วันนี้ผมมีแคมเปญของแบรนด์ขนมที่หลายคนน่าจะรู้จักกันดีในสโลแกน บิด ชิมครีม จุ่มนม อย่าง โอริโอ้ ที่ได้มีการทำแคมเปญที่สามารถสร้าง Brand Engagement เพิ่มขึ้นกว่า 1000% แถมยังทำให้แบรด์อื่นๆเข้ามาร่วมเล่นแคมเปญนี้อีกด้วย ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่เพิ่มสูงขึ้นเยอะมากๆเลยครับ
โดยสินค้าที่เป็นพระเอกในแคมเปญนี้คือ Oreo Thins หรือ โอริโอ้ แบบบาง ที่เป็นอีกไลน์สินค้าหนึ่งที่แบรนด์ตั้งใจใช้สำหรับเจาะกลุ่มลูกค้าใหม่เพื่อขยายฐานลูกค้าเพิ่มนอกจากกลุ่มลูกค้าเด็ก คือ กลุ่มวัยรุ่นและวัยผู้ใหญ่ ที่เริ่มมีความกังวลในเรื่องของความหวาน ซึ่งตัวสินค้าจะมีความหวานที่น้อยลงกว่าตัว Original
เพิ่ม Brand Engagement ด้วยแคมเปญ Thins Protection Program
แคมเปญนี้เริ่มต้นจากการทำ Social Monitoring ของทางแบรนด์ ที่พบว่ามีการพูดถึงสินค้า Oreo Thins ในประเด็นที่น่าสนใจในกลุ่มลูกค้าผู้ใหญ่ที่ชื่นชอบการกินโอริโอ้ คือ เวลาที่พวกเขาซื้อโอริโอ้เข้ามาในบ้านไว้กินเอง กลับถูกลูกๆของพวกเขาขโมยไปกินจนหมด
เมื่อพบประเด็นที่น่าสนใจ หรือ Painpoint ของลูกค้าเจอแล้ว แบรนด์จึงได้มีการคิดออกมาเป็น Concept ในเรื่องของการซ่อนขนมเพื่อให้ผู้ใหญ่สามารถได้กินขนมของตัวเองอย่างมีความสุข
และการที่จะทำแบบนั้นได้ จึงมีการหันไปมองในเรื่องของแพ็คเกจของสินค้าว่าสามารถเล่นกับเรื่องนี้อย่างไรได้บ้าง นำไปสู่ความร่วมมือระหว่างแบรนด์อื่นๆทั้งหมด 4 แบรนด์ได้แก่ รถยนต์ Ford, ผักแช่แข็งบรรจุกระเป๋ง Green Giant, นิตยสาร Better Homes & Gardens, เสื้อผ้า Hanes
ออกมาเป็น Oreo Thins ในแพ็คเกจรูปแบบใหม่ที่แนบเนียนพอที่จะทำให้ลูกค้าสามารถซ่อนโอริโอ้ของตัวเองจากเด็กๆของพวกเค้าได้
จากภาพด้านบนจะเห็นว่า Oreo Thins ของคุณสามารถกลายเป็นหนังสือคู่มือเจ้าของรถ Ford Maverick 2022 รวมไปถึงหนังสือ Cook Book บนชั้นหนังสือของคุณได้ ทั้งยังกลายเป็นอาหารแช่แข็งในตู้เย็นของคุณได้ ไม่เว้นแม้กระทั่งการเป็นแพ็คเสื้อผ้าในลิ้นชักตู้เสื้อผ้าของคุณได้ด้วย
ทั้งหมดนี้นำไปสู่แคมเปญ Thins Protection Program ที่นอกเหนือจากการออกแพ็คเกจใหม่ของ Oreo Thins เพื่อเล่นในประเด็นของการถูกแย่งโอริโอ้จากเด็กๆของผู้ใหญ่แล้ว ยังสามารถเล่นกิจกรรมโดยมีการชิงรางวัลมูลค่ากว่า 25,000 ดอลล่า สำหรับใครที่แชร์ที่ซ่อน Oreo Thins ได้อย่างแนบเนียนที่สุดในแคมเปญนี้
ทุกคนสามารถเข้าไปดูการร่วมแคมเปญนี้ได้ด้วยแฮชแท็ก #THINSProtectionProgram ผ่านช่องทาง Social Media ต่างๆได้เลยนะครับ จากภาพด้านบนเป็นแค่ส่วนหนึ่งของการเล่นในแคมเปญนี้ของเหล่าลูกค้าจากทาง Instagram ซึ่งเท่าที่ผมดูคนจะเล่นกับทางแบรนด์ด้วยเยอะที่สุดน่าจะเป็น Twitter ครับ
แน่นอนครับว่าด้วยรางวัลและคอนเทนต์ภายในแคมเปญที่แบรนด์นำเสนอ ส่งผลให้คนเข้ามาร่วมกิจกรรมกับแบรนด์เป็นจำนวนมากจนส่งผลให้มีการ Engagement ของ Oreo Thins สูงขึ้นถึง 1,043% ในช่วงเวลานั้น รวมไปถึงยังมีแบรนด์อื่นๆเข้ามาร่วมเล่นแชร์จุดสำหรับการซ่อนโอริโอ้ในครั้งนี้ด้วยถึง 43 แบรนด์
เรียกได้ว่า แคมเปญนี้เป็นแคมเปญที่นำ Painpont ของลูกค้ามาเล่นอย่างจริงจังจนได้กระแสตอบรับที่ดีที่มีคนเข้าร่วมกลับมาอย่างจริงจังเช่นกันเลยครับ
บทวิเคราะห์
สิ่งที่ผมรู้สึกสนใจในแคมเปญนี้ ในส่วนแรกคือ การนำจุด Painpoint ของลูกค้ามาทำให้เป็นกิจกรรมที่เป็นเรื่องสนุกที่เข้าถึงง่าย ที่ผมมองว่า นอกเหนือจากแคมเปญจะตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าของ Oreo Thins ที่เป็นผู้ใหญ่แล้ว แคมเปญนี้ยังสามารถเป็นกิจกรรมที่ทั้งครอบครัวสามารถเล่นด้วยกันได้อีกด้วย
ถือเป็นการเชื่อมโยงระหว่างกลุ่มลูกค้าของโอริโอ้ทั้งสองกลุ่มได้อย่างดีไม่ว่าคุณจะเป็นเด็ก หรือ ผู้ใหญ่
ในส่วนที่สองคือ การสร้างแรงจูงใจ นอกเหนือจากการทำคอนเทนต์ในแคมเปญที่น่าสนใจแล้ว ตัวแคมเปญยังมีการนำของรางวัลมาเป็นจุดดึงดูดที่มีมูลค่า ให้แคมเปญมีความตื่นเต้นและการแข่งขันมากยิ่งขึ้นที่ทุกคนสามารถเข้ามาชิงรางวัลนี้ได้เพียงแค่มาเข้าร่วมแคมเปญเท่านั้น
ทั้ง 2 ส่วนนี้เอง ที่ทำให้ยอด Engagaement ของแคมเปญนี้ยอดเติบโตได้เป็นทวีคูณถึง 1000% จากฐานแฟนคลับเดิมของโอริโอ้ที่ยิ่งถูกใจแบรนด์ที่เข้ามาแก้ไข Painpoint ที่ตัวเองเจออยู่ แล้วยังเพิ่มมีโอกาสที่ยังสามารถดึงดูดกลุ่มคนอื่นเข้ามาร่วมแคมเปญและซื้อสินค้าของแบรนด์ได้อีกด้วย
หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับทุกคนนะครับ
ขอบคุณที่อ่านจนจบครับ 🙂
สามารถอ่านบทความการทำแคมเปญการตลาดของโอริโอ้เพิ่มเติมได้ที่
Oreo เปิดโรงเรียนสอนทำอาหาร เพิ่มยอดขายได้ 35%
Ref.