สวัสดีครับเพื่อน ๆ นักการตลาดและผู้อ่านทุกคน ทางเพจการตลาดวันละตอนได้มีโอกาสเข้าร่วมในงาน The Secret Sauce Summit 2024 ต้องบอกเลยว่ามีหัวข้อที่น่าสนใจหลายประเด็นเลยทีเดียว ในบทความนี้จะขอพูดถึง Travel Trends 2025 เทรนด์ไหนกำลังมาแรงและจะเป็นโอกาสให้กับธุรกิจท่องเที่ยวในประเทศไทย
ขอบคุณภาพจาก Shutterstock (AI Generator Prompt: Design a vibrant for “The Secret Sauce Summit 2024” with the theme “Winning the New Wave,” incorporating travel and tourism elements in Thailand, using a refreshing green and blue color palette, radiant lines emanating from the center, silhouette of a person walking toward a bright horizon, symbolizing forward movement, adventure, and exploration, subtle imagery of famous Thai landmarks like the Grand Palace, Wat Arun, floating markets, and tropical beaches, along with travel symbols such as airplanes, event title “The Secret Sauce Summit 2024” in large, modern fonts, subheading “Winning the New Wave” below, futuristic, sleek, and professional design focusing on innovation in Thailand’s travel industry)
โดย Session นี้ ผู้ที่ขึ้นมาแชร์ข้อมูล คือ คุณศุภจี สุธรรมพันธ์ุ ในหัวข้อ Reimaging Hospitality for the New Wave กลยุทธ์ชนะท่องเที่ยวโลกใหม่จากดุสิต (Dusit)
Emerging Travel Trends เทรนด์การท่องเที่ยวที่น่าจับตามอง
หลังจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ส่งผลให้พฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว หรือ Hospitality ก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน
ซึ่งส่งผลให้เทรนด์การท่องเที่ยวนั้นเปลี่ยนแปลงไป และนี่คือ 8 เทรนด์ที่น่าสนใจ และมีแนวโน้มที่จะเติบโตขึ้นในอนาคต
#1 Health & Wellness การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ
การท่องเที่ยวในรูปแบบที่ให้ความสำคัญด้านสุขภาพหรือ “เวลเนส” เป็นแนวโน้มที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งไม่ได้หมายถึงแค่สปาเพียงอย่างเดียว แต่ยังครอบคลุมถึงการดูแลสุขภาพในหลากหลายรูปแบบ โดยกลุ่มผู้ที่ท่องเที่ยวในรูปแบบนี้ไม่ได้มองเพียงแค่เรื่องสุขภาพกาย แต่ยังรวมไปถึงสุขภาพของจิตใจอีกด้วย
#2 Sustainable Tourism การท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน
เทรนด์การท่องเที่ยวที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเป็นโอกาสสำคัญสำหรับผู้ประกอบการไทยในการสร้างสรรค์ประสบการณ์ที่ตอบสนองความต้องการของนักท่องเที่ยวที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม การส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ การท่องเที่ยวเชิงเกษตร และการใช้พลังงานสะอาดหรือ Ecofriendly จะสามารถช่วยดึงดูดกลุ่มนักท่องเที่ยวที่สนใจการท่องเที่ยวประเภทนี้ได้
#3 Experiential Tourism การท่องเที่ยวเชิงประสบการณ์
ปัจจุบันนักท่องเที่ยวมองหาประสบการณ์ที่แตกต่างและแปลกใหม่ มากกว่าแค่การไปเยี่ยมชมตามสถานที่ต่าง ๆ พวกเขาต้องการมีส่วนร่วมกับกิจกรรมในพื้นที่ต่าง ๆ เช่น การเรียนรู้เกี่ยวกับอาหาร และวัฒนธรรม ซึ่งสิ่งเหล่านี้ทำให้พวกเขารู้สึกถึงการมีส่วนร่วม
ดังนั้นการท่องเที่ยวในรูปแบบนี้อาจจะต้องอาศัยความร่วมมือจากชุมชน ซึ่งธุรกิจก็ต้องให้ความสำคัญในการดูแลและร่วมมือกับคนในชุมชนอย่างการ การส่งเสริมธุรกิจและอาชีพของพวกเขาเหล่านั้น
#4 Safety & Security ความปลอดภัย
หลังจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ความปลอดภัยกลายเป็นประเด็นที่นักท่องเที่ยวให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก นักท่องเที่ยวคาดหวังว่าธุรกิจและสถานที่ท่องเที่ยวจะมีมาตรการป้องกันและรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวด
ทั้งในด้านสุขอนามัยและความปลอดภัยทางสุขภาพ ผู้ประกอบการต้องเตรียมพร้อมในการดูแลเรื่องนี้อย่างต่อเนื่อง เนื่องจากความไม่แน่นอนของสถานการณ์โรคระบาดยังคงอยู่ และอาจมีโรคอื่น ๆ ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต ความปลอดภัยจะกลายเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้นักท่องเที่ยวตัดสินใจเลือกที่จะเดินทางหรือไม่
#5 Technology in Tourism เทคโนโลยีในการท่องเที่ยว
เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทอย่างมากในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ไม่ว่าจะเป็นการจองห้องพักหรือการใช้เทคโนโลยีเสมือนจริง เช่น AR (Augmented Reality) และ VR (Virtual Reality) นักท่องเที่ยวสามารถดูสถานที่ก่อนการจอง การใช้เทคโนโลยีช่วยให้ประสบการณ์การท่องเที่ยวมีความสะดวกสบายและเพิ่มความประทับใจของนักท่องเที่ยวมากขึ้น
ซึ่งผู้ประกอบการควรพิจารณาว่าจะนำเทคโนโลยีเหล่านี้เข้ามาปรับใช้ในธุรกิจของตน แต่อย่างไรก็ตามธุรกิจก็ควรคำนึงถึงเรื่องของต้นทุนและประสบการณ์ของเหล่าผู้มาเยือนประกอบการตัดสินใจด้วย
#6 Shorter but More Frequent Trips การเดินทางที่สั้นลง แต่บ่อยขึ้น
เทรนด์นี้สะท้อนถึงการที่นักท่องเที่ยวเริ่มเดินทางสั้นลง แต่บ่อยมากขึ้น เป็นการเปลี่ยนแปลงที่เกิดจากการเดินทางภายในภูมิภาคเดียวกัน (Regional Travel) ซึ่งนักท่องเที่ยวมักมาจากประเทศใกล้เคียงมากขึ้น เช่น การเดินทางจากจีน ญี่ปุ่น หรือเกาหลีใต้
ผู้ประกอบการจำเป็นต้องปรับตัวและพิจารณาว่าการให้บริการของตนสอดคล้องกับความต้องการของนักท่องเที่ยว หรือการออกแบบกลยุทธ์ให้สอดรับกับพฤติกรรมเหล่านี้ เช่น การทำโปรโมชัน หรือการทำทริปที่ระยะเวลาไม่นาน เป็นต้น
#7 Local Experience การเชื่อมต่อกับท้องถิ่น
นักท่องเที่ยวสมัยนี้ต้องการประสบการณ์ที่เชื่อมโยงกับวิถีชีวิตและวัฒนธรรมท้องถิ่นมากขึ้น หรือที่เราเรียกกันว่า Unseen ไม่เพียงแค่การเยี่ยมชมสถานที่ทางประวัติศาสตร์หรือแหล่งท่องเที่ยวหลัก แต่พวกเขายังสนใจที่จะเรียนรู้และสัมผัสชีวิตประจำวันของคนในท้องถิ่น
#8 Digital Nomad & Workation ทำงานทางไกล
Work from Anywhere เป็นอีกหนึ่งเทรนด์ที่เติบโตอย่างรวดเร็ว โดยประเทศไทยถือเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางสำคัญของดิจิทัลโนแมดจากทั่วโลก ซึ่งกรุงเทพฯ ก็ได้รับการจัดอันดับให้เป็นอันดับหนึ่งในปี 2022 ในด้าน Workation ซึ่งเป็นการการทำงานและการท่องเที่ยวไปพร้อม ๆ กัน
ผู้ประกอบการควรพิจารณาการพัฒนาแพ็กเกจระยะยาว เช่น การจัดหาที่พักที่รองรับความต้องการของดิจิทัลโนแมด และสิ่งอำนวยความสะดวกที่ทำให้การทำงานจากระยะไกลได้
Who’s Visiting Thailand แล้วใครคือคนที่มาเที่ยวประเทศไทย
ปัจจุบันนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ที่มาประเทศไทยประกอบด้วย
นักท่องเที่ยวจากประเทศในเอเชีย เช่น จีน อินเดีย เกาหลี ญี่ปุ่น และประเทศในอาเซียน นักท่องเที่ยวจากกลุ่มนี้มักเดินทางในระยะสั้นและใกล้บ้านมากขึ้น
นักท่องเที่ยวที่เป็นคนรุ่นใหม่ กลุ่มเจเนอเรชั่น Z และมิลเลนเนียล (อายุ 20 ปลายๆ ถึง 30 ปลายๆ) เป็นกลุ่มที่เดินทางบ่อยและมองหาประสบการณ์ที่หลากหลาย
นักท่องเที่ยวที่มีรายได้ปานกลางในเอเชีย กลุ่มคนที่มีรายได้ปานกลางในเอเชีย (Asian middle-income segment) อย่างจีน และอินเดีย กำลังกลายเป็นกลุ่มใหญ่ที่สุดในการท่องเที่ยวระดับโลก
นักท่องเที่ยวที่สนใจการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ นักท่องเที่ยวจำนวนมากขึ้น โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ สนใจการท่องเที่ยวที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและยั่งยืน
โดยผู้ประกอบการก็สามารถออกแบบประสบการณ์การท่องเที่ยวในรูปแบบต่าง ๆ ให้เหมาะสมกับพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวแต่ละกลุ่มได้ตามความเหมาะสม และตามกลุ่มเป้าหมายที่ธุรกิจได้เลือกไว้
โอกาสสำหรับธุรกิจ
ซึ่งโอกาสเหล่านี้ก็จะสอดคล้องไปกับเทรนด์ที่กำลังเกิดขึ้นรวมไปถึงพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวที่เปลี่ยนแปลงไป
Geographical location ด้วยตำแหน่งทางภูมิศาสตร์ของประเทศไทยที่เป็นศูนย์กลางในภูมิภาค ทำให้มีศักยภาพในการเป็นจุดหมายปลายทางของเหล่านักท่องเที่ยว
Health and Wellness การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (Health & Wellness) เป็นเทรนด์ที่มาแรงและมีโอกาสในการเติบโตสูง
Sustainable tourism initiatives การท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (Sustainable Tourism) ที่ให้ความสำคัญกับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและการเป็นมิตรกับธรรมชาติก็มาแรงเช่นกัน
Cultural and Culinary tourism – การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมและอาหาร เป็นส่วนหนึ่งของการท่องเที่ยวเชิงประสบการณ์ (Experiential Tourism) ซึ่งผู้คนต้องการประสบการณ์ที่เกี่ยวข้องกับอาหารและวัฒนธรรมท้องถิ่น
B-Leisure segment การผสมกันระหว่างการท่องเที่ยวและการทำงาน
MICE (Events & Festivals) การจัดงาน Exhibition ก็สามารถทำให้เกิดการท่องเที่ยวสถานที่ใกล้เคียงกับที่จัดงานได้
Promote lesser-known destination การโปรโมทสถานที่ Unseen ซึ่งได้รับการสนับสนุนจาก ททท. และยังดึงดูดกลุ่มนักท่องเที่ยวอีกด้วย
ความท้าทายที่อาจเกิดขึ้น
Infrastructure and connectivity โครงสร้างพื้นฐานที่ไม่พร้อมหรือไม่เพียงพอ อาจทำให้การเข้าถึงบริการของนักท่องเที่ยวไม่สะดวก ซึ่งส่งผลต่อความพึงพอใจและประสบการณ์ในการท่องเที่ยว
Labor dynamic การขาดแคลนแรงงานที่มีความสามารถอาจทำให้การให้บริการไม่เป็นไปตามมาตรฐาน ทั้งในแง่ของทักษะที่ไม่ตรงกับตำแหน่งงาน รวมไปถึงการขาดแคลนบุคลากรในสายงาน Service เนื่องจากค่าแรงที่ไม่ดึงดูด
Environmental sustainability ธุรกิจการบริการต้องปรับตัวให้สอดคล้องกับการใช้ทรัพยากรอย่างยั่งยืน
Cultural preservation การสร้างประสบการณ์ที่สอดคล้องกับวัฒนธรรมท้องถิ่นต้องทำอย่างมีความเคารพและรักษาความเป็นเอกลักษณ์ หากธุรกิจไม่ได้รักษาความสมดุลนี้ อาจทำให้เสน่ห์ของท้องถิ่นลดลงและสูญเสียความน่าสนใจไปในที่สุด
Economic conditions นักท่องเที่ยวอาจลดการเดินทางในช่วงเศรษฐกิจไม่ดี
Regulatory and policy framework การเปลี่ยนแปลงในกฎระเบียบและนโยบายเกี่ยวกับการท่องเที่ยวที่ไม่เอื้ออำนวย ทำธุรกิจปรับตัวไม่ทัน
สรุป
จาก Travel Trends 2025 แสดงให้เห็นถึงแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวอย่างชัดเจน โดยการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ การท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน และการเชื่อมต่อกับประสบการณ์ท้องถิ่นกลายเป็นหัวใจสำคัญที่ธุรกิจต้องให้ความสำคัญ การปรับตัวให้เข้ากับเทรนด์เหล่านี้จะช่วยสร้างโอกาสในการเติบโตและความสำเร็จในอนาคต
อ่านบทความเพิ่มเติมได้ที่