การตลาดปุ๋ยตรามงกุฎ จับมือ VML และ Sackitem พาถุงปุ๋ยสู่สตรีทแฟชั่น

สวัสดีครับเพื่อน ๆ นักการตลาดและผู้อ่านทุกคน ปัจจุปันแบรนด์ต่างอๆ ต้องปรับตัวให้ทันกับความเปลี่ยนแปลงทางสังคมและเทรนด์การบริโภคที่เน้นความยั่งยืน การตลาดปุ๋ยตรามงกุฎ จึงได้ร่วมมือกับ VML Thailand และ Sackitem เปิดตัวแคมเปญ “AFF: ALL FOR FARMERS อุปกรณ์มหาชนคนเกษตร” ด้วยการนำถุงปุ๋ยมาผลิตเป็นสินค้าแฟชั่นแนวสตรีท ช่วยเสริมภาพลักษณ์แบรนด์และพร้อมส่งมอบคุณค่าใหม่ให้กับชุมชนเกษตรกรไทย​

แต่ก่อนอื่นผมจะขอพาทุกคนไปรุ้จักกับคำว่า Collaboration ก่อนว่ามันหมายความว่าอะไร แล้วมีประโยชน์ยังไง

ถ้าพูดถึง Collaboration หรือที่ทุกคนอาจเคยจะได้ยินว่า “คอลแลปส์” ซึ่งก็คือหนึ่งในกลยุทธ์การตลาดที่แบรนด์ตกลงปลงใจจับมือเป็นพันธมิตรกัน (Partneship) เพื่อทำเป้าหมายที่มีร่วมกันให้สำเร็จ เรียกได้ว่าต่างคนต่างได้ประโยชน์ร่วมกัน Win-Win กันทุกฝ่าย โดยเป้าหมายก็ขึ้นอยู่กับความต้องการของธุรกิจแต่ละฝ่ายซึ่งก็ต้องสอดคล้องไปในทิศทางเดียวกันด้วย

นอกจากนี้การคอลแลปส์ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องอยู่ในวงการหรืออุตสาหกรรมเดียวกัน อย่างในเคสนี้ที่ปุ๋ยตรามงกุฎจับมือกับ VML Thailand ครีเอทีฟเอเจนซี่ชั้นนำระดับโลก และ Sackitem แบรนด์อัพไซเคิลสัญชาติไทยที่โด่งดังไกลถึงต่างประเทศ 

จะเห็นแต่ละแบรนด์ก็อยู่คนละวงการกัน แต่สิ่งที่ทำร่วมกันจะกลายเป็นสิ่งที่น่าตื่นตามากกว่าที่แบรนด์ใดหนึ่งทำด้วยตัวคนเดียว

อย่างที่บอกไปในตอนต้นว่าการร่วมมือกันระหว่างแบรนด์จะช่วยสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ และน่าตื่นตากว่าการที่แบรนด์หนึ่งจะทำเพียงคนเดียว นอกจากนี้ถ้ามองในมุมของธุรกิจก้ยังมีประโยชน์หลายอย่างคือ

  • การเพิ่มฐานลูกค้าและยอดขาย (Customer Growth and increasing Sale)
  • การปรับภาพลักษณ์ของแบรนด์ (Brand Image Adjustment)
  • ลดต้นทุนและแบ่งปันทรัพยากรร่วมกัน (Shared Resources and Costs)
  • โอกาสในการเติบโตของธุรกิจที่ได้เรียนรู้ซึ่งกันและกัน (Learning and Growth Opportunities)

แน่นอนว่าประโยชน์เหล่านี้อาจจะไม่ได้เกิดขึ้นทุกข้อเสมอไป เพราะขึ้นอยู่กับเป้าหมายและวัตถุประสงค์ของแบรนด์ที่ร่วมมือกันด้วยนั่นเอง

การ Collaboration ระหว่างปุ๋ยตรามงกุฎ กับ VML Thailand และ Sackitem ในแคมเปญ AFF: ALL FOR FARMERS อุปกรณ์มหาชนคนเกษตร เรียกได้ว่าเป็นตัวอย่างของกลยุทธ์การตลาดที่ใช้ประโยชน์จากการทำงานร่วมกัน ในการสร้างความแปลกใหม่ให้กับตัวผลิตภัณฑ์ (Product Innovation) ได้เป็นอย่างดี

การตลาดปุ๋ยตรามงกุฎ

ด้วยการขยาย Product Line จากที่การแบรนด์นำถุงปุ๋ยที่ใช้งานแล้วและถุงที่ไม่ผ่านการตรวจสอบคุณภาพ (QC) มาออกแบบและอัพไซเคิลเป็นสินค้าแฟชั่นสตรีทที่มีทั้งความทนทานและใช้งานได้จริง 

ซึ่งการออกแบบเหล่านี้ก็ไม่เพียงเน้นความเท่และความีสไตล์เก๋ ๆ เท่านั้น แต่ยังตอบโจทย์การใช้งานในชีวิตประจำวันของเกษตรกร เช่น การทำงานในไร่หรือการใช้งานในโอกาสต่าง ๆ เพื่อสร้างความสะดวกสบายและเสริมสร้างคุณภาพชีวิตอีกด้วย

การตลาดปุ๋ยตรามงกุฎ

โดยภายใต้ AFF Callection ก็มีหลายไอเท็มที่ออกแบบมาเพื่อการใช้งานในทุก ๆ วันสำหรับชามเกษตรยุคใหม่ ไม่ว่าจะเป็น

  • กระเป๋า Crossbody AFF: กระเป๋าน้ำหนักเบาและทนทาน มีช่องซิปมากมายเพื่อความปลอดภัยของข้าวของ
  • หมวก AFF: หมวกที่ออกแบบมาเพื่อกันทั้งแดดและฝน เหมาะสำหรับการทำงานในทุกสภาพอากาศ
  • เสื้อกั๊ก AFF: เสื้อกั๊กสาย Utility ที่สามารถใส่ในทุกโอกาส พร้อมฟังก์ชันการใช้งานที่หลากหลาย
  • ผ้ากันเปื้อน AFF: ผ้ากันเปื้อนที่สามารถปรับได้ตามสรีระ มีช่องใส่ของให้ใช้ประโยชน์ได้เต็มที่​

การนำแนวคิดการอัพไซเคิลมาประยุกต์ใช้ในเชิงการตลาด สะท้อนเห็นถึงคุณค่าที่แบรนด์ให้ความสำคัญนั่นก็คือ ‘การสร้างความยั่งยืนและพัฒนาคุณภาพชีวิตของเกษตรกร’ ซึ่งก่อนหน้านี้เองเคยมีแคมเปญที่ประสบความสำเร็จ อย่าง “Shelter Signboard” และ “Lifecover Loincloth” ที่ได้รับรางวัลระดับนานาชาติ การร่วมมือครั้งใหม่นี้จึงเป็นเหมือนการตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นในวิสัยทัศน์ของแบรนด์ที่ต้องการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อชุมชน​

การตลาดปุ๋ยตรามงกุฎ
AI-Generated by Shutterstock (Prompt: A modern Thai farmer harvesting rice in a vast golden rice field, wearing stylish, upcycled clothing made entirely from yellow and blue fertilizer bags, designed with a contemporary street fashion aesthetic, featuring oversized silhouettes, bold patchwork patterns, and asymmetrical cuts, set against a bright, sunny sky, with golden rice fields in the background.)

นอกจากนี้สำหรับปุ๋ยตรามงกุฎในเรื่องภาพลักษณ์ นอกจากประเด็นความยั่งยืนและชุมชนแล้ว ก็ยังถูกยกระดับให้ดูมีความทันสมัยมากขึ้น เพราะว่าปัจจุบันในประเทศไทยที่มีการเคลื่อนที่อายุของประชากร ก็ส่งผลให้มีเกษตรกรที่เป็นคนรุ่นใหม่เพิ่มขึ้นด้วย 

เราจะเห็นถึงความสอดคล้องเลยว่า ปุ๋ยตรามงกุฎเองก็พยายามที่จะปรับตัว และสะท้อนคุณค่าทั้งในด้านความยั่งยืน การช่วยเหลือเหล่าเกษตรกร รวมไปถึงภาพลักษณ์ที่มีความทันสมัยมากขึ้น ซึ่งคุณค่าเหล่านี้ค่อนข้างที่จะสอดคล้องกับพฤติกรรมคนยุคใหม่ที่มีโอกาสจะเป็นเกษตรกรยุคใหม่ด้วยนั่นเอง

สรุป

แคมเปญ “AFF: ALL FOR FARMERS อุปกรณ์มหาชนคนเกษตร จาก การตลาดปุ๋ยตรามงกุฎ เป็นตัวอย่างของแบรนด์ที่สามารถใช้ Collaboration Marketing ในการสร้างภาพลักษณ์ที่ยั่งยืนได้อย่างน่าสนใจ ผ่านการสร้างสินค้าแฟชั่นที่ไม่เพียงสวยงาม แต่ยังคำนึงถึงประโยชน์การใช้งานจริงและสอดคล้องกับวิถีชีวิตของเกษตรกรไทย รวมไปถึงการสร้างภาพลักษณ์ของแบรนด์ให้มีความทันสมัยมากสอดคล้องกับเกษตรกรยุคใหม่อีกด้วย

การร่วมมือในครั้งนี้ของปุ๋ยตรามงกุฎกับ VML Thailand และ Sackitem แสดงให้เห็นถึงพลังของการทำงานร่วมกันในการนำเสนอไอเดียที่แปลกใหม่และโดดเด่น ซึ่งเป็นการตอกย้ำว่าบางครั้งการที่แบรนด์ทำบางอย่างเพียงคนเดียว ก็อาจจะไม่สามารถสร้างความแปลกใหม่ และดึงดูดความสนใจของผู้บริโภคได้ อย่างในเคสนี้ถ้าเป็นผมเองก็นึกไม่ถึงเหมือนกันว่าถุงปุ๋ยจะกลายมาเป็นเสื้แฟชันแนวสตรีทได้

อ่านบทความเพิ่มเติมได้ที่นี่

สวัสดีครับ ชื่อดิวนะครับ จะพยายามนอนให้ครบ 8 ชั่วโมง เพื่อที่จะได้เขียนบทความดี ๆ ให้กับทุกคนครับ *_*

Comments

  1. grace says:

    สวัสดีค่ะ ผู้เขียน ชอบในการเรียบเรียงเนื้อหา และสามารถอธิบายให้เข้าใจง่าย ๆ แถมเนื้อหามีประโยชน์มากอีกด้วย ขอบคุณที่เผยแพร่สิ่งดี ๆ แบบนี้นะคะ บทความ การตลาดปุ๋ยตรามงกุฎ จับมือ VML และ Sackitem พาถุงปุ๋ยสู่สตรีทแฟชั่น มีคำที่ตกหล่นไปบ้าง แก้ไขก็จะทำให้ไม่เกิดความเข้าใจผิดค่ะ จะติดตามอ่านทุกบทความค่ะ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *