการนำเสน่ห์ไทย มาผสมผสานในเทศกาลนี้ค่ะ อย่างต้นคริสต์มาสที่สะท้อนอัตลักษณ์ท้องถิ่นในพื้นที่ศูนย์การค้า 11 สาขาทั่วประเทศ และ Craft Market 5 สาขาในเมืองหลักและเมืองน่าเที่ยว เช่น ต้นคริสต์มาสไหมมัดหมี่ ที่ขอนแก่น ต้นคริสต์มาสหมอกพันวา ที่เชียงราย และ Craft Market ที่เน้นสินค้าท้องถิ่นคุณภาพสูง
สิ่งเหล่านี้ไม่เพียงช่วยสร้างความแตกต่าง แต่ยังเป็นการนำ Soft Power แบบไทย ๆ มาส่งเสริมการท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลอย่างเต็มรูปแบบด้วยค่ะ
เซ็นทรัลใช้กลยุทธ์อะไร สร้างประสบการณ์แบบ ‘โลกต้องจำ’
ใครบอกว่าช่วงสิ้นปีจะอินได้แค่ไม่กี่วัน? เซ็นทรัลบอกว่า “ไม่!” เทศกาลนี้ต้องใหญ่! ต้องจัดเต็ม! ต้องอินเต็มที่ถึง 60 วันไปเลยค่ะ! ไม่ว่าจะเป็นสายชอป สายกิน หรือสายคอนเทนต์ เซ็นทรัลมีลูกเล่นเด็ด ๆ มาให้ทุกคนได้เข้าถึงเทศกาลในแบบของตัวเอง เรียกว่าตอบโจทย์ทุกเพศ ทุกวัย และทุกไลฟ์สไตล์เลยทีเดียวค่ะ วันนี้ผู้เขียนเลยอยากพาทุกคนไปดู 5 กลยุทธ์เซ็นทรัล เด็ด ๆ ที่ใช้สร้างประสบการณ์ให้โลกต้องจำกันค่ะ
1. Immersive Experience นี่เราเดินห้าง หรือหลุดเข้าไปในโลกคริสต์มาสกันนะ!?
เซ็นทรัลเล่นใหญ่ยิ่งกว่าภาพยนตร์ฮอลลีวูดค่ะ เพราะเขาแปลงโฉมห้างให้กลายเป็น Santa Village Themed Park แบบจัดเต็ม ไม่ว่าจะเป็นซานตาคลอสตัวจริงเสียงจริง การตกแต่งต้นคริสต์มาสที่ผสมอัตลักษณ์ท้องถิ่นแต่ละสาขา หรือแม้แต่หิมะตกกลางเมืองไทย! อย่างลานหน้าเซ็นทรัลเวิลด์ปีนี้ยิ่งปัง เพราะมี “Flying Angel” สูง 6 เมตร บินลอยเด่นเป็นสง่าเหมือนยก Regent Street จากลอนดอนมาไว้ตรงนี้ด้วยค่ะ
คนที่มาเดินงานไม่ได้แค่ถ่ายรูปสวย ๆ นะคะ แต่พวกเขาได้อินกับบรรยากาศจนรู้สึกเหมือนอยู่ในโลกคริสต์มาสจริง ๆ ความใส่ใจแบบนี้ทำให้คนเดินห้างรู้สึกประทับใจจนอยากกลับมาอีก แถมนักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างชาติยังต้องแวะมาเก็บประสบการณ์นี้ให้ได้ บอกเลยว่างานนี้เซ็นทรัลชนะใจคนทุกมุมโลกเลยค่ะ
2. Collaborative Marketing แรงบันดาลใจจากความร่วมมือ
อย่างที่บอกไปว่า เซ็นทรัลไม่ได้จัดแคมเปญนี้คนเดียวค่ะ เพราะจับมือกับพาร์ทเนอร์ชั้นนำอย่าง การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.), สายการบิน Finnair, KLOOK, Supersports, Big Camera, Coca-Cola ประเทศไทย และอีกมากมาย เพื่อผลักดันแคมเปญให้กว้างและเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ครอบคลุมมากขึ้น
การร่วมมือแบบนี้ไม่ใช่แค่ช่วยลดต้นทุนการโปรโมทนะคะ แต่ยังทำให้แคมเปญนี้ดูน่าเชื่อถือและมีความเป็นอินเตอร์ไปอีก ไม่ว่าจะเป็นนักท่องเที่ยวจากที่ไหนก็ถูกดึงดูดด้วยความน่าสนใจที่พาร์ทเนอร์เหล่านี้ช่วยกันเสริมทัพ ทำให้แคมเปญของเซ็นทรัลกลายเป็นสิ่งที่คนอยากมาสัมผัสด้วยตัวเองค่ะ
3. The First Art Toy X’mas Decoration เทรนด์ใหม่มาแรงสำหรับคนรุ่นใหม่
ถ้าคุณคิดว่าคริสต์มาสมีแต่ไฟ ต้นสน และซานตา บอกเลยว่าคิดผิดค่ะ! เพราะเซ็นทรัลจัด “The First Art Toy X’mas Decoration in the World” กับการตกแต่งคริสต์มาสด้วยอาร์ตทอยสุดคูล สูงถึง 4 เมตร แถมยังจับมือกับศิลปินระดับโลกมาเนรมิตผลงานพิเศษเพื่อเทศกาลนี้โดยเฉพาะค่ะ
และที่พีคยิ่งกว่า เซ็นทรัลได้เปิดตัวน้อง “ESTELLE” จากการคอลแลบระหว่างศิลปินอาร์ตทอยชื่อดัง Jessica Ng กับ “น้องแอบิเกล” ลูกสาวสุดน่ารักของแม่ชมพู่ อารยา ซึ่งงานนี้นอกจากจะดึงดูดใจคนรักอาร์ตทอยแล้ว มัมหมีออนไลน์ทั้งหลายก็ต้องมาค่ะ เพราะทุกมุมของงานคือคอนเทนต์ที่ดีต่อใจ บอกเลยว่าเก๋ไก๋ไม่ซ้ำใครแน่นอน
4. Fandom Marketing เมื่อฐานแฟนคลับคือพลังแห่งการโปรโมท
อีกหนึ่งไฮไลต์ที่โดนใจแฟน ๆ ก็คือการพาศิลปินวง PROXIE มารับบท “Mr. Santa” พร้อม Roadshow ไปหลายที่ เรียกได้ว่าเดินไปทางไหนก็เจอความหล่อของซานต้าทันที แถม ๆ ยังไม่หมดค่ะ เพราะแฟนคลับยังได้ร่วมลุ้น PROXIE Exclusive Gift & Event ไม่ว่าจะเป็น Photocard ให้สะสม หรือรับสิทธิลุ้นเข้าร่วม Fan Meeting ที่ใคร ๆ ก็อยากใกล้ชิดและเป็นส่วนหนึ่งในนั้นให้ได้
การทำแคมเปญแบบนี้ตอบโจทย์กระแส T-POP ที่กำลังมาแรงมาก ๆ ซึ่งช่วยดึงดูดกลุ่มเป้าหมายใหม่ ๆ อย่าง “ทีมมัมหมี” “ทีมแฟน” หรือกลุ่มแฟนคลับที่มีกำลังซื้อสูงมาก แถมยังเพิ่มจุดเชื่อมโยงระหว่างแบรนด์กับคนที่เข้ามามีส่วนร่วมในกิจกรรม (Brand Touchpoint) ได้แบบแนบเนียนสุด ๆ ค่ะ
5. การตลาดเพื่อการท่องเที่ยว ขยายฐานนักท่องเที่ยวแบบมือโปร
ที่ผู้เขียนมองว่าเจ๋งมาก ๆ เลยก็คือ แคมเปญนี้ไม่ได้หวังแค่คนไทยมาสนุกนะคะ แต่นักท่องเที่ยวต่างชาติก็ต้องมา เพราะเซ็นทรัลร่วมมือกับ ททท. ซึ่งชู Soft power ด้วยต้นคริสต์มาส Local Pride ที่กระจายกิจกรรมไปยัง 11 สาขาทั่วประเทศ เพื่อให้ทุกคนได้สัมผัสประสบการณ์คริสต์มาสไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน
เพราะงั้นความพิเศษของกลยุทธ์นี้คือ ช่วยกระจายรายได้ไปยังพื้นที่ต่างจังหวัด ลดการกระจุกตัวของนักท่องเที่ยวในกรุงเทพฯ และทำให้เศรษฐกิจในประเทศคึกคักสุด ๆ เลยค่ะ
เป้าหมายที่ตั้งไว้ ยิ่งใหญ่กว่าที่เคย
ผลลัพธ์ที่เซ็นทรัลตั้งเป้าหมายไว้นี้ก็คือ การมีทราฟฟิกในศูนย์การค้าเพิ่มขึ้น 25-30% กระตุ้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวในประเทศ ตามเป้าหมายของ ททท. ที่วางไว้ถึง 36.7 ล้านคน ในปี 2567 และยังช่วยสร้างภาพจำให้ประเทศไทยในฐานะ “จุดหมายปลายทางแห่งความสุข”
ทั้งหมดนี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของเซ็นทรัล ที่ไม่ได้มองเทศกาลปลายปีเป็นแค่ช่วงเวลาชอปปิง แต่คือการสร้าง “ความสุข” ที่จับต้องได้ และยกระดับประเทศไทยให้โดดเด่นในสายตาคนทั่วโลกด้วยค่ะ
สรุป กลยุทธ์เซ็นทรัล CPN เปลี่ยนห้างเป็นดินแดนคริสต์มาสระดับโลก 2025
ท้ายที่สุดแล้ว “The World’s Great Celebration 2025” ของเซ็นทรัลไม่ใช่แค่แคมเปญเทศกาลคริสต์มาสธรรมดา แต่คือ “อาณาจักรแห่งความสุข” ที่ดึงดูดทั้งคนไทยและนักท่องเที่ยวทั่วโลกให้หลงใหลค่ะ ผู้เขียนมองว่าเซ็นทรัลได้ผสมผสานความอลังการระดับโลกเข้ากับเสน่ห์ความเป็นไทยอย่างลงตัว ไม่ว่าจะเป็น Santa Village สุดอลัง การร่วมมือกับพาร์ทเนอร์ระดับอินเตอร์ หรือการเติม Soft Power ไทยให้กลายเป็นจุดขายที่ใครก็ต้องร้องว้าว
แคมเปญนี้ไม่เพียงสร้างความสุขในช่วงเทศกาล แต่ยังช่วยผลักดันเศรษฐกิจไทยให้คึกคัก และวางภาพลักษณ์ประเทศไทยให้โดดเด่นในฐานะ “จุดหมายปลายทางแห่งความสุขระดับโลก” อย่างแท้จริงอีกด้วยค่ะ และสำหรับใครที่สนใจอยากอ่านรายละเอียดแคมเปญนี้แบบเต็ม ๆ อ่านได้ที่นี่
ไม่ว่าจะปีไหน ๆ ขอให้เป็นปีที่ใจดีและอบอุ่นกับทุกคนนะคะ แล้วพบกันใหม่บทความหน้าค่ะ :0)
อ่านบทความเพิ่มเติมที่นี่