ธุรกิจสัตว์เลี้ยง ทำแอป PetWatch สร้าง Awareness แก้ปัญหาปรสิต

20/09/2024

ในบทความนี้จะพาทุกคนมาดู ธุรกิจสัตว์เลี้ยง กับแบรนด์ Petbarn ร้านขายสินค้าสำหรับสัตว์เลี้ยงที่หันมาทำแอปพลิเคชัน PetWatch บอกระดับภัยคุกคามจากปรสิต เพื่อเพิ่มยอดขายให้กับ Product ป้องกันโรค แต่จะมีดีเทลความน่าสนใจยังไงบ้าง ตามมาดูกันต่อค่า

ที่มาที่ไปของแคมเปญ PetWatch – Petbarn

ก่อนจะพามาดูแคมเปญจากเอเจนซี Howatson+Company ต้องเกริ่นกันก่อนว่าในแต่ละปีประเทศออสเตรเลีย มีสัตว์เลี้ยงหลายพันตัวที่ต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล หรือถึงขั้นเสียชีวิตเนื่องจากการติดเชื้อจากปรสิต ซึ่งอาจจะเป็นเพราะการมองข้ามเรื่องเล็ก ๆ นี่แหละค่ะ เพราะจริง ๆ แล้วมันก็สามารถป้องกันได้ง่าย ๆ ต่างจากเรื่องใหญ่ ๆ ภัยธรรมชาติอย่างเช่นไฟป่า ที่ชาวออสเตรเลียมักได้รับการเตือนภัยเป็นประจำกันอยู่แล้ว

พอมันเป็นประเด็นที่อาจจะดูเผิน ๆ ไม่ได้มีใครมองเห็นปัญหานี้ แล้วก็ไม่คิดว่ามันจะเป็นเรื่องใหญ่ขนาดนั้น จึงทำให้คนละเลยในการแก้ปัญหากันไป ทั้ง ๆ ที่พวกสินค้าที่จำเป็นในการป้องกันสัตว์เลี้ยงของเราจากพวกเหล่าปรสิตทั้งหลายมันสามารถหาซื้อได้ง่ายและสะดวกมาก ๆ จากร้านขายสินค้าของสัตว์เลี้ยงตามท้องถิ่นต่าง ๆ

แต่เมื่อประกอบกับความเชื่อผิด ๆ เกี่ยวกับเรื่องของปรสิตที่ว่าคนมักคิดว่าพวกเห็บ หมัด พยาธิ จะเป็นอันตรายกับสัตว์เลี้ยงเราในช่วงฤดูร้อนเท่านั้น แน่นอนว่าพอมีความเข้าใจแบบนี้ก็ทำให้เจ้าของสัตว์เลี้ยงโดยเฉลี่ยปล่อยปะละเลย ไม่ได้ให้ความสำคัญกับการป้องกันสิ่งเหล่านี้กินระยะเวลาไปได้นานถึง 8 เดือนต่อปีเลยทีเดียว

ทั้งนี้ความจึ้งความปังหลังจากเปิดตัวแอป เรียกว่ายอดขายสินค้าป้องกันปรสิตของแบรนด์ก็เพิ่มขึ้น 11% เมื่อเทียบกับปีก่อน และการแจ้งรายงานที่คลินิกสัตวแพทย์ Greencross ก็ลดลง 13.7% ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้ตัวเลขเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปีตั้งแต่ปี 2020-2023

สร้าง Awareness แก้ไขความเข้าใจผิด ๆ ยอดขายพุ่ง

เดินทางมาถึงจุดเปลี่ยนสำคัญก็คือแบรนด์ต้องการจะสร้าง Awareness ช่วยแก้ความเชื่อผิด ๆ และให้ข้อมูลกับเจ้าของสัตว์เลี้ยงว่าควรจะต้องป้องกันหรือดูแลรักษาสัตว์เลี้ยงกันยังไง เมื่อไหร่ เป็นต้น จึงได้เปิดตัวแอปพลิเคชัน PetWatch ขึ้นมา โดยฟังก์ชันหลักของแอปก็คือทำหน้าที่เป็นเหมือนเครื่องติดตามหมัด เห็บ และพยาธินั่นเอง

โดยการรวบรวม Data จากคลินิก 170 แห่งในเครือข่าย Greencross Vet ที่เป็นบริษัทดูแลสัตว์เลี้ยงในออสเตรเลีย และข้อมูลของรัฐบาลเกี่ยวกับปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม เช่น รูปแบบสภาพอากาศและความชื้น ควบคู่ไปกับข้อมูลการขายผลิตภัณฑ์ของแบรนด์ Petbarn เองด้วย

ให้ User สามารถค้นหาได้แบบเรียลไทม์ว่าพื้นที่ที่ตัวเองอยู่มีระดับภัยคุกคามจากปรสิตเป็นยังไงบ้าง โดยการตอบแบบสอบถามที่จะช่วยประเมินตามเกณฑ์ต่าง ๆ เช่น อายุของสัตว์เลี้ยง น้ำหนัก และยาป้องกันปรสิตที่ให้น้องใช้อยู่ในปัจจุบัน แล้วแอปก็จะแนะนำแผนการรักษาแบบ Personalized และซื้อสินค้าโดยตรงที่หน้าเว็บได้เลย

ลองคิดภาพตามกันง่าย ๆ เลยว่าถ้าเราอยากจะเพิ่มยอดขายของสินค้าชนิดนึง ที่เป็นสินค้าป้องกันปัญหาบางอย่าง แต่ถ้าคนยังไม่เห็นว่าสิ่งนั้นมันเป็น ‘ปัญหา’ ก็คงจะไม่เกิดการซื้อตามมาแน่นอน แคมเปญนี้ต้องการทำให้เหล่า Pet Owner มองว่าผลิตภัณฑ์สำหรับการป้องกันปรสิตหรือเห็บหมัดเป็นสิ่ง ‘จำเป็น’ นั่นแหละค่ะ ที่จะต้องมีติดบ้านเอาไว้ดูแลน้อน ๆ ของพวกคุณ

พอคนเริ่มเห็นความสำคัญของปัญหามากขึ้น บวกกับความน่าเชื่อถือของแอปและการใช้ข้อมูลจากแหล่งที่เป็นทางการ ก็ยิ่งทำให้จากสิ่งหรือปัญหาที่คนมองไม่เห็นกลายเป็นมองเห็นได้ ก็จะนำไปสู่การที่แบรนด์จะสามารถเพิ่มยอดขายของสินค้าในหมวดหมู่ที่ตอนแรกไม่ค่อยมีคนซื้อได้

อีกอย่างในเรื่องของความกลัวหรือกังวลเรื่องค่ารักษาพยาบาล ต้องบอกว่าคนเลี้ยงสัตว์น่าจะเข้าใจกันเป็นอย่างดีว่าเวลาน้อง ๆ ป่วยก็ต้องใช้เงินเยอะในการรักษา ดังนั้นการป้องกันย่อมดีกว่าแน่นอน การที่แบรนด์มาทำแคมเปญนี้ สร้างความเข้าใจใหม่ ก็อาจทำให้คนอยากหันมาซื้อสินค้าเพื่อป้องกันตั้งแต่เนิ่น ๆ เพราะความกลัวค่ารักษาพยาบาลที่แพงในอนาคตด้วย

Data-Driven Marketing

จากที่ได้เล่ากันไปว่าทางแบรนด์ก็จะมีการเก็บข้อมูล User จากการตอบแบบสอบถามต่าง ๆ เพื่อประเมินเกณฑ์ของน้อง ๆ สัตว์เลี้ยง ซึ่งแน่นอนว่าข้อดีก็คือทำให้แบรนด์สามารถออกแบบ Experience และวางแผนการรักษาได้แบบ Personalized เฉพาะบุคคล ซึ่งก็จะมีประโยชน์และตรงจุดมากกว่าทั่วไป

อีกอย่างก็ยังเป็นการเก็บ Data ของลูกค้าด้วย คือก็จะได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์กับการนำมาพัฒนาต่อ เช่น เจ้าของดูแลสัตว์เลี้ยงยังไงบ้าง เวลามีอาการไม่ปกติหรือปัญหาแล้วมักเลือกใช้ยาอะไร ได้เห็นว่าปกติเจ้าของทำอะไรหรือไม่ทำอะไรบ้างในการดูแลสัตว์เลี้ยงของตัวเอง สัตว์เลี้ยงประเภทไหนดูแลกันยังไง ซึ่งถ้าเอามาวิเคราะห์ดูก็จะเป็นประโยชน์ได้ว่าเราควรจะชูโรงสินค้าตัวไหนเป็นพิเศษ

เพราะในยุคนี้แน่นอนว่าคนเราไม่ค่อยอยากจะให้ข้อมูลส่วนตัวกันหรอกค่ะ ใส่ใจเรื่องของ Privacy กันมากขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก ไหนจะข่าวมิจจี้ทั้งหลายเกลื่อนทั่วบ้านทั่วเมืองก็คงจะไม่อยากเผยแพร่ข้อมูลตัวเองให้ใครถ้าไม่จำเป็น ดังนั้นเราในฐานะแบรนด์ คนทำธุรกิจ หรือนักการตลาด เอาจริง ๆ ถ้าเราอยากได้ข้อมูลเขา เราก็ควรจะมีอะไรที่เป็นประโยชน์และสร้างคุณค่าให้เขาไปแลกค่ะ ลูกค้าถึงจะยินดีและเต็มใจที่จะให้ข้อมูลกับเรา