ในยุคที่โซเชียลมีเดียเฟื่องฟู อินฟลูกลายเป็นอาชีพที่ธุรกิจต่าง ๆ จำเป็นต้องพึ่งพาแสงแห่งอิทธิพลของพวกเขา The Influencer รายการเรียลลิตี้จาก Netflix ที่พาอินฟลูเกาหลีใต้ทั้ง 77 คนมาประชันพิสูจน์ความเป็นตัวจริงด้านผู้ทรงอิทธิพลในโลกออนไลน์ที่แข่งขันกันแบบถึงพริกถึงขิงสุด ๆ
ซึ่งรายการนี้ไม่ได้ให้แค่ความสนุก ความเสียดสี แต่ยังสอดแทรกเทคนิคที่น่าสนใจ ฉบับอินฟลูตัวท็อป ดังนั้นในบทความนี้ผู้เขียนจะพาคุณผู้อ่านไปเจาะลึก 6 บทเรียนสำคัญสำหรับสายอินฟลูที่จะทำให้เข้าใจการเป็นอินฟลูได้อย่างลึกซึ้งขึ้น ถ้าพร้อมกันแล้ว ก็ไปดูกันเลย!
1. Influencer ต้องรู้จักตัวเองและการโน้มน้าวผู้อื่น
เวลาขายของ เราต้องรู้จักสินค้าดีมากพอ ถึงจะโน้มน้าวให้คนซื้อได้ อินฟลูก็เช่นเดียวกัน อินฟลูก็เปรียบเหมือนผู้ขาย ความเป็นตัวเอง เสน่ห์ ความสามารถของอินฟลูเองก็เปรียบเหมือนสินค้า ถ้าเรารู้จักและตระหนักรู้ในตัวเองอย่างดี ก็จะสามารถดึงดูดใจและโน้มน้าวสาธารณชนได้
โดยการโน้มน้าวถือเป็นทักษะที่สำคัญมาก ๆ ของอินฟลู เพราะอินฟลูเป็นผู้ที่มีอิทธิพลบนโลกออนไลน์ ซึ่งคำว่า อิทธิพล แปลว่า อำนาจที่สามารถทำให้ผู้อื่นคล้อยตามหรือทำตามได้
ดังนั้นขณะพูดโน้มน้าว การพูดจาฉะฉานด้วยเสียงที่ดังฟังชัดและมั่นใจ จะสามารถซื้อใจคนฟังได้ เพราะทำให้คนฟังรู้สึกเชื่อมั่นและเชื่อใจอินฟลูคนนั้น ๆ
2. Influencer ต้องรู้วิธีการดึงดูดความสนใจ
ทักษะในการดึงดูดความสนใจของอินฟลู เป็นเครื่องพิสูจน์การมีตัวตนและความโดดเด่นในฐานะอินฟลู พูดอีกอย่างก็คือ ถ้าไม่โดดเด่น ก็ไร้ตัวตน
แต่ถ้าให้มองกันจริง ๆ แล้ว ในบางทีความสนใจจากผู้คนอาจไม่ได้มาในแง่ของการเป็นที่ชื่นชอบเท่านั้น แต่มาในแง่ตรงกันข้ามหรือก็คือความเกลียดชัง ถึงกระนั้นตราบใดที่อินฟลูคนนั้น ๆ ยังได้รับความสนใจอยู่ เขาก็ยังมีตัวตน เพราะความสนใจคือชีวิตของอินฟลู
แต่อย่างไรก็ตามต้องไม่ลืมความถูกต้องและความเหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญที่สุด อินฟลูที่ดีจะหาวิธีให้ตัวเองเป็นจุดสนใจโดยไม่มีดราม่าได้
3. Influencer ต้องรู้วิธีการไลฟ์สด
แก่นของการไลฟ์เป็นการแสดงและพิสูจน์อิทธิพลของอินฟลูว่าเขามีความสามารถในการดึงดูดความสนใจและดึงดูดคนดูได้มากน้อยแค่ไหน
ซึ่งความสำคัญของการไลฟ์คือ การได้มีปฏิสัมพันธ์ สื่อสารกับคนดู และสามารถตอบสนองสิ่งที่คนดูต้องการได้ในทันที
นอกจากนี้ การไลฟ์ยังทำให้คนดูรู้สึกใกล้ชิดสนิทสนมกับอินฟลูมากขึ้น ซึ่งเป็นลักษณะของอินฟลูที่แตกต่างจากการเป็นดาราที่จะเข้าถึงยากกว่า
แต่การไลฟ์ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ ความยากของมันอยู่ตรงที่ว่า เราจะตกคนดูให้เข้ามาและรักษาเขาให้อยู่กับเราไปตลอดทั้งไลฟ์ได้อย่างไร? ซึ่งหลังดูรายการจบ ผู้เขียนแกะทริคจากอินฟลูผู้เข้าร่วมการแข่งขันได้ดังนี้
- ไลฟ์ด้วยคอนเทนต์ที่กระตุ้นความสนใจ เร้าใจ เป็นกระแสนิยม เช่น ม็อกบัง (โชว์กิน)
- ไลฟ์ด้วยคอนเทนต์ของตัวเองที่ได้รับ Engagement สูง ๆ
- ไลฟ์ด้วยคอนเทนต์ที่คนดูได้รับประโยชน์โดยตรง
- ไลฟ์คู่กับแขกรับเชิญ คนดัง เพื่อตกแฟน ๆ ของเขาเข้ามามีส่วนร่วมกับไลฟ์ของเรา
- รู้จักดึงความอยากรู้อยากเห็นมาใช้ประโยชน์ เพื่อ Hold คนดูให้อยู่จนจบไลฟ์ เช่น ถ้าทุกคนอยู่จนจบไลฟ์จะ…
- Interact กับคอมเมนต์จากคนดูอย่างรวดเร็ว และเลือกคอมเมนต์ที่น่าสนใจขึ้นมาโต้ตอบ
- จับ Keyword ที่คนดูสนใจและอยากรู้มากที่สุดมาเป็นประเด็นเนื้อหาในการไลฟ์ เช่น เปิดรายได้ของยูทูปเบอร์
- พาดชื่อไลฟ์แบบคลิก Base หรือชื่อที่ทำให้คนต้องคลิกเข้ามาดู เช่น ประกาศสำคัญ
- ไลฟ์อย่างสม่ำเสมอ
4. Influencer ต้องรู้วิธีการสร้างรูปภาพลงหน้าฟีด
รูปภาพบนฟีดโซเชียลมีเดียในปัจจุบันมีมากมายนับไม่ถ้วน เพราะใคร ๆ ก็ล้วนมีพื้นที่การแสดงออกของตัวเอง ไหนคนจะปัดหนีคอนเทนต์ไวขึ้นอีก แล้วในฐานะอินฟลูเราจะสร้างรูปภาพให้คนหยุดดูได้อย่างไร?
นอกจากทักษะการถ่ายภาพ แต่งภาพ ตุ๊งภาพ แต่งหน้าแต่งตัว โพสท่า ฯลฯ แล้ว เรื่องของไอเดีย การทำให้รูปภาพโดดเด่น และการรู้จักคนดูว่าอะไรเป็นตัวกระตุ้นความอยากรู้อยากเห็นของเขาและทำให้เขาสงสัยมากที่สุด ก็เป็นสิ่งสำคัญ
ยิ่งไปกว่านั้น ตำแหน่งการวางรูปภาพในหน้าฟีดก็ช่วยดึงดูดสายตาของคนดูได้ ถ้าลองนึกช่องสำหรับรูปภาพ 9 ช่อง เรียงกันแบบ 3×3 รูปภาพตรงกลางจะเป็นรูปภาพที่สายตาจับจ้องก่อนเป็นที่แรกหรือดึงสายตามากที่สุด แต่ก็ไม่ได้เป็นตัวการันตีว่าจะเป็นรูปภาพที่คนจ้องนานที่สุด เพราะถ้ารูปภาพในตำแหน่งอื่น ๆ มีความน่าสนใจมากกว่าคนก็จะไปหยุดดูที่ตรงนั้นนานกว่า
โดยวิธีการทำให้รูปภาพสะกดให้คนหยุดดูได้ หนึ่งในนั้นคือ การใส่ข้อความในรูปภาพ แต่ก็ยังต้องเป็นข้อความที่เตะตา ดึงดูดความสนใจ กระตุ้นความอยากรู้อยากเห็นของคนดู ซึ่งมักจะเห็นในปกคลิป Youtube หรือพาดหัวของสำนักข่าว อยู่บ่อย ๆ
รวมถึง รูปภาพต้องทำหน้าที่สื่อสารอย่างชัดเจน ไม่ทำให้คนดูรู้สึกว่าไม่เข้าใจ และสุดท้ายอย่าคิดเยอะเกิน เพราะบางทีการคิดง่าย ๆ สื่อสารออกมาง่าย ๆ ก็สามารถดึงดูดสายตาของคนดูได้แล้ว
การได้ว่าซึ่งคอมเมนต์และไลก์มันต่างกัน เพราะการคอมเมนต์คนดูใส่ความพยายามมากกว่า จึงได้มายากกว่า แต่อย่างไรก็ตาม อินฟลูก็คือผู้มีอิทธิพลที่มีความสามารถในการดึงดูดความสนใจและการตอบสนองจากสาธารณชน ดังนั้นการได้รับคอมเมนต์จากคนดูก็จำเป็นต่อการเป็นที่นิยม
โดยคนดูมักจะไม่เมนต์ ถ้าคอนเทนต์เหล่านั้นไม่เกี่ยวข้องกับตัวเอง แต่มันก็ทริคอยู่บ้างคือ ถ้าอยากให้คนดูเมนต์รัว ๆ ก็ต้องทำอะไรที่เอื้อให้คนดูมาเมนต์ง่าย ๆ เช่น การโหวต การแสดงความคิดเห็นเล็ก ๆ น้อย ๆ
นอกจากนั้นยังสามารถลิงก์โพสต์กับกิจกรรมได้ด้วย เช่น เมื่อเมนต์แล้วสุ่มแจกสินค้า หรือการมอบของขวัญให้คนสุดท้ายที่เมนต์ ก็สามารถช่วยให้คอมเมนต์มากขึ้นได้เช่นกัน
และเดี๋ยวนี้คนไม่ค่อยดูหน้าฟีดเท่าไหร่ ส่วนใหญ่จะดูสตอรี่มากกว่า ดังนั้นอย่าลืมอัปโพสต์ในสตอรี่อีกครั้งเพื่อเพิ่มการมองเห็นด้วย
6. Influencer ต้องรู้จักวิเคราะห์คอนเทนต์ให้เป็น
อีกทักษะนึงที่อินฟลูต้องมี คือ การวิเคราะห์คอนเทนต์ แล้วจะวิเคราะห์คอนเทนต์ไปทำไม? เพราะเทรนด์ในทุกวันนี้ไปไวมาไวมาก ๆ เป็นไปได้ยากที่อินฟลูคนหนึ่งจะจับทุกเทรนด์มาทำคอนเทนต์ได้ ดังนั้นอินฟลูจึงต้องวิเคราะห์ว่าคอนเทนต์ของเทรนด์ไหนที่เหมาะกับความต้องการของคนดูและเหมาะกับสไตล์ของตัวเอง นอกจากนี้การที่อินฟลูวิเคราะห์คอนเทนต์มากพออาจทำให้กลายเป็นผู้สร้างเทรนด์ใหม่ ๆ ก็ได้เช่นกัน
สรุป
ก็จบกันไปแล้วกับ 6 บทเรียนสำคัญจากรายการ The Influencer สำหรับสายอินฟลูที่ผู้เขียนนำมาฝากกัน ได้แก่ การรู้จักตัวเองและการโน้มน้าวผู้อื่น การดึงดูดความสนใจจากผู้ชมโดยเน้นความโดดเด่น การไลฟ์สดที่ต้องสร้างปฏิสัมพันธ์อย่างใกล้ชิด การสร้างรูปภาพที่โดดเด่นบนโซเชียลมีเดีย การกระตุ้นให้ผู้ชมมีส่วนร่วมผ่านคอมเมนต์ และการวิเคราะห์คอนเทนต์เพื่อให้สอดคล้องกับเทรนด์และความสนใจของคนดู ทั้งหมดนี้จะเป็นตัวช่วยสร้างตัวตนและความนิยมในฐานะอินฟลูเอนเซอร์ได้
สำหรับใครที่สนใจอ่านบทความอื่นๆ หรือ ต้องการอัปเดตความรู้การตลาดเพิ่มเติม สามารถติดตามได้ที่ช่องทาง Website, Facebook, Instagram, Twitter, YouTube และ Tiktok ของการตลาดวันละตอนตามนี้ได้เลย