งานนี้มีสะเทือนทั้งวงการ Retail ไปจนถึงตลาด E-Commerce แน่นอน เมื่อยักษ์ใหญ่อย่าง 7-Eleven จากเครือ CPALL ออกมาลั่นกลองรบพร้อมบุกตลาดออนไลน์เต็มกำลัง โดยใช้ Affiliate Marketing หวังดึงดูดเหล่าพันธมิตร KOL เข้าร่วมทัพ แถมยังให้ค่าคอมมิชชันสูงสุดถึง 5% และสินค้าที่ร่วมรายการกว่า 100,000 SKU เรียกได้ว่าโมเดลธุรกิจแบบร้านคุณยายขายทุกอย่างเลยทีเดียว
แต่ๆๆๆ สินค้าจาก 7-Eleven ที่แค่เดินไปหน้าปากซอยก็ซื้อได้แล้วเนี่ยนะ!! ใครมันจะไปสั่งออนไลน์ ทั้งเสียค่าจัดส่ง ค่าแพ็ค แถมยังต้องรอ 2-5 วันกว่าของจะส่งถึงอีก แบบนี้สั่งในแอป 7-Eleven หรือเดินไปหยิบที่ร้านหน้าปากซอยเลยจะสะดวกกว่าไหม?
พวกเขากำลังคิดอะไรอยู่กันแน่? แล้วงานนี้จะออกมาเป็นแบบไหน? เดี๋ยวเรามาลองชำแหละ วิเคราะห์ เจาะลึก แผนการตลาดและความน่าจะเป็นทางการตลาดกันดูครับ
สถานการณ์ในตลาดค้าปลีก และแนวโน้มความเคลื่อนไหวของ 7-Eleven
ผมเชื่อว่าหลายคนที่เห็นข่าวนี้ครั้งแรกก็น่าจะเอะใจเหมือนกัน ว่าอะไรทำให้เปิดตัวระบบ Affiliate ให้เหล่า KOL เข้ามาช่วยขายสินค้า ทั้งๆ ที่สินค้าจาก 7-Eleven ส่วนใหญ่เป็นสินค้าอุปโภคบริโภค แค่ทุกคนเดินไปปากซอยก็มี 7-Eleven แทบทุกหัวมุมถนนแล้ว แถมยังมีแอป 7-Eleven สำหรับส่งสินค้าแบบ Delivery อยู่แล้วด้วย
ซึ่งหากสั่งผ่านแพลตฟอร์ม “ALL ONLINE ห้างใกล้บ้าน” เราอาจต้องรอสินค้าราวๆ 2-5 วัน แบบนี้ใครมันจะไปสั่งจริงไหมครับ แบบนี้ KOL จะขายสินค้าออกได้ยังไง แต่จากที่ผมเข้าไปส่องดูพบว่า ดูเหมือนว่าสินค้าต่างๆ นั้นไม่ได้มีแค่สินค้าทั่วไปใน 7-Eleven เท่านั้น แต่ยังมีสินค้าที่ไม่สามารถวางขายใน 7-Eleven ได้อีกด้วย แถมในแพลตฟอร์มยังมีสินค้ากว่า 100,000 รายการ ตั้งแต่รสดีไปจนถึงรถมอไซค์กันเลยทีเดียว
งานนี้ดูเหมือนว่า 7-Eleven กำลังมีแผนจะยกระดับธุรกิจไปอีกขั้น จากเดิมที่เป็นร้านค้าปลีกที่ขายสินค้าอุปโภคบริโภคทั่วไป และมีแอป Delivery คอยให้บริการแค่ในพื้นที่ ไปสู่ห้างสรรพสินค้าออนไลน์ขนาดใหญ่ที่ไม่ต่างจากแพลตฟอร์ม E-Commerce เจ้าอื่นเลย
ซึ่งหากเรามาลองมองภาพรวมสถานการณ์การแข่งขันของตลาดค้าปลีกในตอนนี้นั้น ต้องบอกว่าดุเดือดสุดๆ จากไม่กี่วันก่อนที่ทาง Tops Daily ได้ออกมาลั่นกลองรบ เปิดแผนการขยายธุรกิจค้าปลีกและชิง Market Share จากรายอื่น ด้วยโมเดลธุรกิจแฟรนไซส์ ที่มีราคาขั้นต่ำในการเปิดร้านถูกกว่าเจ้าอื่น โดยหวังที่จะขยายสาขาอย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องใช้เงินลงทุนมากนัก
ซึ่งในด้านพื้นที่ให้บริการนั้น แม้แต่ชาวบ้านธรรมดายังบอกได้เลยว่า 7-Eleven ไม่เป็นรองใครในตลาดอยู่แล้ว จากจุดนี้เอง 7-Eleven จึงออกมาแก้เกมส์ด้วย ALL ONLINE Affiliate โดยการชิง Market Share ผ่านช่องทางออนไลน์แทน อีกทั้งการดึง KOL ร่วมทัพเป็นพันธมิตร จากการใช้ Affiliate Marketing ที่ให้ส่วนแบ่งสูงสุดถึง 5% นั้น ยังได้รับความสนใจจากเหล่า Micro Influencer ที่ทำ Affiliate ในแพลตฟอร์มต่างๆ อยู่แล้วเป็นอย่างดี
ขยายฐานลูกค้าออนไลน์ด้วยพันธมิตร KOL
จากการใช้ Affiliate Marketing Strategy ของ 7-Eleven สะท้อนให้เห็นถึงอะไรหลายๆ อย่าง อย่างแรกคือประสิทธิภาพของกลยุทธ์นี้ ซึ่งพิสูจน์ตัวเองแล้วว่าเป็นกลยุทธ์ที่สร้าง A Win-Win Situation ได้จริง ซึ่งทางร้านเองก็ได้ยอดขายที่เพิ่มขึ้นจากการที่มีพันมิตรที่เป็น KOL เข้ามาช่วยขายสินค้าโดยที่ไม่ต้องเสียเงินจ้าง เพียงแค่จ่ายส่วนแบ่งกำไรตามยอดขายจริง
ซึ่งการจะจ้าง KOL สักคนมาโปรโมทสินค้าสักตัว หลายคนคงรู้ว่านอกจากจะใช้เงินจำนวนมากแล้ว ยังต้องมีการทำ Research เพิ่มเติม เพื่อนำมาพิจารณาถึงความเหมาะสม ทั้งภาพลักษณ์เหมาะกับสินค้าไหม? ฐานผู้ติดตามเข้ากับกลุ่มเป้าหมายรึปล่าว? อีกทั้งยังต้องมาลุ้นยอดขายกันอีก
ส่วนเหล่า KOL ก็ได้ส่วนแบ่งจากยอดขาย โดยไม่ต้องมีนายจ้าง ไม่ต้องทำตามบรีฟ มีอิสระในการทำงาน หรือทำเป็นงานเสริมก็ยังได้ อีกทั้งยังไม่ต้องลงทุนสต๊อคสินค้าหรือแพ็คของจัดส่งเอง เพราะทาง 7-Eleven จัดการให้ทุกอย่าง เพียงแค่คุณขายให้ได้ก็พอ ดังนั้นต่อให้คุณไม่มีเงินลงทุนก็สามารถมี 7-Eleven เป็นของตัวเองได้
อีกข้อดีสำหรับทางร้านคือเรื่องของ CSR หากเพื่อนๆ ลองนึกภาพตาม การที่ใครก็สามารถเข้ามาสร้างรายได้พร้อมรับส่วนแบ่งกำไรจาก 7-Eleven ได้นั้น ยังช่วยเสริมภาพลักษณ์เชิงบวกและสร้างการมีส่วนร่วมกับชุมชนได้เป็นอย่างดีอีกด้วย ซึ่งกลยุทธ์นี้จะสามารถสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันได้เป็นอย่างดี
รายละเอียด ALL ONLINE Affiliate
สำหรับรายละเอียดการทำ Affiliate ของ 7-Eleven นั้น ไม่ได้แตกต่างไปจากแพลตฟอร์ม E-Commerce เจ้าอื่นมากนัก โดยผมจะลิสต์รายละเอียดเป็นข้อๆ สำหรับใครที่อยากร่วมเป็นพันธมิตรและต้องการศึกษาเพิ่มเติม
- มีสินค้ามากกว่า 100,000 SKU หลากหลายหมวดหมู่ ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ ตั้งแต่สินค้าประเภทเครื่องออกกำลังกาย, รถเข็นเด็ก, จักรยาน, มอเตอร์ไซค์, ชุดชั้นใน, กระเป๋า, รองเท้า เป็นต้น
- ไม่ต้องลงทุนสต็อคสินค้า หรือเสียค่าจัดส่งใดๆ ทั้งสิ้น เพียงแค่ขายให้ได้ ที่เหลือทางร้านจะเป็นฝ่ายจัดการให้เอง
- การันตีของแท้สินค้าคุณภาพจากแบรนด์ชั้นนำ
- ค่าจัดส่งถึงบ้านคิดตามน้ำหนักและระยะทาง โดยอาจใช้เวลาและค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมสำหรับพื้นที่ห่างไกล
- ไม่มีค่าบริการหากรับสินค้าที่ร้าน 7-Eleven
- มีระบบหลังบ้านคอยช่วยเหลือและดูแลทุกขั้นตอน
- รับค่าคอมมิชชันทุกวันที่ 1/16 ของเดือน หรือ15 วันทำการ
- ค่าคอมมิชชันสูงสุด 5% แต่จะจ่ายเฉพาะคำสั่งซื้อที่สำเร็จ(ไม่ถูกยกเลิกภายหลัง)
- ต้องมีค่าคอมมิชชันขั้นต่ำที่ 1,000 บาท จึงจะถูกโอนเข้าบัญชี หากมีไม่ถึงสามารถเก็บสะสมได้ 2 ปี
- ค่าคอมมิชชันจะอัปเดตในระบบหลังบ้านภายใน 24-48 ชม.
- เปอร์เซ็นต์ค่าคอมมิชชันคิดจากราคาเต็มของสินค้า แม้ลูกค้าจะใช้โค้ดส่วนลดก็ตาม
- ยอดขายที่เกิดจากการกดสั่งสินค้าจากลิงค์ของตัวเองก็สามารถรับค่าคอมมิชชันได้
สรุป Affiliate Marketing Strategy จาก 7-Eleven
สำหรับตอนนี้เรียกได้ว่าสถานการณ์การแข่งขันในตลาดค้าปลีกเริ่มดุเดือดขึ้นมาทุกที ส่วนตัวผมคิดว่า 7-Eleven แก้สถานการณ์การไล่ต้อนจากเจ้าอื่นได้เป็นอย่างดี เนื่องจากทางแบรนด์มีจุดแข็งในด้านจุดให้บริการอยู่แล้ว ดังนั้นการเข้ามาทำออนไลน์นั้นต้องบอกว่ามีความพร้อมทางการแข่งขันในทุกด้าน
และการใช้ Affiliate Marketing ยังช่วยให้สามารถสร้างฐานลูกค้าทางออนไลน์ได้อย่างรวดเร็ว และยังไม่ต้องใช้งบประมาณจำนวนมหาศาลในการจ้างรีวิว เพียงแค่จ่ายส่วนแบ่งตามยอดขายจริงเท่านั้น อีกไม่นานเราอาจได้เห็นแพลตฟอร์ม E-Commerce ยักษ์ใหญ่ที่ชื่อ 7-11 เพิ่มมาอีกเจ้าก็เป็นได้
อ่านบทความเกี่ยวกับการตลาดเพิ่มเติม หรือข่าวสารการตลาด สามารถติดตามได้จาก เพจการตลาดวันละตอน รวมไปถึงเว็บไซต์ Twitter Instagram YouTube และ Blockdit ของการตลาดวันละตอนด้วยนะครับ
source