Case Study Personalization รวมกลยุทธ์การตลาดแบบรู้ใจ แบบ Personalized Contextual Channel และ Marketing Campaign จาก Customer Data

Case Study Personalization ที่ 7-9 การตลาดแบบรู้ใจ Context Channel และ Campaign

Case Study Personalization ที่ 7 การตลาดแบบ Personalized Contextual Marketing รู้ใจในเวลาที่ใช่เพิ่ม Conversion ได้ง่ายขึ้นด้วย Customer Data

การตลาดแบบรู้ใจ Personalized Marketing ที่ดีไม่ใช่แค่รู้ว่าลูกค้าคนนี้เป็นใคร กำลังต้องการอะไร แต่ยังต้องรู้จังหวะเวลาหรือภาษาไทยเราอาจเรียกว่า “กาลเทศะ” รู้ว่าตอนไหนควรพูด รู้ว่าตอนไหนไม่ควรพูด นั่นหมายถึงรู้ว่าตอนไหนควรทำการตลาดกับลูกค้าคนนั้นมากที่สุดนั่นเองครับ

เหมือนกับ Call Center ธนาคารอยากจะโทรมาแนะนำประกันสุขภาพให้ เนื่องจากทีม Call Center อาจจะเห็น Signal จาก Customer Data ว่า ช่วงนี้ลูกค้าคนนี้ใช้บัตรเครดิตธนาคารรูดทำธุรกรรมทางการเงินที่เกี่ยวกับสุขภาพหรือโรงพยาบาลเยอะมาก นั่นน่าจะบอกให้รู้ว่าถ้าเสนอขายประกันสุขภาพ หรือประกันชีวิตช่วงนี้น่าจะเหมาะที่สุดแหละ

ด้วยความรีบจะปิดดีลนี้ให้ได้ เลยรีบโทรไปตอน 9 โมงเช้า ซึ่งส่วนใหญ่แล้วเป็นเวลาที่คนทั่วไปอาจจะไม่สะดวกรับสายใดๆ ที่ไม่ใช่ธุระสำคัญ แทนที่ลูกค้าคนนั้นจะพิจารณาว่าทำประกันสุขภาพเพิ่มดีไหม กลายเป็นถูกด่าเปิงเพราะไม่รู้จักเวล่ำเวลา

แต่ถ้า Call Center เลือกเวลาใหม่สักหน่อย เป็นเวลาที่น่าจะพอสะดวกให้รับสายที่ไม่เกี่ยวกับงานได้บ้าง อาจจะเป็นสัก 11 โมงสายๆ ที่น่าจะเคลียร์งานแล้ว หรืออาจจะเป็นประมาณ 4-5 โมงเย็น ช่วงที่หลายคนเริ่มผ่อนคลายจากประชุมที่วุ่นวาย แล้วก็เตรียมกลับบ้านครับ

โอกาสในการโทรแบบหลังน่าจะทำให้ได้ Conversion ที่ดีกว่าแบบแรกไม่มากก็น้อย หรือถ้าจะให้ดีขึ้นที่สุด Call Center อาจต้องดูจากช่วงเวลาที่ลูกค้าเคยติดต่อเข้ามาในอดีต เอามาวิเคราะห์หาช่วงเวลาประจำของลูกค้าคนนั้นว่ามีไหว ถ้ามีนั่นอาจจะหมายถึงช่วงเวลาที่เราควรติดต่อกลับเขาในเวลานั้น 

Case Study Personalization รวมกลยุทธ์การตลาดแบบรู้ใจ แบบ Personalized Contextual Channel และ Marketing Campaign จาก Customer Data

ไม่ว่าจะเป็นการติดต่อผ่าน Call Center ที่ลูกค้าโทรเข้ามาเอง หรืออาจะเป็นการเข้าใช้งานแอปธนาคาร หรือถ้าจะไปให้สุดกว่านั้นอาจจะเป็นติดต่อกลับภายใน 30-60 นาที หลังจากที่เพิ่งทำการรูดชำระเงินเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายที่โรงพยาบาลไป

พอเห็นภาพของการทำ Personalized Marketing จาก Best Timing ของลูกค้าแต่ละคนที่สะดวกแตกต่างกันแล้วใช่ไหมครับ

ลองเลือกช่วงเวลาให้ดีก่อนจะทำการตลาดแบบรู้ใจออกไป วันหยุดยาวอาจไม่น่าโทรไปรบกวน ช่วงเวลาที่น่าจะยุ่งงานอยู่ก็ไม่น่าโทรไปหา แล้วการตลาดแบบรู้ใจที่คุณตั้งใจวิเคราะห์ดาต้ามาจะไม่สูญเปล่า

ใส่ใจเพิ่มขึ้นอีกนิด คิดถึงลูกค้ามากขึ้นอีกหน่อย แล้วคุณจะได้ผลลัพธ์ Conversion ดีขึ้นได้ไม่ยากครับ

สรุป Case Study Personalization ที่ 7 ก่อนจะทำการตลาดแบบรู้ใจ ต้องรู้ว่าลูกค้าแต่ละคนสะดวกช่วงเวลาไหนมากที่สุด

Case Study Personalization รวมกลยุทธ์การตลาดแบบรู้ใจ แบบ Personalized Contextual Channel และ Marketing Campaign จาก Customer Data
  1. ดูจาก Historical Data ว่าลูกค้าคนนี้เคยติดต่อหาเราในช่วงไหนบ้าง
  2. ดูจากบริบททั่วไป วันหยุดไม่ควรติดต่อ ช่วงเวลายุ่งงานไม่ควรโทรหา
  3. ดูจากช่วง Location หรือ Timezone ด้วย เพราะแต่ละพื้นที่ก็มีบริบทแตกต่างกัน เช้าเราอาจเย็นเขา สำหรับธุรกิจที่มีลูกค้าต่างชาติกระจายอยู่ทั่วโลก

ง่ายๆ เท่านี้ยอดขายจากลูกค้าเก่าคุณก็จะเพิ่มขึ้นได้กว่าเดิมที่เคยทำมาครับ

Case Study Personalization ที่ 8 การตลาดแบบรู้ใจต้องรู้ว่าลูกค้าชอบให้ติดต่อช่องทาง Channel ไหน

อีกหนึ่งปัจจัยหลักของการทำ Personalization หรือการตลาดแบบรู้ใจคือ Channel ช่องทางการติดต่อครับ แน่นอนว่าแม้วันนี้เราจะมีหลากหลายช่องทางไว้ติดต่อกับเพื่อน กับแบรนด์ แต่ไม่ใช่ว่าเราจะสะดวกติดต่อทุกช่องทางเท่าๆ กัน บางเรื่องอาจไม่เหมาะกับบางช่องทางเลยก็ได้ กับการตลาดก็เหมือนกัน การ Personalized Channel Communication จึงสำคัญกับการตลาดในวันนี้

Case Study Personalization รวมกลยุทธ์การตลาดแบบรู้ใจ แบบ Personalized Contextual Channel และ Marketing Campaign จาก Customer Data

คิดภาพตัวเราเองมีกี่ช่องทางในการติดต่อกับเพื่อนบ้างครับ

  • Facebook
  • Instagram
  • Twitter
  • TikTok
  • LinkedIn
  • Email
  • LINE
  • SMS
  • Call

เท่าที่ตัวผมมีก็เท่านี้ ยังไม่นับช่องทางใหม่ๆ อื่นๆ อีกหละ โดยเฉพาะถ้าเป็นแบรนด์ที่ลงทุนหน่อยก็จะมี Application เป็นของตัวเอง เรียกได้ว่าเรามีช่องทางให้ติดต่อกันมากมาย ดังนั้นจึงกลับมาประเด็นหลักของ Case Study Personalization ที่ 8 เรื่องของ Personalized Channel Communication

เราต้องดูจาก Customer Data ว่าในอดีตที่ผ่านมาลูกค้าคนนี้เคยติดต่อหรือตอบรับเราผ่านช่องทางใดบ้าง

  • ส่ง SMS ไปเคยกดลิงก์ หรือพิมพ์ข้อความตอบกลับหรือไม่ ?
  • ส่ง Email ไปเคยเปิดอ่านบ้างหรือเปล่า หรือแม้แต่จากรายชื่ออีเมลทั้งหมดของลูกค้าหนึ่งคนที่เรามี เค้าเปิดอ่านด้วยอีเมลไหนมากที่สุด
  • โทรหาเคยรับไหม แล้วยิ่งถ้ามีหลายเบอร์ก็ต้องดูว่าเคยรับสายเราด้วยเบอร์ไหนบ้าง
  • Notification in-app เวลาส่งแจ้งเตือนผ่านแอปไปเคยกดกลับเข้ามาไหม
  • LINE เวลาส่งข้อความไปเคยเปิดอ่านหรือกดคลิ๊กเพื่อดูข้อมูลต่อบ้างหรือเปล่า

การจะทำการตลาดแบบรู้ใจให้ออกมาดี ต้องดูไปถึงช่องทาง Channel Preferences ด้วยว่าลูกค้าแต่ละคนสะดวกติดต่อกับเราในช่องทางไหนมากที่สุด เพื่อให้งบการตลาดเราถูกใช้เท่าที่จำเป็น และที่สำคัญที่สุดคือไม่สร้างความรำคาญหรือ Bad Customer Experience ให้กับลูกค้าทั้งที่ป้องกันได้

ถ้าถามว่า Data พวกนี้อยู่ตรงไหน อยู่ใน Customer Data Platform ถ้าเราลงทุนไป พอเห็นประโยชน์ของการใช้ CDP แล้วใช่ไหมครับ

สุดท้ายถ้าถามว่าทำไมการ Personalized Channel Communication ถึงสำคัญ

ก็บอกได้เลยครับว่าทุกข้อความที่ส่งออกไปล้วนเป็นต้นทุนทั้งนั้น และที่สำคัญคือลดการสร้างประสบการณ์แย่ๆ ให้ลูกค้า ถ้าทำสองส่วนนี้ได้ดี ตัวเลขยอดขายบรรทัดสุดท้ายก็จะเขียวตามครับ

Case Study Personalization ที่ 9 ทำให้ลูกค้าติดหนึบเราด้วย Personalized Marketing Campaign

การตลาดแบบรู้ใจที่จะทำให้ลูกค้าอยากซื้อซ้ำ ซื้อต่อ หรือใช้งานเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่ใช่แค่การทำโปรโมชั่นแคมเปญการตลาด การมอบส่วนลดในช่วงเวลาที่ใช่ กับสินค้าหรือบริการที่กำลังสนใจ แต่ยังหมายถึงการเล่นกับ Customer Data ข้อมูลตัวลูกค้าเองที่เรามี เพื่อทำให้ลูกค้ารู้สึกประทับใจจนอยากจะแชร์ออกไปให้เราเป็น Free Media ด้วยตัวเองครับ

เพราะธรรมชาติของมนุษย์ทุกคนล้วนแต่อยากรู้เรื่องของตัวเองมากที่สุด ก็เหมือนกับที่ทุกๆ สิ้นปีบรรดา​ Digital Products หรือ Digital Services ต่างๆ จะทำปุ่มกิจกรรมให้เราเข้ามาสำรวจตัวเองว่าในปีที่ผ่านมาเราใช้บริการเขาไปมากน้อยเท่าไหร่

  • สมัยก่อนตอน UBER ยังให้บริการในไทย ผมก็เข้าไปสรุปดูว่าปีนี้ผมนั่ง UBER ไปรวมเป็นระยะทางกี่กิโลเมตร
  • ถ้าเป็น Facebook ก็จะสรุปให้เราดูว่าในปีที่ผ่านมาเรากด Likes เพื่อนคนไหนมากที่สุด หรือทั้งปีเราได้ Engagement รวมเท่าไหร่
  • Instagram ก็จะมี #BestNine20xx ที่หมายถึงเลขปีที่เปลี่ยนไปเรื่อยๆ ซึ่งทำให้ผู้คนเข้ามาเล่นกันมากมาย
  • Spotify เองก็มีสรุปให้ว่าเราฟังเพลงไปนานรวมกี่นาทีตลอดทั้งปี เราชอบฟังเพลงแบบไหนอย่างไรบ้าง
  • YouTube Creator ก็มีสรุปพวกรายได้ต่างๆ ให้

อ่านถึงตรงนี้พอเห็นประโยชน์ของการเอา Customer Data มาทำ Personalized Summary Campaign ส่งท้ายปีแล้วใช่ไหมครับ

เล่นกับข้อมูลลูกค้าที่เรามี ให้เขาเห็นว่าเขาใช้งานเราหรือหลงไหลในแบรนด์เราขนาดไหน ทำให้เขารู้สึกว้าวและประทับใจ เดี๋ยวเขาก็จะแชร์ออกไปให้เราเป็น Free PR จนกลายเป็นไวรัลด้วยตัวเองได้ไม่ยาก

ในบทความชุด Case Study Personalization ตอนหน้า จะมาถึง Part ที่ 3 ลำดับสุดท้ายของ Customer Journey คือการจะชวนลูกค้าเก่าที่เคยหายไปให้กลับมาซื้อซ้ำ หรือคนที่เคยใช้บริการแอปเราแล้วหยุดใช้งานไป ให้กลับมาใช้งานอีกครับ

อ่านบทความชุด 15 Case Study Personalization รวมกลยุทธ์การตลาดแบบรู้ใจตอนที่ 1 : https://everydaymarketing.co/business-and-marketing-case-study/e-commerce-business/15-case-study-personalization-with-customer-data-platform-from-individual-to-segment-and-personalized-marketing/

อ่านบทความ Case Study ถัดไป :

https://everydaymarketing.co/knowledge/case-study-personalization-abandon-cart-segment-marketing-with-customer-data/

เจ้าของเพจการตลาดวันละตอน / อาจารย์พิเศษวิชา Data-Driven Communication / เขียนหนังสือมาแล้ว 5 เล่ม Personalized Marketing, Data-Driven Marketing, Data Thinking, Contextual Marketing และ Social Listening / ที่ปรึกษา Data-Driven Advisor

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *