สวัสดีครับเพื่อน ๆ นักการตลาดและผู้อ่านทุกคน ทางเพจการตลาดวันละตอนได้มีโอกาสเข้าร่วมงานสัมมนาที่น่าสนใจเกี่ยวกับการทำ SEO ยุคใหม่ ต้องบอกเลยว่ามีหัวข้อที่น่าสนใจหลายประเด็นเลยทีเดียว ในบทความนี้จะขอพูดถึงประเด็นการทำ SEO อย่างไรให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงในยุคปัจจุบัน โดย Session นี้ผู้ที่มาแชร์ความรู้คือ คุณรัชวิทย์ หวังพัฒนธน CEO & Managing Director ANGA Bangkok Agency ในงาน MITCON2024 จะมีเนื้อหาที่น่าสนใจ และเป็นประโยชน์อะไรบ้าง เรามาติดตามไปพร้อม ๆ กันเลยครับ
SEO ยุคใหม่ต้องปรับตัวให้ทันกับการเปลี่ยนแปลง
ในปัจจุบันแนวคิดเกี่ยวกับการค้นหาบนอินเทอร์เน็ต โดยเฉพาะการใช้ Google เป็นเรื่องที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ดดยเฉพาะพฤติกรรมของผู้ใช้ที่เปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย รวมไปถึงเทคโนโลยีและ AI อย่าง ChatGPT หรือระบบการค้นหาที่ฉลาดมากขึ้นก็เข้ามามีบทบาทเช่นกัน ดังนั้นการทำ SEO ให้เว็บไซต์ติดอันดับและเป็นที่รู้จักจึงจำเป็นต้องมีการปรับตัวอย่างต่อเนื่องด้วยเหมือนกัน
แต่ละเจเนอเรชั่นมีพฤติกรรมการค้นหาที่แตกต่างกัน เบบี้บูมเมอร์อาจยังคงใช้ Google เป็นหลัก ในขณะที่ Gen Yและ Gen Z เริ่มหันมาใช้โซเชียลมีเดียและ AI ในการค้นหามากขึ้น เช่นการใช้ TikTok หรือ AI ในการหาคำตอบ ดังนั้นการปรับกลยุทธ์ SEO จึงต้องพิจารณาพฤติกรรมของกลุ่มผู้ใช้ในแต่ละเจเนอเรชั่นด้วยเหมือนกัน
SEO ยังคงเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับธุรกิจออนไลน์ในการทำให้เว็บไซต์ติดอันบน Google และแพลตฟอร์มอื่น ๆ แต่การทำ SEO ในยุคนี้ต้องปรับตัวให้เข้ากับแนวโน้มใหม่ จากการอัปเดตอัลกอริทึมของ Google, การเปลี่ยนแปลงในวิธีการค้นหาด้วย AI และความนิยมของแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียที่เพิ่มมากขึ้น
จาก SEO เป็น ASEO (Adaptive Search Engine Optimization)
SEO ในปัจจุบันต้องปรับเปลี่ยนให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของอัลกอริธึมในเครื่องมือค้นหา โดยการทำ ASEO (Adaptive SEO) ที่เน้นการปรับตัวและความยืดหยุ่น มุ่งเน้นการสร้างเว็บไซต์เป็นแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ ไม่ใช่แค่ผู้ใช้งานเท่านั้น แต่รวมถึง AI เช่น Google Search, GPT และ Gemini ที่จะเข้ามามีบทบาทในการค้นหาในอนาคตด้วยgเช่น ซึ่งประกอบด้วย 7 วิธีคือ
#1 Technical SEO การปรับแต่งเว็บไซต์ทางเทคนิค
Technical SEO เป็นการปรับปรุงโครงสร้างของเว็บไซต์ เช่น ความเร็วในการโหลดหน้าเว็บ การทำให้เว็บไซต์สามารถทำงานได้ดีบนมือถือ (Mobile-Friendly) และการลดปัญหา 404 หรือหน้าที่โหลดไม่ขึ้น ซึ่งปัญหาเชิงเทคนิคเหล่านี้มักจะทำให้เว็บไซต์ติดอันดับยากขึ้น ตัวอย่างเช่น เว็บไซต์บางธุรกิจมีคอนเทนต์ที่ดีมาก แต่มีปัญหาทางเทคนิคทำให้ Google ไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลเหล่านั้นได้ ส่งผลให้เว็บไซต์ไม่ได้รับการจัดอันดับที่ดี
ดังนั้น จึงควรทำการตรวจสอบเว็บไซต์อย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีปัญหาทางเทคนิคที่ซ่อนอยู่ ซึ่งอาจเป็นอุปสรรคสำคัญในการทำ SEO ได้นั่นเอง
ถือว่าเป็นหัวใจสำคัญในการทำ SEO เลยก็ว่าได้ ซึ่ง Google และแพลตฟอร์มการค้นหาต่าง ๆ ก็ให้ความสำคัญกับ Content ที่มีคุณภาพ โดยเนื้อหาที่มีคุณภาพต้องสอดคล้องกับโมเดล E-E-A-T ซึ่งประกอบไปด้วย
E – Experience: เนื้อหาควรมาจากผู้เขียนที่มีประสบการณ์ตรงในเรื่องที่เขียน หรือเคยใช้งานผลิตภัณฑ์หรือบริการนั้น ๆ หรือการรีวิว
E – Expertise: ผู้เขียนควรมีความเชี่ยวชาญในหัวข้อที่เขียน ซึ่งหมายความว่ามีข้อมูลเชิงลึกที่มีหลักการและเหตุผล ที่สามารถอธิบายได้ชัดเจน ซึ่งจะทำให้ผู้อ่านรู้สึกมั่นใจในข้อมูลที่ได้รับ
A – Authoritativeness: แหล่งที่มาของเนื้อหาต้องเป็นแหล่งที่มีชื่อเสียงและได้รับการยอมรับในวงกว้าง ตัวอย่างเช่น การอ้างอิงข้อมูลจากสถาบันที่มีชื่อเสียง
T – Trustworthiness: เนื้อหาควรมีความถูกต้อง แม่นยำ และอัปเดตล่าสุด โดยต้องตรวจสอบข้อมูลและมั่นใจว่าข้อมูลที่ถูกเผยแพร่ออกไปมีความน่าเชื่อถือและเป็นประโยชน์ต่อผู้อ่าน
#7 Keyword Research & Intent
Keyword Research เป็นอีกหนึ่งขั้นตอนที่มากสำคัญในการทำ SEO ปัจจุบันการเลือกคำค้นหาที่คนใช้บ่อยที่สุดอาจไม่ได้เป็นกลยุทธ์ที่ดีที่สุดแล้วในตอนนี้ เนื่องจากคำค้นหาบางคำอาจมีการค้นหาสูง แต่ไม่ได้ตรงกับเจตนาที่แท้จริงของกลุ่มเป้าหมาย ดังนั้นจึงต้องทำการวิเคราะห์ Intent ไปพร้อมกัน
การทำ SEO ในยุคปัจจุบันต้องปรับตัวให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของเทคโนโลยีและพฤติกรรมผู้ใช้ แม้ว่า Google ยังคงเป็นเครื่องมือค้นหาหลัก แต่การเข้ามาของ AI และโซเชียลมีเดียก็มีผลต่อการค้นหาเช่นกัน การทำ ASEO (Adaptive SEO) จึงเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้เราสามรถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างแม่นยำ การปรับตัวและเรียนรู้อย่างต่อเนื่องจึงเป็นกุญแจสำคัญในการทำ SEO ให้ประสบความสำเร็จในยุคดิจิทัลที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาได้นั่นเองครับ