ถ้าพูดถึงแบรนด์น้ำหอม คงมีมากมายหลายแบรนด์ที่ผุดขึ้นมาในหัว ตั้งแต่แบรนด์ราคาหลักร้อยไปจนถึงหลักหมื่น และทุกคนคงมีแบรนด์โปรดในใจของตัวเองเช่นกัน วันนี้จะพาทุกท่านไปดู การตลาดน้ำหอม หนึ่งในแบรนด์น้ำหอมสัญชาติไทย อย่าง Butterfly Thai Perfume กันค่ะ ซึ่งสร้างความโดดเด่นให้กับแบรนด์ด้วย Differentiation Strategy ค่ะ
อย่างที่บอกว่าทุกคนคงมีน้ำหอมกลิ่นโปรดที่ชอบใช้เป็นประจำใช่มั้ยคะ แบบได้กลิ่นประมาณนี้ทีไรก็รู้สึกถูกใจ ถึงแม้จะเปลี่ยนแบรนด์ไปก็ยังใช้กลิ่นที่คล้ายเดิม ก็ต้องบอกก่อนว่าน้ำหอมนั้นจะมีสิ่งที่เรียกว่า Note หรือ กลิ่นที่เราได้กลิ่น โดยส่วนมากจะแบ่งเป็น 3 ระดับ คือ Top Note, Middle Note และ Base Note นั่นเองค่ะ
โดยส่วนมาก Note จะมีกลิ่นที่ถูกแบ่งออกเป็น Woody note คือกลิ่นแนวไม้ ๆ Fresh note คือ กลิ่นสดชื่น ซึ่ง Fresh note ที่เราได้ยินกันบ่อยคือ Citrus หรือกลิ่นแนวส้ม ๆ เลมอน ๆ ออกเปรี้ยว ๆ ค่ะ นอกจากนั้นยังมี Flora คือกลิ่นแนวดอกไม้หวาน ๆ อย่างกลิ่นกุหลาบ และ Oriental คือกลิ่นที่มีความนุ่มอย่างกลิ่นมักส์ค่ะ ซึ่งการที่พูดถึง Note ต่าง ๆ เพราะทาง Butterfly Thai Perfume เขาก็ได้แบ่ง น้ำหอมออกเป็นกลิ่นต่าง ๆ เพื่อให้เราเลือกใช้ได้อย่างสะดวกด้วยค่ะ
Butterfly Thai Perfume แบรนด์ที่โดดเด่นและน่าค้นหาด้วยชื่อที่แตกต่าง
อย่างที่บอกไปว่า Note ของการทำน้ำหอมจะไม่กี่ Note หลัก ๆ ที่นิยมกันแต่ทาง Butterfly Thai Perfume นั้นได้สร้างความแตกต่างหรือ Differentiation Strategy ด้วยการทำกลิ่นใหม่ ๆ ออกมานั่นเองค่ะ ซึ่งกลิ่นใหม่ที่ทาง Butterfly ทำก็จะมีการนำกลิ่นไทย ๆ อย่างมะนาว มะกรูด ใบแมงลัก มาทำออกมาเป็นกลิ่นใหม่ ๆ ค่ะ
ขอบคุณภาพจาก Shutterstock AI Generator Prompt : a photo-realistic image of a woman seated on the floor in a relaxed pose, spraying perfume to her neck, elegant bottle, wearing a soft, flowing robe with gentle textures exuding calmness and beauty, warm and diffused lighting creating a soft glow and subtle reflections on the surface, a small perfume bottle placed nearby adding balance to the composition, the visible mist from the spray adding a dynamic and artistic touch to the serene atmosphere
อย่างหนึ่งในกลิ่นแนว Spicy อย่าง Galanga หรือ กลิ่นข่า ที่ได้แรงบันดาลใจจากต้มยำกุ้ง ทำให้มีความหอมจากครัวไทยด้วยกลิ่นข่าและสมุนไพรอันเลื่องชื่อจากต้มยำกุ้ง โดยจะเป็นกลิ่นหอมสะอาดและสดชื่น เพราะเป็นสร้างความสมดุลระหว่างความเผ็ดร้อนและความสดชื่น ด้วยกลิ่นข่าสดที่ฝานเป็นแผ่นบาง ๆ สัมผัสแรกที่ปลุกเร้ากายและใจ พร้อมกลิ่นมะนาวและตะไคร้ที่เสริมความกระปรี้กระเปร่า
ซึ่งกลิ่นนี้จะมีความหอมจากมะนาวไทย ใบมะกรูด ข่าสด ตะไคร้ และใบแมงลัก ที่สดชื่นและเปี่ยมไปด้วยชีวิตชีวา กลิ่นกลางอบอุ่นจากหญ้าแฝก ลาเวนเดอร์ และจูนิเปอร์ ช่วยเพิ่มความนุ่มนวลผ่อนคลาย และจบลงด้วยกลิ่นท้ายจากกฤษณา กำยาน หญ้าฝรั่น และกำยานแขก ที่เพิ่มความลุ่มลึกอย่างมีเสน่ห์ เป็นลิ่นหอมที่สะท้อนถึงเอกลักษณ์ของไทยค่ะ
ออกแบบกลิ่นใหม่อย่างมีเอกลักษณ์ ทั้งมี Style และตอบรับ Trends
กลิ่นใหม่ที่มีเอกลักษณ์ และ Style ของแบรนด์
และกลิ่นล่าสุดที่ทางแบรนด์ทำออกมาก็คือ กลิ่น YING NGAM MUEANG (หญิงงามเมือง) ที่เปรียบเทียบกลิ่นเป็นเหมือนบทกวีที่เล่าถึงมิติของความงาม ความลึกลับ และเสน่ห์เหนือกาลเวลา โดยเป็นการต่อยอดจากกลิ่นหอมที่นิยมสูงสุดคือ AGARWOOD & BENZOIN กลิ่นไม้กฤษณกำยาน ที่เป็นกลิ่นของดอกไม้สีขาว ดอกพุด ซ่อนกลิ่น ดอกโมก ซึ่งนักปรุงยังเล่าว่าสามารถใช้กลิ่นนี้ Layer ร่วมกัน เพิ่มความหรูหราได้อีกด้วยค่ะ
ซึ่งกลิ่นใหม่ที่ออกมาก็ขึ้นแท่นเป็นลูกรักของชาวเน็ตไปเป็นที่เรียบร้อย ด้วยการออกมารีวิวกันว่ากลิ่นหอมฟุ้งติดทน เดินผ่านแล้วคนทัก จะซื้อซ้ำแน่นอน เรียกว่าการสร้าง Differentiation Strategy ให้แตกต่างด้วยชื่อและกลิ่น ถือว่าประสบความสำเร็จ เพราะเป็นชื่อที่คนจดจำได้ และ คนฟังครั้งแรกก็รู้สึกว้าวแน่นอนค่ะ
กลิ่นใหม่ที่มีเอกลักษณ์ และ ตอบรับ Trends ที่กำลังมา
นอกจากนั้นยังมีกลิ่นอื่นที่ทางแบรนด์ได้ทำขึ้นมา อย่างกลิ่นลอยกระทง เรียกว่ามีความแตกต่างและสร้างสรรค์มาก ทั้งในแง่ของการรังสรรค์กลิ่น ด้วยการหา Note ต่าง ๆ มาใช้ รวมไปถึงการตั้งชื่อให้มีความแตกต่าง และเป็นเอกลักษณ์มากค่ะ และที่สำคัญราคาของสินค้าอยู่ในระดับที่ว่าจับต้องได้ ไม่แพงจนเกินไปอย่างขวดใหญ่ Size 60 ml. อยู่ที่ประมาณ 1,400 บาท และ Size พกพา 10 ml. อยู่ที่ 300 กว่าบาทเองค่ะ
อย่างที่บอกว่า น้ำหอม Butterfly เป็นกลิ่นที่มีความแปลกใหม่ และราคาไม่สูง แต่กลิ่นกลับติดทน จนลูกค้าหลาย ๆ คน ออกมารีวิวให้ บอกต่อกันสนั่น อย่างใน X(Twitter) เองก็มีการออกมาบอกถึงความหอม และแนะนำกลิ่นที่ตัวเองใช้ด้วยค่ะ
เราจะเห็นเลยว่าแบรนด์มีการออกกลิ่นและคอลเลคชันใหม่ ๆ อยู่เสมอ เพื่อรับรองกระแสในแต่ละช่วงอย่างกลิ่นลอยกระทง กลิ่นสงกรานต์ นอกจากนั้นยังมีคอลเลคชันที่ตอบรับกระแส Mutelu อย่าง TEWA MUTELU เทวามูเตลู คอลเลคชั่น เพื่อเอาใจสายมู ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากความเชื่อและความศรัทธาในเทพทั้ง 6 องค์ ที่เป็นที่รู้จักทั้งในประเทศไทยและต่างชาติ
ใช้ได้ทั้งในการบูชา โดยการฉีดกลิ่นหอมก่อนทำอารตี (พิธีบูชาไฟต่อเทพฮินดู) บางครั้งก็ถวายเพื่อแก้บนก็ได้ นอกจากด้านความเชื่อแล้ว กลิ่นหอมเหล่านี้ล้วนมีเอกลักษณ์และความหมายดี หากใครอยากซื้อไปใช้เองเพื่อเสริมสร้างความมั่นใจให้และเต็มเปี่ยมไปด้วยแรงศรัทธาก็ใช้ได้เช่นกันค่ะ
นอกจากกลิ่นที่พูดมาแล้ว Butterfly ยังมีอีกหลายกลิ่นที่น่าสนใจอย่าง กลิ่นใบกระวาน กลิ่นดอกปีป กลิ่นโคลนสาบควาย กลิ่นว่านสาวหลง กลิ่นผัดกระเพรา กลิ่นข้าวเหนียวมะม่วง และกลิ่นสายไหม ซึ่งนี่เป็นเพียงตัวอย่างเท่านั้นนะคะใครอยากลองดูว่า Butterfly เขามีกลิ่นไหนบ้างลองเข้าไปดูที่ Butterfly T hai Perfume ได้เลยค่ะ
สรุป การตลาดน้ำหอม Butterfly Thai Perfume โดดเด่นด้วย Differentiation Strategy
จากทั้งหมดที่ได้เล่าไป สิ่งหนึ่งที่เราเห็นได้จากแบรนด์เลย คือแม้จะนำเสนอความเป็นไทย และเป็นแบรนด์ไทย แต่ Brand Image ไม่ได้ดูเก่า ดูไทยจ้า แต่ออกไปทางเรียบหรูมีเอกลักษณ์มากกว่าทั้ง Package และ ภาพโฆษณาที่สื่อออกมาได้อย่างดี
เรียกว่าเป็นแบรนด์ไทยอีกหนึ่งแบรนด์ที่น่าสนับสนุน ด้วยชื่อและกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์ ตลอดจนคุณภาพที่แบรนด์ทำออกมาบอกเลยว่าใครเป็นสายน้ำหอม ชอบซื้อน้ำหอม ไม่ควรพลาดแบรนด์นี้เลยค่ะ
ถ้าชอบ หรือ สนใจอยากอ่านบทความด้านการตลาดแบบนี้อีก ผู้เขียนฝากติดตามด้วยนะคะ หรือ ถ้าใครอยากให้ผู้เขียนนำมุมมองการตลาดแบบไหนมาเล่าให้ฟัง สามารถคอมเมนต์บอกกันได้เลยนะคะ
สำหรับนักอ่านที่ชอบ และ อยากอ่านบทความเกี่ยวกับการตลาดเพิ่มเติม รวมถึงข่าวสารด้านการตลาดต่าง ๆ สามารถติดตามได้จาก เพจการตลาดวันละตอน รวมไปถึงเว็บไซต์ Twitter Instagram YouTube ของการตลาดวันละตอนได้เลยนะคะ แล้วพบกันใหม่ในบทความหน้าค่ะヽ(•‿•)ノ
Source Source Source