5-strategies-for-double-day-marketing-asia

5 กลยุทธ์ Double Day Marketing ปั้นยอดขายฝั่งเอเชียพุ่งทุกวันเลขเบิ้ล

Double Day Marketing Strategy หรือแคมเปญการตลาดวันเลขเบิ้ลที่จัดขึ้นทุกเดือนในตลาด E-commerce ฝั่งเอเชีย กลายเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้ธุรกิจสามารถคว้าโอกาสสร้างยอดขายก้อนใหญ่ได้ และด้วยพฤติกรรมของลูกค้าที่พร้อมช้อปและมองหาดีลสุดพิเศษในช่วงวันสำคัญเหล่านี้ วันเลขเบิ้ลจึงเป็นวันที่ทั้งฝั่งแบรนด์และลูกค้าหลายคนต่างรอคอย

ในบทความนี้ผู้เขียนจะพาคุณผู้อ่านไปทำความรู้จักกับ Double Day Marketing และพฤติกรรมการซื้อของผู้บริโภคชาวเอเชีย พร้อมแชร์ 5 กลยุทธ์การตลาดวันเลขเบิ้ลเพื่อเพิ่มยอดขายให้ตรงจริตฝั่งบ้านเรา ถ้าพร้อมแล้ว ก็ไปกันเลย!

Double Day Marketing คืออะไร?

AI image generated by Shutterstock (Prompt : 3d rendering of Double Day neon logo, The letters are not distorted, orange and dark blue color, Shopping bag around)

Double Day Marketing การตลาดวันเลขเบิ้ล หรือที่เรารู้จักกันดีในวันที่ 1.1 (1 เดือน 1) ไปจนถึง 12.12 (12 เดือน 12) แคมเปญส่งเสริมการตลาดที่ฝั่ง Marketplace และ E-commerce ไม่ว่าจะเป็น Shopee, Lazada หรือ Tiktok Shop ฯลฯ จัดขึ้นเพื่อกระตุ้นยอดขายในทุกๆ เดือน โดยมักมาพร้อมส่วนลด โปรโมชันและกิจกรรมพิเศษต่างๆ ส่วนฝั่งนักช้อปก็ไม่น้อยหน้า เตรียมกดสินค้าลงตะกร้ากันตั้งแต่เที่ยงคืน

5-strategies-for-double-day-marketing-asia
Designed by Freepik

ก่อนอื่นถ้าพูดถึงที่มาที่ไปของ Double Day แบบสั้นๆ จริงๆ แล้ว Double Day เกิดขึ้นครั้งแรกที่ประเทศจีน ในวันที่ 11 เดือน 11 หรือ ‘วันคนโสดแห่งชาติ’ ดังนั้นแคมเปญแรกของวันเลขเบิ้ลก็คือ 11.11 (Double 11) โดย Alibaba เป็นผู้ริเริ่มเป็นเจ้าแรก โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อกระตุ้นให้คนโสดออกมาช้อป

ซึ่งหลังจาก Launch  แคมเปญ 11.11 ลดแลกแจกแถมอย่างบ้าคลั่ง ในเวลาต่อมาก็ให้ผลลัพธ์อย่างบ้าคลั่งไม่แพ้กัน โดยทุบสถิติตัวเลขยอดขายภายใน 24 ชั่วโมงแรก ชนะวัน Black Friday และ Cyber Monday ของฝั่งตะวันตกได้อย่างขาดลอย ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจที่จากกจุดเริ่มต้นดังกล่าว จะเป็น Inspiration ให้กับ Marketplace และ E-commerce อื่น ๆ และขยายการจัดแคมเปญให้เกิดขึ้นในทุก ๆ เดือนแบบในปัจจุบัน

เมื่อความสำเร็จของแคมเปญส่งเสริมการตลาดอย่าง Black Friday และ Double 11 ได้ปูทางไปสู่ ​​Double Day ในทุกๆ เดือน ขณะเดียวกัน E-commerce ก็เป็นช่องทางที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก จึงเป็นเกมบังคับให้ผู้ค้าปลีก (Retailer) และผู้ผลิต (Manufacturer) ต่างต้องทำความเข้าใจพฤติกรรมการซื้อของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปให้ดียิ่งขึ้น

พฤติกรรมการซื้อของผู้บริโภคชาวเอเชีย

5-strategies-for-double-day-marketing-asia
ที่มา nielseniq

จากผลสำรวจของ NielsenIQ พบว่า ปัจจัยที่ส่งผลต่อพฤติกรรมการซื้อที่เปลี่ยนไปของผู้บริโภคชาวเอเชียในภาพรวม มีส่วนเกี่ยวข้องกับปัจจัยที่มีผลต่อการตัดสินใจซื้อของออนไลน์ นั้นก็คือ ราคาและโปรโมชัน นอกจากนี้ยังพบอีกว่า ความพร้อมขาย (Availability) Rating และการจัดส่ง ก็เป็นสิ่งสำคัญเช่นกัน

พูดง่าย ๆ ว่า ผู้บริโภคชาวเอเชียช้อปปิ้งออนไลน์ เพราะราคาจับต้องได้ มีโปรโมชัน มีสินค้าพร้อมขาย มีคะแนนรีวิวให้ดู และจัดส่งให้ถึงหน้าบ้าน ซึ่งสิ่งเหล่านี้ส่งผลให้พฤติกรรมการซื้อของผู้บริโภคชาวเอเชียเปลี่ยนไป โดยมีการช้อปปิ้งออนไลน์เป็นตัวปฏิกิริยา

ในเมื่อราคาและโปรโมชันเป็น 2 ปัจจัยที่ผู้บริโภคชาวเอเชียซื้อสินค้าทางออนไลน์ จึงเป็นเหตุให้การใช้ Double Day Marketing ในฝั่งบ้านเรา สร้างยอดขายได้ถล่มทลายแซงหน้า Black Friday Marketing ของฝั่งตะวันตกอย่างที่กล่าวไปข้างต้น

Data Pattern ของการตลาดวันเลขเบิ้ล

5-strategies-for-double-day-marketing-asia
ที่มา nielseniq

ด้วยแรงกดดันด้านเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นในแต่ละประเทศ ผู้บริโภคจึงยิ่งต้องการหาสินค้าที่ราคาถูกและมีการจัดโปรโมชันมากขึ้น ทำให้ Double Day Marketing จะยิ่งมีความสำคัญ จากผลสำรวจของ NielsenIQ พบสิ่งที่ซ่อนอยู่ในผลกระทบของโปรโมชัน Double Day ว่า ในช่วงแคมเปญเลขเบิ้ลจะมียอดขายพุ่งสูงเมื่อเทียบกับยอดขายในช่วง 3 สัปดาห์ก่อนหน้าหรือไม่ได้อยู่ในช่วงแคมเปญ

เช่น ในปี 2021 พบว่า ยอดขายคลีนซิ่งในวัน 11.11 ของสิงคโปร์ เพิ่มขึ้นถึง 956% เมื่อเทียบกับยอดขายในช่วง 3 สัปดาห์ก่อนหน้า ในขณะเดียวกันยอดขายผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร / วิตามินในวันที่ 10.10 ของประเทศไทย ก็เพิ่มขึ้นถึง 494% เมื่อเทียบกับยอดขายในช่วง 3 สัปดาห์ก่อนหน้าเช่นกัน

ดังนั้นเราเห็นว่าการทำ Double Day Marketing มีอิทธิพลต่อยอดขายมากเพียงใด และเราเห็นรูปแบบ Pattern นี้ในสินค้าทุกหมวดหมู่อีกด้วย

5 Double Day Marketing Strategies

5 กลยุทธ์การตลาดวันเลขเบิ้ลที่จะช่วยเพิ่มยอดขายในตลาด Marketplace และ E-commerce จะมีอะไรบ้าง ไปดูกันเลย

1. ใช้ประโยชน์จากแคมเปญ CPAS

ที่มา phoenixmedia

แคมเปญวันเลขเบิ้ลบน E-commerce จะแตกต่างจากแคมเปญทั่วไป เราจึงต้องใช้กลยุทธ์ที่แตกต่างกัน ซึ่งก่อนจะไปดูกลยุทธ์ สิ่งแรกที่เราควรรู้ คือ แพลตฟอร์มอย่าง Lazada และ Shopee ให้ความสำคัญกับ CPAS (Collaborative Performance Advertising Solution: โฆษณาที่คอลแลปส์กันระหว่างแบรนด์กับเว็บไซต์ E-commerce) บน Facebook และ Instagram ในช่วงวันเลขเบิ้ลมาก เพราะแคมเปญ CPAS เหล่านี้เสมือนเป็นสะพานเชื่อมให้ผู้บริโภคเข้ามาร่วมแคมเปญวันเลขเบิ้ลบน E-commerce ได้

เราสามารถใช้ประโยชน์แคมเปญ CPAS ได้ด้วยการยิงโฆษณาแคมเปญบน Facebook และ Instagram ไปยังลูกค้าศักยภาพ (Potential Customer) เช่น ลูกค้าคนนี้เคยกดตะกร้าไว้แต่ยังไม่กดซื้อ เพื่อกระตุ้นให้เกิดการซื้อในช่วงลดราคานี้

และสิ่งสำคัญในวันเลขเบิ้ล คือ สินค้าต้องดึงดูดสายตาผู้บริโภค ดังนั้นจึงต้องใส่ใจตั้งแต่กราฟิกไปจนถึงคำอธิบายสินค้า นอกจากนี้การกระตุ้นให้ผู้บริโภคกดสินค้าลงตะกร้า (Add to Cart: ATC) ก็สามารถเพิ่มโอกาสที่สินค้านั้นจะเปลี่ยนเป็นยอดขายในช่วงเวลาแคมเปญได้

2. ตั้งชื่อสินค้าให้ปัง ถูกใจ SEO

การมองเห็นแบรนด์ในโลกของการการช้อปปิ้งออนไลน์ ถูกกำหนดด้วยประสิทธิภาพของชื่อสินค้าที่ตั้งไว้ ดังนั้นการตั้งชื่อสินค้าที่น่าสนใจ และมี Keyword คำค้นหาที่ดี พร้อมคำอธิบายที่ละเอียด สิ่งนี้สามารถพาลูกค้าศักยภาพให้เจอเราได้มากขึ้น รวมถึงอย่าลืมเช็คข้อมูลเกี่ยวกับส่วนลด โปรโมชัน และข้อเสนอว่าถูกต้อง ชัดเจน และเข้าใจง่ายไหมด้วย

3. สร้างส่วนลดและโปรโมชันที่น่าดึงดูดใจ

ส่วนลดและโปรโมชันต่างๆ ถือเป็นหัวใจสำคัญของ Double Day Marketing และการให้ส่วนลดก็ต้องรักษาสมดุลไม่ให้กระทบต้นทุนของธุรกิจจนเข้าเนื้อด้วย การใช้กลยุทธ์ เช่น ดีลขายแบบยกแพ็ก (Bundle deals) การจัดส่งฟรี หรืออื่นๆ ช่วยเพิ่มแนวโน้มที่ลูกค้าจะซื้อสินค้าได้ และเพื่อจัดการการส่งเสริมการตลาดให้ได้ผลดี สามารถทำได้ด้วยวิธีเหล่านี้

Designed by Freepik

กระจายส่วนลด: เสนอส่วนลดเฉพาะสินค้าสำหรับลูกค้าแบบเฉพาะกลุ่ม และส่วนลดทั่วทั้งเว็บไซต์เพื่อดึงดูดกลุ่มเป้าหมายที่กว้างขึ้น วิธีนี้จะช่วยให้ลูกค้าที่กดเข้ามาในช่องทางของเราได้พบสิ่งที่ตรงกับความต้องการของตนเองมากขึ้น

การกำหนดราคาแบบ Dynamic Pricing: Dynamic Pricing คือ การตั้งราคาที่ปรับเปลี่ยนไปตามปัจจัยต่างๆ ดังนั้นเราจึงควรใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีหลังบ้านมาใช้กำหนดราคาแบบ Dynamic เพื่อปรับแต่งส่วนลดให้เหมาะกับพฤติกรรมและประวัติการซื้อของลูกค้าแต่ละกลุ่ม

กระตุ้นด้วย FOMO: FOMO (Fear of Missing Out) หรือ ความกลัวที่จะพลาดบางสิ่งบางอย่างไป ซึ่งมนุษย์ไม่อาจหลีกเลี่ยงความรู้สึกนี้ได้แบบสิ้นเชิง เราจึงสามารถหยิบมาใช้เป็นโอกาสในวันเลขเบิ้ลได้ ด้วยการนับเวลาถอยหลังหรือการแสดงจำนวนสินค้าที่มีจำกัด เพื่อกระตุ้นให้เกิดการตัดสินใจซื้อเร็วขึ้น

4. ทดลองใช้การ Product Bundling

การมัดรวมสินค้า หรือ Product Bundling เป็นกลยุทธ์การขายที่รวมสินค้าต่างๆ เข้าไว้ด้วยกัน เพื่อดึงดูดลูกค้าด้วยมูลค่าที่เพิ่มขึ้นได้ และสามารถเพิ่มมูลค่าการสั่งซื้อโดยเฉลี่ยได้อีกด้วย

Designed by Freepik

Complementary Bundling: การจับคู่สินค้าที่ใช้คู่กันขายในราคาพิเศษ เช่น สมาร์ตโฟนขายคู่กับเคสหรือฟิล์มกันรอย เป็นต้น

Mixed Bundling: ขายสินค้าทั้งแบบเป็นชุด (Bundle) หรือแยกชิ้น (Standalone) โดยตั้งราคาที่แตกต่างกัน

Bundle Pricing Tier: การกำหนดราคาแบบแบ่งระดับคล้ายกับระดับการสมัครสมาชิก ซึ่งลูกค้าสามารถเลือกซื้อชุดสินค้าที่เหมาะสมกับความต้องการและงบประมาณของตนได้ โดยแต่ละระดับ (Tier) จะรวมสินค้าในราคาที่แตกต่างกัน ช่วยให้ลูกค้าสามารถเลือกชุดสินค้าที่สอดคล้องกับงบประมาณและความต้องการของตนได้

Buy One Get One (BOGO): ซื้อ 1 แถม 1 กลยุทธ์ยอดนิยม แม้ว่าจะเป็นอะไรที่คลาสสิก แต่เราก็สามารถ Adapt เป็นสูตรอื่นๆ ก็ได้ เช่น ซื้อ 2 แถม 1 หรือ ซื้อครบ 3 ชิ้นขึ้นไป ลด On top เพิ่มไปอีก 30% เป็นต้น

Starter Kits: ชุดสินค้าเริ่มต้นที่รวบรวมสินค้าพื้นฐานที่จำเป็นสำหรับการเริ่มต้นใช้งาน เหมาะมากสำหรับผู้ที่เพิ่งรู้จักแบรนด์หรือสินค้า เช่น แบรนด์ Skincare เสนอชุดเริ่มต้นแต่ให้ขนาดเล็กกว่า เป็นต้น

5. ปรับแคมเปญตาม Real-time Insights

การใช้ข้อมูลเชิงลึกแบบเรียลไทม์ช่วยให้แบรนด์ได้เปรียบคู่แข่ง เพราะข้อมูลดังกล่าวจะช่วยให้เราคาดการณ์เหตุการณ์ล่วงหน้าได้ ปรับเปลี่ยนได้ทันตามความต้องการของลูกค้าและความเหมาะสม โดยเราสามารถปรับแต่งในด้านต่างๆ ขณะรันแคมเปญได้ เช่น เนื้อหาโฆษณา โปรไฟล์ของกลุ่มเป้าหมาย จำนวนและปริมาณของข้อเสนอพิเศษ หรือ การจัดสรรงบประมาณ เป็นต้น ทั้งนี้ก็เพื่อดึงดูดและแปลงลูกค้าศักยภาพเหล่านี้ให้กลายเป็นลูกค้าจริงๆ ของเราในที่สุด

สรุป

Double Day Marketing คือแคมเปญการตลาดที่จัดขึ้นในวันเลขเบิ้ล (เช่น 1.1, 10.10, 11.11, 12.12) ที่เน้นการส่งเสริมยอดขายออนไลน์ในฝั่งเอเชีย ซึ่งการตลาดในวันเหล่านี้มีสร้างยอดขายสูงกระฉูด เพราะผู้บริโภคชาวเอเชียมักจะซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์เพราะเหตุผลเรื่องราคาและโปรโมชันที่ดึงดูดใจเป็นอันดับต้นๆ อีกทั้งยังมีเทคนิคต่าง ๆ ที่ผู้ค้าปลีกและผู้ผลิตต้องใช้เพื่อดึงดูดลูกค้า เช่น การใช้แคมเปญ CPAS, การตั้งชื่อสินค้าที่เหมาะสมกับ SEO, การสร้างโปรโมชั่นที่ดึงดูด, การทดลองใช้การรวมสินค้าขาย และการปรับแคมเปญตามข้อมูลเชิงลึกแบบเรียลไทม์ ทั้งหมดนี้เป็นกลยุทธ์สำคัญที่ช่วยเพิ่มยอดขายในช่วง Double Day และสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันในตลาด E-commerce เอเชียได้

สำหรับใครที่สนใจอ่านบทความอื่นๆ หรือ ต้องการอัปเดตความรู้การตลาดเพิ่มเติม สามารถติดตามได้ที่ช่องทาง WebsiteFacebookInstagramTwitterYouTube และ Tiktok ของการตลาดวันละตอนตามนี้ได้เลย

บทความที่แนะนำให้อ่านเพิ่มเติม

Sources
graas

creativethailand

nielseniq

นิวส์ Introverted Learner คนหนึ่งที่สนใจ Marketing หลงรักในศิลปะ งานสร้างสรรค์ เสียงเพลง และความสงบ ทุกบทความเขียนด้วยความตั้งใจที่อยากจะถ่ายทอด Input ที่ได้เรียนรู้ สู่ Output ที่เป็นประโยชน์กับผู้อ่านทุกคนค่ะ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *