เมื่อไม่นานที่ผ่านมาเราอาจจะได้ยินข่าวไก่ทอดสุดไวรัลที่มาจากจีน ขายในราคาเริ่มต้น 15 บาท นั่นก็คือร้าน Zhengxin Chicken Steak เป็นร้านขายไก่ทอด สเต็ก และฟาสฟู้ดในราคาย่อมเยาว์ ทำให้เราอดนึกถึงแบรนด์ที่เข้ามาบุกตลาดไทยก่อนหน้าที่ชื่อว่า MIXUE ไม่ได้ ในบทความนี้เราจะมาวิเคราะห์ Business Model Zhengxin Chicken Steak หรือ ไก่ทอดจีน มาดูกันว่าโมเดลธุรกิจสไตล์นี้ เขามีวิธีสร้างแบรนด์อย่างไรให้แตกต่างจากไก่ทั่วไป และสามารถขายในราคาย่อมแยาว์แบบนี้ได้ยังไงกันนะ
ทำความรู้จักแบรนด์ Zhengxin Chicken Steak กันก่อน
Zhengxin Chicken Steak หรือ เจิ้งซิน ชิคเก้น สเต็ก ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2538 อยู่ภายใต้บริษัทที่ชื่อว่า Shanghai Zhengxin Food Group Co., Ltd ปัจจุบันมีสาขามากกว่า 20,000 สาขาทั่วโลก และตั้งอยู่ในไทย ปัจจุบันมี 2 สาขา คือ One Connex อนุเสาวรีย์ และเซ็นทรัลเวิร์ด ชั้น 7 เมนูที่ขึ้นชื่อ เช่น
เบอร์เกอร์เนื้อชิ้นละ 30 บาท
ไก่กรอบสไปซี่ 15 บาท
ไกย่างเสียบไม้ 20 บาท
เฟรนซ์ฟราย / นักเก็ต 20 บาท
ไขกุญแจเคล็ดลับการสร้างแบรนด์
เปลี่ยนจากขายทุกอย่าง มาเป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องไก่ทอด+สเต็กไก่ + ไม้เสียบย่าง
Timeline ประวัติ Zhengxin Chicken Steak หรือ เจิ้งซิน ชิคเก้น สเต็ก
ทุกคนเชื่อมั้ยว่ากว่าจะมาเป็น Zhengxin Chicken Steak อย่างที่ทุกคนรู้จัก ก่อนหน้านี้เคยทำธุรกิจเกี่ยวกับของแช่แข็งมาก่อน แต่เห็นเทรนด์ในของกินไต้หวันกำลังได้รับความนิยมในจีนแผ่นดินใหญ่เลยเปิดบ้าง โดยเริ่มตั้งชื่อว่า Zhengxin Snack Bar ในปี 2000 ขายจากโอเด้ง ไส้กรอก ไก่ทอด และอื่นๆอีกมากมายเกี่ยวกับของกินเล่นง่ายๆ โดยเปิดในเมืองรุ่ยอัน และเหรินโจว จากนั้นเห็นว่าขายดีมาก จึงได้ขยายไปยังเมืองเซี่ยงไฮ้ และขยายสาขาไปเรื่อยๆ
Credit : CBN Data
พอเวลาผ่านไปความต้องการของผู้บริโภคก็เปลี่ยน ไปตามกาลเวลา จากสแน็คบาร์ที่เป็นภาพจำของใครหลายๆคนว่าของว่างเมนูให้เลือกหลากหลาย และคนก็ไม่ได้ต้องการของว่างอีกต่อไป สิ่งที่ทำได้คือจะทำยังไงให้แบรนด์อยู่รอด ช่วงปี 2008 ทางแบรนด์จึงค่อยๆปรับตัวเข้าหาตลาด โดยการลดสินค้าลงในบางสาขาพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส
เกิดเหตุการณ์ไข้หวัดนกระบาด ทำให้แบรนด์ได้รับผลกระทบเช่นกัน ซึ่งนั่นก็คือจุดเปลี่ยนที่ทำให้ต้องตัดสินค้าอื่นๆไปถึง 90% จนเหลือแค่ “ไก่ทอด+สเต็กไก่ + ไม้เสียบย่าง”
ด้วยเหตุผลที่ว่าสเต็กไก่เป็นสินค้าที่ขายดีที่สุดของร้าน และในขณะเดียวกันไก่ยังเป็นสินค้าที่คนนิยมเป็นอันดับ 2 ในจีน (รองจากเนื้อหมู) ซึ่งนั่นก็คือจุดเริ่มต้นของเรื่องนี้….
เปิดประตูสู่ Zhengxin Chicken Steak สร้างแบรนด์ให้น่าจดจำ
Logo Zhengxin Chicken Steak Credit : Hua&Hua
หลังจากบริษัทได้ตัดสินใจจะเลือกขายสินค้าไม่กี่อย่างจากที่ได้รับความนิยมจากลูกค้า จนได้มาเปลี่ยนเป็นชื่อว่า “Zhengxin Chicken Steak” และได้พาร์ทเนอร์กับ Hua&Hua เพื่อพัฒนาแบรนด์ ที่เริ่มจากการออกแบบโลโก้รูปได่ใส่มงกุฎ หรือเรียกว่า “Chicken King” เพื่อสื่อถึงสินค้นเรือธงของแบรนด์นั่นก็คือไก่ และการที่มีไก่ใส่มงกุฎเพื่อแสดงให้เห็นถึงความเป็นผู้นำในตลาดนั่นเอง
ยังมีส่วนอื่นๆที่ต้องล้อไปด้วยกันนั่นก็คือการทำ Packaging ให้ดูสะดุดตา ติดเจ้า Chicken King ในทุกๆส่วนที่คนจะสังเกตเห็นได้
ตัวอย่างการออกแบบ Packaging ของ Zhengxin Chicken Steak (ไก่ทอดจีน) Credit : Hua&Hua
แค่นั้นยังไม่พอ การนำ Brand Identity และ Brand Equity มาเล่นในทุกส่วนของการขาย นั่นก็รวมไปถึงการทำหน้าร้านภายใต้คอนเซ็ปท์ “Super Store” คือไม่ได้เป็นการออกแบบร้านให้รู้สึกใหญ่หรือพิเศษเพียงเท่านั้น แต่ยังคำนึงถึงการสร้างความน่าจดจำให้ลูกค้า สร้างประสบการณ์ที่ดีผ่านหน้าร้านอีกด้วย
ภาพการตกแต่งร้านของ Zhengxin Chicken Steak (ไก่ทอดจีน) Credit : 36Kr
ผุดโมเดล “Forest Plan” สร้าง Economy of Scale กลยุทธ์ขายถูก
จากการเติบโตอย่างต่อเนื่องของ Zhengxin Chicken Steak และมีการเติบโตประมาณ 5,000 สาขาต่อปี ซึ่งนั่นก็เป็นหนึ่งในเหตุผลที่เมื่อยิ่งผลิตสินค้ามากเท่าไหร่ ต้นทุนในการผลิตก็น้อยลงมากเท่านั้น
Business Model Zhengxin Chicken Steak (ไก่ทอดจีน)
แต่ความต้องการของ Zhengxin ไม่ใช่แค่นี้ เขายังต้องการขยายไปถึง 100,000 สาขา และมีมูลค่าบริษัท 100 แสนล้านหยวน ทำให้บริษัทต้องเปิดแผนโมเดลธุรกิจ “Forest Plan” ทั้งสร้างแบรนด์ขึ้นมาเอง แบรนด์ที่ร่วมกันสร้าง และรวมไปถึงบริษัท Supply chain บริษัทเทคโนโลยี บริษัทฝึกอบรม บริษัทตกแต่ง และธุรกิจค้าปลีก
ซึ่งแบรนด์ที่นอกเหนือจาก Zhengxin Chicken Steak ยังมีแบรนด์อื่นๆอีก เช่น Kuailea Burger, Zhengxin Burger, Zhengxin Shake Tea และ Zhengshuoji Roast Duck Neck โดยมีการวางกลยุทธ์ที่เหมือนกัน คือเข้าถึงง่าย ราคาถูก เน้นเข้าถึงความต้องการกระแสในตลาด เน้นร้านค้าขนาดเล็ก แต่ขยายได้ไว ตามฉบับอย่างแบรนด์รุ่นพี่ที่ได้พิสูจน์แล้วว่าค่อนข้างประสบความสำเร็จ ที่ไม่ใช่แค่เป็นที่นิยมเท่านั้น แต่ยังมีกำไรขั้นต้นอยู่ที่ 52%
เรื่องขนส่งไว้ใจพี่
ที่พูดออกมานั้นก็เหมือนจะขายฝัน แต่พอชำแหละดูจริงๆแล้ว เพราะก่อนหน้านี้ Zhengxin Group ก็เริ่มต้นมาจากธุรกิจอาหารแช่แข็ง และโลจิสติกส์มาก่อน ทำให้มีประสบการณ์เรื่องของการแช่แข็งอาหารเย็นและการจัดส่งเป็นอย่างมาก และอย่างที่รู้กันว่าการทำ Logistics&Supply chain ก็คือหัวใจสำคัญไม่แพ้กัน เพราะนั่นก็คือข้อได้เปรียบอีกหนึ่งอย่างในความสามารถของการกระจายสินค้าไปยังสาขาต่างๆ แม้กระทั่งหมู่บ้านทุกแห่ง เมืองทุกเมืองในจีนก็เเทบไม่ต้องพึ่งบุคคลที่สามเลยก้ว่าได้
บทสรุป
กลยุทธ์ Business Model ของ Zhengxin Chicken Steak หรือไก่ทอดจีน คือเน้นขายของถูก เข้าถึงง่าย ขายไว ไม่ต้องใช้พื้นที่เยอะ เน้นขยายสาขาให้รวดเร็ว เพื่อสร้างการรับรู้แบรนด์ ซึ่งนั่นก็ถูก apporve มาประมาณนึงจากประเทศจีนว่าสำเร็จแน่ๆ และการมาไทยครั้งนี้ก็ดูไม่ใช่เรื่องยากสักเท่าไหร่ เพราะมีแบรนด์รุ่นพี่อย่าง Mixue มาตีตลาดจนเป็นที่รู้จักในเวลาไม่นาน
แต่ก็มีความท้าทายเรื่องของการทำการตลาดเพิ่มเติม เพื่อให้เป็นที่รู้จัก เพราะอย่าง Mixue ก็ไม่ได้ดึงดูดลูกค้าด้วยราคาและสาขาที่มากมายเพียงอย่างเดียว แต่ยังมีการสร้างมาสคอตและ Music Marketing ให้ติดหู ติดตาจนถึงทุกวันนี้ เอาเป็นว่าใครลองไปชิมมาแล้ว เป็นยังไงบ้าง สู้ไก่ทอดผู้พันธ์ได้หรือเปล่า?
ขอบคุณข้อมูลดีๆจาก News Sina , Huayuhua