สวัสดีนักการตลาด และนักอ่านทุกคนครับ บทความนี้พามาดู Top 7 Mega Trends 2025 ที่นักการตลาดต้องรู้ จาก Exploding topics มาดูกันว่าในปีหน้าที่กำลังจะถึงเนี่ยจะมีเทรนด์อะไรที่เป็น Mega Trends บ้าง ต้องบอกไว้ก่อนว่านี่ไม่ใช่ Mega Trends สำหรับการตลาดโดยเฉพาะนะครับ แต่เป็นเทรนด์ของโลกธุรกิจที่จะเกิดขึ้น ซึ่งเหมาะกับผู้บริหาร หรือผู้ประกอบการ รวมถึงนักการตลาดเอง ในการเตรียมตัวรับมือ หรือจับเทรนด์มาเป็นจุดแข็งของธุรกิจครับ
#1 Generative AI Leads To New Risks And Opportunities – AI สร้างความเสี่ยงใหม่ ๆ และโอกาสใหม่ ๆ ต้องบอกว่า GenAI เป็นเทคโนโลยีที่กำลังมาแรงมาก ๆ ในปี 2024 และในปี 2025 เอง AI ก็จะมีบทบาทสำคัญในการเปลี่ยนแปลงทั้งธุรกิจ รัฐบาล และวัฒนธรรมอย่างมหาศาลเลยล่ะครับ สังเกตจากการค้นหาคำว่า “Generative AI” เพิ่มขึ้น 9,100% ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา
แม้หลาย ๆ คนจะมีความกังวลเกี่ยวกับการที่ AI อาจจะมาแทนที่งานที่มีอยู่ แต่อย่างไรก็ตาม AI ก็มีโอกาสในการสร้างงานใหม่ ๆ ขึ้นเช่นกันครับ ตัวอย่างเช่น มีความต้องการในงานที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนา AI อย่าง AI Engineers, LLM Developers และ AI Ethics Specialists แม้ว่าผู้คนอาจจะเสียงานในระยะสั้น แต่ในระยะยาว AI อาจจะสร้างงานใหม่ ๆ มากกว่าที่จะมาแทนที่งานที่มีอยู่ครับ
ดังนั้นจึงเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ๆ ที่เราจำเป็นต้องฝึกใช้ GenAI ให้เป็นตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป อาจจะไม่ต้องถึงขั้นเป็นเทพ AI แต่อย่างน้อยสามารถใช้ขั้นพื้นฐานได้ก็ยังดีครับ
#2 Rising Inflation Impacts A Wide Range Of Industries – อัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมในวงกว้าง อัตราเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับสูง ซึ่งส่งผลกระทบต่อหลายอุตสาหกรรมครับ ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจขนาดเล็กและขนาดใหญ่ต่างเผชิญกับปัญหาเรื่องค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น ยอดขายสินค้าที่ลดลง และกำไรที่หดตัว
จากภาพจะเห็นได้ว่าความสนใจค้นหาเรื่อง “inflation rate” เพิ่มขึ้น 59% ใน 5 ปี นอกจากนี้ในรายงานของ NFIB Small Business Optimism Index ระบุว่า 22% ของเจ้าของธุรกิจขนาดเล็กมองว่าอัตราเงินเฟ้อเป็นปัญหาสำคัญที่สุดของธุรกิจ
ส่วน Goldman Sachs ก็รายงานว่า 84% ของเจ้าของธุรกิจขนาดเล็กกำลังรู้สึกถึงแรงกดดันจากเงินเฟ้อ และ 76% ของพวกเขาบอกว่าเงินเฟ้อกำลังทำให้ผลประกอบการทางการเงินของพวกเขาแย่ลง อุตสาหกรรมการผลิตก็ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากต้นทุนที่เพิ่มขึ้น เช่น ในเดือนกุมภาพันธ์ 2022 ราคาของอะลูมิเนียมสูงขึ้นถึง 15% นับตั้งแต่ต้นปี
ดังนั้นแล้วผมมองว่า เมื่อต้องเผชิญกับอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้น นักการตลาด เจ้าของธุรกิจ และผู้บริหารระดับสูงจำเป็นต้องปรับตัวและเตรียมตัวอย่างรอบคอบเพื่อรับมือกับความท้าทายที่เกิดขึ้น เช่น ปรับกลยุทธ์การกำหนดราคา วิเคราะห์ต้นทุนและปรับราคาให้สอดคล้องกับต้นทุนที่เพิ่มขึ้น โดยคำนึงถึงการไม่กระทบต่อการซื้อของลูกค้าเกินไป, ปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงาน นำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการจัดการ เช่น ระบบอัตโนมัติในกระบวนการผลิตหรือระบบบริหารจัดการสินค้าคงคลัง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุน เป็นต้นครับ
#3 Rapid Adoption Of Technology Continues – การนำเทคโนโลยีมาใช้อย่างรวดเร็วยังคงดำเนินต่อไป การระบาดของโควิด-19 ทำให้บริษัทต่าง ๆ ต้องเร่งการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้มากขึ้น
จากภาพ พบว่า หลังการแพร่ระบาดธุรกิจต่าง ๆ ให้ความสำคัญกับ “digital transformation” ขององค์กรมากขึ้น ปริมาณการค้นหาเพิ่มขึ้น 59% ใน 5 ปี
รายงานของ Board Priorities and Investment แสดงให้เห็นว่า 60% ของบริษัทต่าง ๆ กำลังเพิ่มการลงทุนในด้านเทคโนโลยี และ 61% กำลังเพิ่มจำนวนพนักงานที่ทุ่มเทให้กับ solutions ด้านเทคโนโลยี
Source: Board Priorities and Investment นอกจากนี้การสำรวจของ McKinsey สำรวจผู้บริหารระดับ C เกือบ 900 คน พบว่ามีการนำผลิตภัณฑ์และบริการดิจิทัลมาใช้อย่างก้าวกระโดดไปข้างหน้า 6 ปี ซึ่งเป็นผลมาจากการแพร่ระบาด ดังนั้นอีกหนึ่ง Mega Trends 2025 คาดว่าบริษัทในทุกอุตสาหกรรมจะเร่งการลงทุนในเทคโนโลยีมากขึ้น ตัวอย่างเช่น อุตสาหกรรมการแพทย์ที่ใช้ระบบอัตโนมัติในการลดข้อผิดพลาดของพนักงาน เพิ่มความปลอดภัยให้กับผู้ป่วย
ดังนั้นผมมองว่า เราควรมุ่งเน้นการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในการดำเนินงานอย่างต่อเนื่องครับ เช่น การปรับปรุงระบบอัตโนมัติ, การลงทุนใน solutions ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและลดข้อผิดพลาด รวมถึงการพัฒนาทักษะและความสามารถของพนักงานในด้านเทคโนโลยีครับ
#4 Hybrid Work Environments Become The Norm – การทำงานแบบ Hybrid กลายเป็นเรื่องปกติ ผลสำรวจของ Gallup ระบุว่า 54% ของงานในสหรัฐอเมริกาสามารถทำในรูปแบบไฮบริดได้ ซึ่งหมายความว่าพนักงานสามารถทำงานทั้งในออฟฟิศและจากระยะไกลได้
Buffer รายงานว่า 72% ของพนักงานบอกว่าบริษัทของพวกเขาอนุญาตให้ทำงานจากระยะไกลได้ในบางส่วน และตัวเลขนี้เพิ่มขึ้นจาก 46% ในปี 2021 อุตสาหกรรมการเงินที่เคยไม่ยอมรับการทำงานจากระยะไกลก็กำลังเปลี่ยนไปเช่นกัน บางรัฐในสหรัฐอเมริกา เช่น คอนเนตทิคัต ยังอนุญาตให้พนักงานรัฐสามารถทำงานจากระยะไกลได้ถึง 4 วันต่อสัปดาห์
ในประเทศไทยเองหลาย ๆ ที่ก็มีการทำงานแบบ Hybrid ให้เห็นกันมากยิ่งขึ้น ซึ่งการตลาดวันละตอนเองเรากันทำงานกันแบบ Hybrid เช่นเดียวกันครับ เพราะฉะนั้นใน 2025 จะทำให้วัฒนธรรมนี้เป็นที่ยอมรับกันมาก และเห็นบริษัทที่ยอมเปลี่ยนรูปแบบการทำงานเป็นรูปแบบ Hybrid มากขึ้นอย่างแน่นอนครับ
ดังนั้นผมมองว่าจ้าของธุรกิจ หรือผู้บริหารระดับสูง ควรเตรียมตัวโดยการปรับนโยบายการทำงานให้ยืดหยุ่นมากขึ้น เพื่อให้พนักงานสามารถเลือกทำงานจากที่บ้านหรือที่ออฟฟิศตามความสะดวก ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานครับ
นอกจากนี้การลงทุนในเทคโนโลยีที่สนับสนุนการทำงานแบบ Hybrid ก็เป็นสิ่งสำคัญ เช่น ระบบการประชุมออนไลน์ การจัดการเอกสารออนไลน์ และเครื่องมือสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ การฝึกอบรมพนักงานในเรื่องการใช้เทคโนโลยีใหม่ ๆ และการสร้างวัฒนธรรมการทำงานที่เน้นผลลัพธ์จะช่วยให้การทำงานแบบ Hybrid มีประสิทธิภาพมากขึ้นครับ มากไปกว่านั้นยังสามารถดึงดูดคน Gen ใหม่ ๆ ที่มีความสามารถ แต่ต้องการทำงานแบบ Hybrid ด้วยครับ
#5 Companies Focus On Sustainability – บริษัทที่มุ่งเน้นความยั่งยืนมากขึ้น ความกังวลเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมที่เพิ่มขึ้นทำให้ธุรกิจต่างๆ ต้องหันมาให้ความสำคัญกับความยั่งยืนมากขึ้นปริมาณการค้นหาคำว่า “sustainability” เพิ่มขึ้นในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาอย่างเห็นได้ชัด
จะเห็นได้ว่าความยั่งยืนไม่ได้เป็นเพียงคำฮิตติดปาก แต่เป็นหลักการสำคัญที่บริษัททั่วโลกให้ความสำคัญอย่างจริงจัง จากรายงานของ International Institute for Management Development พบว่า 62% ของผู้บริหารเห็นว่ากลยุทธ์ด้านความยั่งยืนเป็นสิ่งจำเป็นในการแข่งขันในตลาดปัจจุบัน
ในปี 2025 บริษัทต่าง ๆ จากหลากหลายอุตสาหกรรมจะเน้นย้ำความยั่งยืนมากยิ่งขึ้น โดยมีบริษัทมากกว่า 2,000 แห่งทั่วโลกที่ประกาศเจตนารมณ์ในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้เป็นศูนย์ในอนาคต และรายงานจาก McKinsey แสดงให้เห็นว่าบริษัทที่มีคะแนนด้านปัจจัยสิ่งแวดล้อม สังคม และ ESG สูง มักจะมีผลประกอบการที่ดีกว่าบริษัทอื่น ๆ ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว
ทางด้านกลุ่มผู้บริโภคเองก็มีบทบาทสำคัญในการผลักดันให้บริษัทต่าง ๆ หันมาให้ความสำคัญกับความยั่งยืน ข้อมูลสำรวจของ Simon-kucher ชี้ให้เห็นว่า 1 ใน 3 ของผู้บริโภคใน Millennials กล่าวว่าพวกเขาซื้อสินค้าที่มีความยั่งยืนเพียงอย่างเดียว และเกือบ 90% ของกลุ่ม GenZ ยินดีที่จะจ่ายเพิ่มขึ้น 10% สำหรับสินค้าที่มีความยั่งยืนครับ
ดังนั้นธุรกิจต้องเตรียมตัวโดยการพัฒนากลยุทธ์ที่เน้นความยั่งยืนให้เป็นส่วนหนึ่งของแผนธุรกิจ รวมถึงการสร้างผลิตภัณฑ์และบริการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่ใส่ใจเรื่องสิ่งแวดล้อม การประยุกต์ใช้มาตรการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก การใช้พลังงานหมุนเวียน และการลดของเสียในการผลิตเป็นสิ่งสำคัญครับ
นอกจากนี้ควรสื่อสารให้ชัดเจนและโปร่งใสเกี่ยวกับความพยายามด้านความยั่งยืนของบริษัท เพื่อเสริมสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคและผู้มีส่วนได้เสีย พร้อมทั้งสร้างพันธมิตรกับองค์กรอื่น ๆ ที่มีเป้าหมายเดียวกัน เพื่อเสริมสร้างความร่วมมือและขยายผลลัพธ์ของการดำเนินงานด้านความยั่งยืนให้กว้างขวางมากยิ่งขึ้น
ผมในฐานะนักการตลาดที่เขียนบทความจากข่าวหลาย ๆ แบรนด์ในประเทศไทย ก็พบว่าในปีนี้ก็มีหลายบริษัทยักษ์ใหญ่ที่ออกมาประกาศแผนการดำเนินกิจการอย่างยั่งยืนให้เห็นมากขึ้นเรื่อย ๆ ครับ ซึ่งผมก็มองว่าเป็นเรื่องที่ดี ที่หลาย ๆ หน่วยงานมีการร่วมกันรักษาสิ่งแวดล้อม
#6 5G Arrives In Full Force – 5G มาเต็มกำลัง 5G กำลังจะเปลี่ยนแปลงโลกของเราในทุก ๆ ด้าน 5G นี้มีศักยภาพที่จะสร้างผลกระทบอย่างมากมาย ด้วยความเร็วที่สูงขึ้น ความจุที่เพิ่มขึ้น และการตอบสนองที่ดีขึ้น ทำให้ธุรกิจทุกประเภทสามารถพัฒนาไปได้อย่างรวดเร็วครับ Boston Consulting Group ประมาณการว่า 5G จะสร้างมูลค่าให้กับ GDP ของสหรัฐฯ ได้มากถึง $1.7 ล้านล้านเหรียญในทศวรรษหน้า และสร้างงานได้มากถึง 4.6 ล้านตำแหน่ง
ในขณะเดียวกันรายงานจาก Ericsson Mobility คาดการณ์ว่าในปี 2027 ครึ่งหนึ่งของการสมัครใช้งานมือถือทั้งหมดจะเป็น 5G
ประโยชน์ที่สำคัญของ 5G:
อุตสาหกรรมการผลิต: การใช้ 5G จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของการผลิตอย่างมาก การควบคุมหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติในโรงงานจะทำได้ดีขึ้น Accenture คาดว่าโรงงานที่ใช้ 5G จะเห็นการเพิ่มผลผลิตได้ถึง 30% และเวลาประกอบชิ้นส่วนจะลดลงถึง 50%อุตสาหกรรมการเงิน: ด้วยความเร็วของ 5G ทำให้การซื้อขายที่มีความถี่สูงและการทำธุรกรรมคริปโตเคอเรนซีทำได้ดีขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยในการป้องกันการฉ้อโกงเพราะข้อมูลสามารถส่งต่อได้ทันทีมากไปกว่านั้น 5G จะนำไปสู่การพัฒนา Smart Cities และ Smart Buildings ซึ่งจะทำให้ระบบธุรกิจทั้งหมดได้รับประโยชน์จากเทคโนโลยีใหม่นี้ ผมมองว่าการมาถึงของ 5G ไม่เพียงแต่จะเปลี่ยนแปลงวิธีการทำงานของเรา แต่ยังเปิดโอกาสใหม่ ๆ ในทุกอุตสาหกรรมอีกด้วยครับ
#7 Cyberattacks Ramp Up – ภัย Cyber เพิ่มมากขึ้น ในโลกดิจิทัลที่เติบโตอย่างรวดเร็ว ความปลอดภัยทาง Cyber กลายเป็นอีกหนึ่ง Mega Trends 2025 Cybersecurity Ventures รายงานว่าในปี 2021 ค่าความเสียหายจากการโจมตีทางไซเบอร์สูงถึง $6 ล้านล้านเหรียญ และค่าเฉลี่ยของการรั่วไหลของข้อมูลอยู่ที่ $4.2 ล้านเหรียญ ซึ่งเพิ่มขึ้น 10% จากปี 2019 มากไปกว่านั้นรายงานจาก Sophos’ State of Ransomware 2024 ระบุว่าการจ่ายค่าไถ่เพิ่มขึ้นเกือบ 5 เท่าในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา
ตัวอย่างเหตุการณ์:
เมื่อต้นปี 2022 Bernalillo County ในรัฐนิวเม็กซิโกได้ถูกโจมตีด้วย ransomware จนต้องปิดอาคารรัฐบาลและนำระบบลงออฟไลน์ นอกจากนี้ยังทำให้กล้องในเรือนจำของเคาน์ตีไม่สามารถใช้งานได้และขัดขวางการทำงานของประตูเซลล์ผู้ต้องขัง การโจรกรรมทรัพย์สินทางปัญญา (IP) ก็เป็นอีกหนึ่งภัยคุกคามสำคัญ ในการสำรวจของ CFOs ในอเมริกาเหนือ พบว่าประมาณหนึ่งในสามรายงานว่าบริษัทจีนได้ขโมยทรัพย์สินทางปัญญาจากบริษัทของตนในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา การโจมตีทางไซเบอร์ไม่เพียงแต่ทำให้ธุรกิจเสียหายทางการเงินอย่างมาก แต่ยังขัดขวางการทำงานปกติขององค์กรด้วย ดังนั้น การป้องกันและรับมือกับการโจมตีทางไซเบอร์เป็นเรื่องที่ทุกองค์กรต้องให้ความสำคัญอย่างเร่งด่วนครับ
Source
บทความที่แนะนำให้อ่านต่อ