ดังนั้นการประกาศจุดยืนของแบรนด์ว่าแบรนด์คุณนั้น Stand for อะไร ไม่ใช่แค่ทางเลือกอีกต่อไป แต่เป็นสิ่งที่ต้องทำถ้าแบรนด์คุณไม่อยากถูกทิ้งไว้ข้างหลังเพราะไม่กล้าเลือกข้าง
ความเชื่อและจุดยืนกลายเป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญของผู้บริโภคยุคใหม่ทั่วโลก ไม่ใช่แค่กลุ่มคนรุ่นใหม่ แต่เป็นกับทุกกลุ่มทุกเพศทุกวัยและทุกช่วงรายได้ ไม่ว่าจะเป็น Gen Y หรือ Gen X ต่างก็ยินดีสนับสนุนแบรนด์ที่ลงมือทำอะไรซักอย่างกับประเด็นทางสังคมหรือ Social Issues ที่ตัวเองเห็นด้วย โดยเฉพาะยิ่งในกลุ่มผู้บริโภคที่มีอายุ 55 ปีขึ้นไป เป็นที่รู้กันว่ากลุ่ม Silver Age นี้นั้นมีกำลังซื้อสูงมากกว่าทุกวัย และยังมีเวลาว่างใช้เงินมากกว่าด้วย
ดังนั้นต่อให้สินค้าคุณในวันนี้อาจไม่ดีเท่าคู่แข่ง แต่ถ้าแบรนด์คุณมีจุดยืนที่ชัดเจน ไม่เพิกเฉยกับประเด็นทางสังคมหรือ Social Issues คุณก็มีโอกาสคว้าใจและได้เงินในกระเป๋าพวกเขามาไม่ยาก หรือตีภาพง่ายๆว่าผู้บริโภคในวันนี้ยินดีโหวตให้กับแบรนด์ที่เชื่อในสิ่งเดียวกันผ่านการซื้อสินค้า
ยิ่งแบรนด์แสดงจุดยืนที่ชัดเจนกับตัวเอง Stand for อะไร กับประเด็นทางสังคมหรือ Social Issues ไหน ก็ยิ่งเป็นการเพิ่มยอดขายและกำไรให้ตัวเอง เพราะร้อยละ 60 บอกว่าถ้ารู้ว่าแบรนด์ไหน Stand for อะไรที่เหมือนกัน ก็ยินดีสนับสนุนด้วยการซื้ออย่างไม่ยั้งครับ