การตลาดเสื้อผ้าแฟชัน GAP แบรนด์ไม่ถูก Choose เลยขอ Co-Creation

10/11/2024

สวัสดีครับเพื่อน ๆ นักการตลาดและผู้อ่านทุกคน ปกติเวลาเราเลือกที่จะซื้อเสื้อผ้าดี ๆ สักตัว เราก็มักจะเลือกจากชื่อเสียงของแบรนด์ หรือไม่ก็ก็อาจจะซื้อตามเหล่า Influencer วันนี้ผมเลยอยากจะพาไปดู การตลาดเสื้อผ้าแฟชัน GAP แบรนด์ที่ไม่ได้ใช้ Influencer แค่การรีวิวสินค้า แต่เป็นการ Co-Creation ซึ่งเกิดจากการที่แบรนด์ไม่ได้ถูก Choose

เหตุเกิดจากอินฟลูสสาวรีวิว Hoodie จากแบรนด์ต่าง ๆ ที่ไม่มีแบรนด์ GAP

เรื่องทั้งหมดก็เกิดจากที่ทีมงานของแบรนด์ GAP ได้พบกับวิดีโอบน TikTok ของ Julia Huynh ในเดือนมกราคม 2024 เรียกว่าเป็นซีรีส์การรีวิว Hoodie จากหลายแบรนด์แบบละเอียดมาก ซึ่งซีรีส์นี้มีชื่อว่า “Hoodies That Hoodie” ซึ่งทางคุณ Julia ก็ให้คะแนนและรีวิวเสื้อฮู้ดดี้หลากหลายสไตล์ตั้งแต่เรื่องการออกแบบ ราคา ไปจนถึงคุณภาพของเสื้อ ตามความคิดเห็นของเธอ

แต่ Gap ก็ไม่ได้เป็นหนึ่งในแบรนด์ที่ถูก Choose มารีวิวในซีรีส์นี้ ทำให้ทีมงานของ GAP ตั้งใจที่จะส่งเสื้อฮู้ดดี้ของของแบรนด์ไปให้คุณ Julia รีวิว แต่แผนการนี้ก็ถุกหยุดลง เพราะ คุณ Calvin George Leung หัวหน้าฝ่าย Creative ของ GAP ได้มีความคิดที่น่าสนใจและสร้างสรรค์มากกว่านั้น

แทนที่จะให้คุณ Julia มารีวิวสินค้าแบบทั่วไปมันก็คงไม่น่าสนใจสักเท่าไหร่ ก็เลยเชิญคุณ Julia มาร่วมออกแบบเสื้อฮู้ดดี้ใหม่พร้อมกับเหล่าดีไซน์เนอร์ และนักออกแบบของแบรนด์แทนนั่นเอง

“Hoodies That Hoodie” จากวิดีโอบน TikTok กลายเป็นแคมเปญสุด Creative ของ GAP

แน่นอนว่าหลังจากที่ทีมงานของแบรนด์ GAP ได้เชิญคุณ Julia มาร่วมการสร้างสรรค์ Hoodie ในครั้งนี้ เธอก็ตอบรับคำเชิญและบินไปนิวยอร์กเพื่อทำงานร่วมกับทีมของแบรนด์ที่สำนักงานของแบรนด์ทันที

ผลลัพธ์ของความร่วมมือนี้คือเสื้อ “Extra Heavyweight Hoodie That Hoodies” ซึ่งเป็นเสื้อฮู้ดดี้ที่มีทรงกล่อง แขนกว้าง ทำจากผ้าที่นุ่มและหนักเกือบสามเท่าของผ้าฟลีซมาตรฐานของ GAP อีกด้วย

การตลาดเสื้อผ้าแฟชัน GAP — Instagram: iamjuliahuynh

และแน่นอนว่าในขณะที่ คุณ Julia ได้ทำงานร่วมกับทีมงานงานของแบรนด์ ตัวเธอเองก็ได้เรียนรู้และแชร์ประสบการณ์ต่าง ๆ ที่เธอได้รับบนลง Social Media ของตัวเองอีกด้วย

และวลี “Hoodies That Hoodie” ของคุณ Julia ก็ถูกนำมาใช้เป็นชื่อเเคมเปญ ก็เพื่อเป็นการแสดงความเคารพต่อเธอและเชื่อมต่อกับผู้ติดตามของเธออีกด้วย

Co-Creation ที่เกิดจาก Influencer มิกซ์รวมกับ Collaboration

ต้องบอกว่าปัจจุบันหรือแม้แต่ในเคสเอง แบรนด์มักจะพยายามใช้ Influencer เพียงแค่การรีวิวสินค้าทั่วไป เพื่อดึงให้เหล่าผู้ติดตามมาสนใจในสินค้าของแบรนด์ตัวเองมากขึ้น ซึ่งก็ต้องยอมรับว่าบางครั้งการรีวิวก็อาจจะไม่ได้สะท้อนถึงประสบการณ์จริง ๆ ในการใช้งานสินค้าหรือบริการของแบรนด์

ดังนั้นอีกหนึ่งกลยุทธ์ที่น่าสนใจในการใช้ด้วยการผสมผสานการใช้ Influencer Marketing และ Collaboration Marketing ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นก็คือ Co-Creation ซึ่งเป็นอีกหนึ่งในกลยุทธ์ที่น่าสนใจมากในปัจจุบัน

โดย Co-Creation ก็คือ การที่แบรนด์และผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ไม่ว่าจะเป็น ลูกค้า อินฟลูเอนเซอร์ หรือชุมชน ร่วมมือกันในการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์หรือบริการใหม่ ๆ โดยที่จะเน้นการมีส่วนร่วมของทุกฝ่ายเพื่อให้ผลิตภัณฑ์หรือบริการตอบโจทย์ต้องการและความคาดหวังของตลาดได้ตรงจุดนั่นเอง

แล้ว Co-Creation ดียังไง?

เราพอจะรู้เรื่องราวของแคมเปญ และ Theory ที่เกี่ยวข้องแล้ว ก็ลองมาดูกันต่อว่าประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นสำหรับแบรนด์ Gap ในเคสนี้ จะเป็นยังไงกันบ้าง

#Added Value ทั้งสำหรับแบรนด์และผู้บริโภค

การร่วมมือครั้งนี้ไม่ใช่เพียงการใช้ชื่อเสียงของ Julia เพื่อโปรโมตผลิตภัณฑ์ แต่เป็นการผสมผสานระหว่างความเชี่ยวชาญด้านการออกแบบของ GAP กับมุมมองที่เป็นเอกลักษณ์ของ Julia ซึ่งทำให้ GAP ได้ผลิตภัณฑ์ที่มีความแตกต่างและโดดเด่น ซึ่งน่าจะตรงใจกับกลุ่มลูกค้า Gen Z ที่ต้องการสินค้าที่ไม่เหมือนใคร

ในขณะที่ผู้บริโภครู้ก็สึกว่าผลิตภัณฑ์นี้เป็นของพิเศษที่แตกต่างจากสินค้าทั่วไปในตลาด เพราะมีส่วนร่วมจาก Influencer ที่พวกเขาชื่นชอบ ผู้บริโภคที่ติดตาม Julia มานานมองว่าเธอมีความเชี่ยวชาญเรื่องเสื้อฮู้ดดี้ และการที่เธอมีบทบาทในการออกแบบยิ่งทำให้ผู้บริโภคมีความมั่นใจในคุณภาพและความเหมาะสมของผลิตภัณฑ์

#Brand Authentic สะท้อนความน่าเชื่อถือและความจริงใจ

Content ที่จากจากความร่วมมือในระดับที่เข้าไปอยู่ใน Process ของแบรนด์ มีความน่าเชื่อถือมากกว่าแค่การให้ Julia รีวิวหรือโฆษณาเสื้อฮู้ดดี้ ด้วยการที่ตัวเธอมีส่วนร่วมในทุกขั้นตอนของการออกแบบ ดังนั้น ทำให้แบรนด์มีความน่าเชื่อถือมากขึ้นสำหรับผู้ติดตามของเธอที่เห็นถึงความทุ่มเทและการลงมือจริง

อีกทั้งมันยังสะท้อนว่าตัวแบรนด์ยังให้ความสำคัญในการแก้ไข Painpoint บางอย่างที่เกิดขึ้นอีกด้วย รวมไปถึงยังทำสิ่งที่เราอาจเรียกว่าเป็นการ “แก้ตัว” ที่ไม่ใช่เป็นเชิง Negative แต่เป็นการอธิบายเหตุผลว่าทำไมแบรนด์ต้องทำอย่างนั้น ผ่านการร่วมกันกันในครั้งนี้

และเราก็สามารถเห็นสิ่งเหล่านั้นบนช่องทางโซเชียลของ Julia ที่ได้รับรู้ถึงขั้นตอนต่าง ๆ เป็นการสะท้อนถึงความจริงใจที่แบรนด์มีต่อผู้บริโภคนั่นเอง

#Brand Differentiation and Modernity สร้างความแตกต่างและทันสมัย

GAP เป็นแบรนด์ที่เคยได้รับความนิยมในยุค 90s แต่ในปัจจุบันแบรนด์ต้องการการปรับตัวเพื่อดึงดูดกลุ่ม Gen Z ที่กำลังมาแรง ทำให้การร่วมมือกับ Influencer ในลักษณะของ Co-Craetion ช่วยให้แบรนด์ดูทันสมัยและมีความเชื่อมโยงกับ Perception ของคนรุ่นใหม่ทั้งในแง่ของเทรนด์ รวมไปถึง Value อื่นอย่าง ความซื่อสัตย์ ความรับผิดชอบต่อสังคม หรือความจริงใจ

นอกจากนี้ก็ยังช่วยให้ Gap สร้างความแตกต่างจากคู่แข่ง เพราะการที่แบรนด์เปิดโอกาสให้ Influencer เข้ามามีบทบาทในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นได้บ่อย ๆ ทำให้ GAP มีความโดดเด่นและถูกมองว่าเป็นแบรนด์ที่กล้าเปิดรับไอเดียบุคคลภายนอก ซึ่งสะท้อนถึงแนวคิดที่มีความทันสมัย “ยอมรับความเห็นต่าง”

นี่เป็นเพียงแค่ประโยชน์ส่วนหนึ่งของการ Co-Creation ที่ทางผู้เขียนคิดว่าหลายแบรนด์ควรคำนึงถึงสิ่งเหล่านี้ แต่นอกจากนี้ก็ยังมีในเรื่องของ Brand Awareness หรือ Market Expansion ซึ่งจะคล้ายกับการใช้ Influencer ทั่วไปนั่นเอง

สรุป

การตลาดเสื้อผ้าแฟชัน GAP เลือกใช้กลยุทธ์ Co-Creation กับ Julia Huynh แทนที่จะให้รีวิวสินค้าตามปกติ เป็นการสะท้อนให้เห็นถึงการปรับตัวของแบรนด์ในยุคที่ผู้บริโภคต้องการความจริงใจและการมีส่วนร่วมในสินค้าที่พวกเขาใช้

การร่วมออกแบบผลิตภัณฑ์ระหว่าง GAP และ Julia ช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือให้แบรนด์และสร้างความแตกต่างที่ไม่เหมือนใครในตลาด พร้อมทั้งแสดงให้เห็นว่า แบรนด์ไม่เพียงแต่ฟังเสียงของลูกค้าและ Influencer แล้วผ่านไป แต่ยังนำมาสร้างเป็นประสบการณ์จริงให้กับผู้บริโภคอีกด้วย

การ Co-Creation แบบนี้จึงเป็นมากกว่ากลยุทธ์การตลาด แต่เป็นการสร้างความเชื่อมโยงที่ลึกซึ้งระหว่างแบรนด์กับลูกค้า ในยุคที่การตลาดต้องเป็นมากกว่าแค่การขายสินค้า

Source

อ่านบทความเพิ่มเติมได้ที่นี่