ในยุคที่ AI กำลังเปลี่ยนแปลงโลกเราไปอย่างรวดเร็ว การเข้าใจและปรับตัวกับการเปลี่ยนแปลงเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับธุรกิจและนักการตลาดครับ AI ไม่ได้เป็นเพียงแค่เครื่องมือ แต่กำลังกลายเป็นส่วนสำคัญในการสร้างสรรค์และขับเคลื่อนกลยุทธ์ทางการตลาด ในบทความนี้ ผมจะนำ Session: From AI Marketing to Artificial Genius (AG) Marketing จากงาน DSME 2024 โดยผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.เอกก์ ภัทรธนกุล หัวหน้าภาควิชาการตลาด จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มาดูกันว่าความก้าวหน้าของ AI จากมุมมองของอาจารย์เอกก์เป็นยังไงบ้าง ติดตามได้ในบทความนี้เลยครับ
จาก AI สู่ AG: การเปลี่ยนแปลงที่ไม่คาดคิด
อาจารย์เอกก์เล่าว่าในปี 2015 มหาวิทยาลัย Oxford ได้เผยแพร่บทความที่ระบุว่า AI นั้นไม่สามารถทำงานบางอย่างได้ แม้ว่าจะเก่งแค่ไหนก็ตาม ซึ่งงานที่ AI ไม่สามารถทำได้ถูกแบ่งออกเป็น 4 ประเภทตามนี้ครับ
การสร้างสรรค์ที่หลุดโลก Creative Thinking: AI ไม่สามารถคิดสร้างสรรค์อย่างมนุษย์ที่มีความคิดที่ไม่ถูกจำกัดด้วยโปรแกรม
Social Interaction การเข้าสังคม: การมีปฏิสัมพันธ์ทางสังคมและเข้าใจบริบทของสังคม
แต่อย่างไรก็ตามเพียงไม่กี่ปีต่อมาอย่างที่ทราบกัน ในทุกวันนี้ AI ได้พิสูจน์ว่ามันสามารถทำสิ่งเหล่านี้ได้แล้ว ซึ่งความก้าวหน้าของ AI ได้เปลี่ยนแปลงมุมมองของเราเกี่ยวกับสิ่งที่ AI สามารถทำได้
ความก้าวหน้าจาก GPT-4 สู่ GPT-4o
GPT-4 และ GPT-4o เป็นโมเดลภาษาที่พัฒนาโดย OpenAI ที่มีความสามารถในการเข้าใจและสร้างสรรค์เนื้อหาที่ซับซ้อนและมีความลึกซึ้ง ซึ่ง AI เหล่านี้สามารถทำ 4 สิ่ง ที่มหาวิทยาลัย Oxford ได้บอกว่า AI จะทำไม่ได้ในปี 2015
สร้างสรรค์ผลงานที่มีความคิดสร้างสรรค์: AI ในยุคปัจจุบันสามารถสร้างสรรค์ผลงานที่ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์ได้อย่างน่าทึ่ง เช่น การเขียนบทความที่มีเนื้อหาสาระและสำนวนที่น่าสนใจ การแต่งเพลงที่มีท่วงทำนองและเนื้อร้องที่ไพเราะ หรือการสร้างคอนเทนต์สำหรับโซเชียลมีเดียที่โดนใจกลุ่มเป้าหมาย
ตัวอย่าง: นักการตลาดสามารถใช้ AI เพื่อช่วยเขียนบทความบล็อกเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ใหม่ โดย AI จะช่วยร่างเนื้อหาเบื้องต้น ซึ่งเราสามารถนำมาปรับแต่งเพิ่มเติมให้ตรงกับสไตล์ของแบรนด์ได้ ช่วยประหยัดเวลาและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานได้ครับ
เข้าใจและตอบสนองต่ออารมณ์: AI ไม่เพียงแต่ตอบสนองตามคำสั่งเท่านั้น แต่ยังสามารถเข้าใจอารมณ์และบริบทของผู้ใช้งาน ทำให้การสนทนากับ AI เป็นธรรมชาติและมีความหมายมากขึ้น
สร้างงานศิลปะ: ด้วยการรวมพลังของ AI กับเครื่องมืออย่าง Midjourney หรือ DALL·E เราสามารถสร้างภาพและงานศิลปะที่สวยงามและไม่ซ้ำใครได้ เพียงแค่ Prompt คำอธิบายหรือแนวคิดที่ต้องการ AI ก็จะสร้างสรรค์ผลงานตามที่เราจินตนาการไว้ได้ครับ
ตัวอย่าง: ถ้าเราต้องการภาพสำหรับโฆษณาที่มีคอนเซ็ปต์เฉพาะ เช่น “สิงโตที่กำลังอ่านหนังสือในห้องสมุดสไตล์วินเทจ” AI สามารถสร้างภาพนั้นให้เราได้ทันที โดยไม่ต้องเสียเวลาหาหรือถ่ายภาพเอง
เข้าสังคมและมีปฏิสัมพันธ์: AI มีความสามารถในการเข้าใจและตอบสนองต่อสถานการณ์ทางสังคม สามารถจำลองการสนทนาในบริบทต่าง ๆ ช่วยให้เราฝึกฝนทักษะการสื่อสารและเตรียมตัวสำหรับสถานการณ์จริง
ตัวอย่าง: หากเรากำลังเตรียมตัวสำหรับการสัมภาษณ์งาน AI สามารถจำลองการสัมภาษณ์ โดยถามคำถามที่เป็นไปได้และให้คำแนะนำในการตอบ ช่วยเพิ่มความมั่นใจและความพร้อมก่อนถึงวันจริง
เนื่องจากความก้าวหน้าเหล่านี้ ทำให้ AI สามารถทำงานที่เคยคิดว่าเป็นเอกลักษณ์ของมนุษย์ได้อย่างมีประสิทธิภาพและลึกซึ้ง จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้อาจารย์เอกก์มองว่า AI กำลังพัฒนาไปอีกสู่ระดับที่เรียกว่า AG (Artificial Genius) หรืออัจฉริยะประดิษฐ์ครับ
5 คุณสมบัติที่ทำให้ AI กลายเป็นสู่ AG
อาจารย์เอกก์ได้กล่าวถึงคุณสมบัติ 5 ประการที่ทำให้ AI กลายเป็นอัจฉริยะ AG ครับ
1. เก่ง Intelligence
AI ที่มีความเก่งในที่นี้หมายถึงความสามารถในการประมวลผลข้อมูลและทำงานที่ซับซ้อน AI สามารถเรียนรู้จากข้อมูลจำนวนมาก เข้าใจแนวคิดที่ซับซ้อน และแก้ปัญหาที่มีความท้าทายได้ เช่น
การเรียนรู้เชิงลึก: AI ใช้เทคนิคการเรียนรู้เชิงลึกเพื่อจำลองการทำงานของสมองมนุษย์ สามารถประมวลผลข้อมูลเชิงซับซ้อน เช่น การรู้จำภาพ การประมวลผลภาษาธรรมชาติ และการทำนายแนวโน้ม
การแก้ปัญหาที่ซับซ้อน: AI สามารถวิเคราะห์และแก้ปัญหาที่มีหลายมิติ เช่น การวิเคราะห์ตลาดการเงิน การวินิจฉัยโรคในทางการแพทย์ หรือการวางแผนโลจิสติกส์
ตัวอย่าง: ระบบ AI อย่าง AlphaGo ของ DeepMind ที่สามารถเอาชนะผู้เล่นโกะระดับโลก โดยใช้การประมวลผลที่ซับซ้อนและการเรียนรู้จากเกมหลายล้านเกม
2. เร็ว Speed
AI มีความสามารถในการประมวลผลและสร้างสรรค์ผลงานได้อย่างรวดเร็ว ในระดับที่มนุษย์ไม่สามารถเทียบเท่าได้ สามารถตอบสนองต่อคำสั่งและประมวลผลข้อมูลจำนวนมหาศาลในเวลาอันสั้นครับ เช่น
การประมวลผลข้อมูลขนาดใหญ่ Big Data Processing: AI สามารถวิเคราะห์ข้อมูลที่มีขนาดใหญ่ในเวลาเพียงไม่กี่วินาที ซึ่งช่วยในการตัดสินใจที่รวดเร็วและแม่นยำ
การสร้างสรรค์ที่รวดเร็ว: AI สามารถสร้างคอนเทนต์ เช่น บทความ เพลง ภาพ หรือโค้ดโปรแกรม ได้ในเวลาไม่กี่วินาทีถึงนาที
ตัวอย่าง: การใช้ AI ในการตรวจจับโรคจากภาพถ่ายรังสี ซึ่งสามารถวินิจฉัยได้เร็วกว่ามนุษย์หลายเท่า
3. ลึกซึ้ง Depth
AI มีความสามารถในการเข้าใจบริบท วิเคราะห์เชิงลึก และตีความข้อมูลที่ซับซ้อน มากไปกว่านั้นสามารถเข้าใจความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนระหว่างข้อมูลที่หลากหลายมิติได้เป็นอย่างดี
ความเข้าใจบริบท Contextual Understanding: AI สามารถเข้าใจความหมายที่ซ่อนอยู่ในข้อความหรือสถานการณ์ได้ดีมากยิ่งขึ้น เช่น การเข้าใจอารมณ์ในข้อความ หรือการตีความภาษาที่มีความกำกวม
การวิเคราะห์เชิงลึก Deep Analysis: สามารถค้นหาแนวโน้มและความสัมพันธ์ที่มนุษย์อาจมองข้ามไป เช่น การค้นหาความสัมพันธ์ระหว่างยีนและโรค หรือการวิเคราะห์พฤติกรรมผู้บริโภค
การตัดสินใจที่ซับซ้อน: AI สามารถประเมินหลายปัจจัยพร้อมกัน เพื่อให้ได้คำตอบหรือคำแนะนำที่เหมาะสมที่สุด และเป็นกลาง
ตัวอย่าง: ระบบ AI ที่ใช้ในการวิเคราะห์ความเสี่ยงทางการเงิน ที่สามารถประเมินปัจจัยทางเศรษฐกิจหลายร้อยปัจจัยพร้อมกัน
4. ใหม่ Innovation
AI สามารถสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ และปรับตัวกับเทคโนโลยีล่าสุด มีความสามารถในการคิดนอกกรอบ และเสนอแนวคิดหรือโซลูชันที่ไม่เคยมีมาก่อน
การสร้างสรรค์ Creativity: AI สามารถแต่งเพลง วาดภาพ หรือเขียนบทความที่เป็นต้นฉบับ และไม่เคยมีมาก่อนได้
การปรับตัว Adaptability: AI สามารถเรียนรู้และปรับตัวกับข้อมูลหรือสถานการณ์ใหม่ ๆ โดยไม่ต้องมีการโปรแกรมเพิ่มเติม
การค้นพบใหม่ ๆ: AI สามารถช่วยในการค้นพบยาใหม่ การออกแบบวัสดุใหม่ หรือการแก้ปัญหาที่ซับซ้อนในวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
5. แรง Impact
AI มีผลกระทบอย่างมากต่อธุรกิจ อุตสาหกรรม และสังคม สามารถเปลี่ยนแปลงวิธีการทำงาน กระบวนการธุรกิจ และสร้างโอกาสใหม่ ๆ
การเพิ่มประสิทธิภาพ Efficiency: AI ช่วยลดต้นทุน เพิ่มความเร็ว และเพิ่มคุณภาพในการผลิตและบริการ
การสร้างโอกาสธุรกิจใหม่ New Business Opportunities)ล: AI เปิดโอกาสให้กับธุรกิจรูปแบบใหม่ ๆ เช่น การตลาดแบบ Personalization และการตลาดที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น
การเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรม Industry Transformation: AI กำลังเปลี่ยนแปลงหลายอุตสาหกรรม เช่น การแพทย์ การเงิน การขนส่ง ด้วยการนำเสนอวิธีการใหม่ ๆ ในการดำเนินงาน
ผลกระทบทางสังคม (Social Impact): AI มีบทบาทในการแก้ปัญหาสังคม เช่น การพัฒนาการศึกษา การรักษาสิ่งแวดล้อม หรือการแก้ปัญหาความยากจน
ตัวอย่าง
ธุรกิจ: บริษัทที่ใช้ AI ในการวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้า สามารถเพิ่มยอดขายและความพึงพอใจของลูกค้า
อุตสาหกรรม: การใช้รถยนต์ไร้คนขับที่ควบคุมด้วย AI กำลังเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมยานยนต์และการขนส่ง
สังคม: AI ที่ช่วยในการวินิจฉัยโรคในพื้นที่ห่างไกล ช่วยให้ผู้คนเข้าถึงการรักษาที่ดีขึ้น
สรุป จาก AI สู่ AG DSME 2024
ในยุคที่ AI กำลังเปลี่ยนแปลงโลกธุรกิจอย่างรวดเร็ว การปรับตัวและเข้าใจการพัฒนาเหล่านี้เป็นสิ่งสำคัญสำหรับนักการตลาดและธุรกิจต่าง ๆ AI ไม่ได้เป็นเพียงเครื่องมือ แต่กลายเป็นส่วนสำคัญในการสร้างสรรค์และขับเคลื่อนกลยุทธ์ทางการตลาด
การพัฒนาของ AI ทำให้สามารถสร้างสรรค์ผลงาน การเข้าใจและตอบสนองต่ออารมณ์ การสร้างงานศิลปะ และการมีปฏิสัมพันธ์ทางสังคมได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ ลดต้นทุน และเปิดโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ ซึ่งเป็นเหตุผลที่ AI ถูกมองว่าเป็น AG ในปัจจุบัน
สรุปแล้ว AI ได้กลายเป็นเครื่องมือที่ทรงพลังในการขับเคลื่อนกลยุทธ์ทางการตลาดและการเปลี่ยนแปลงธุรกิจในทุกมิติ ทำให้ธุรกิจและนักการตลาดต้องปรับตัวและใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีนี้อย่างเต็มที่