ในบทความนี้จะพาทุกคนมารู้จักกับ 5A Personal Branding เป็นอีกหนึ่ง Framework หรือวิธีที่ดีในการสร้างตัวตน สร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับตัวเราเองในโลกธุรกิจ
เพราะแน่นอนถ้าเรามี Personal Branding ที่แข็งแกร่ง น่าเชื่อถือ ก็จะสามารถดึงดูดลูกค้ามาหาเราได้ และช่วยลดความกดดันในการพยายามหาลูกค้าใหม่ แค่เราต้องเข้าใจในพื้นฐานให้ดีก่อนว่าเราเป็นใคร ถนัดอะไร สามารถทำอะไรให้กับคนอื่นได้บ้าง
โดยองค์ประกอบของการสร้าง Personal Branding ได้แก่ Awareness, Authority, Authenticity, Appearance และ Audience ซึ่งทั้ง 5 ด้านนี้ทำงานร่วมกันเพื่อสร้าง Personal Branding ที่มีประสิทธิภาพและประสบความสำเร็จนั่นเอง
5A คืออะไร ทำไมถึงสำคัญ?
ก่อนจะไปเข้าเรื่องกันว่าองค์ประกอบแต่ละตัวมีอะไรกันบ้าง ต้องบอกแบบนี้ก่อนว่าทำไมมันถึงสำคัญ เพราะองค์ประกอบทั้ง 5 ด้านนี้ก็เป็นเหมือนกับ Framework ที่ช่วยให้เราสามารถวางแนวทางที่ชัดเจนและมีระบบระเบียบขึ้นได้ สำหรับการสร้างแบรนด์
เพราะเราจะได้ค่อย ๆ พิจารณาไปทีละองค์ประกอบของ Framework ซึ่งก็จะทำให้เราเห็นจุดแข็งจุดอ่อน และนำมากำหนดข้อได้เปรียบเสียเปรียบให้กับแบรนด์ตัวเองได้ เพราะถ้าเราเข้าใจตัวเองได้แบบชัดเจนมากยิ่งขึ้น ก็จะทำให้สามารถสื่อสารแบรนด์ออกไปยังกลุ่มเป้าหมายได้ดีขึ้น
และสิ่งที่สำคัญเลยก็คือเรื่องของความสม่ำเสมอ ในบางครั้งถ้าเราอยากให้คนจำเราแบบไหน ก็ไม่ใช่ว่าเราจะสามารถเสกภาพนั้นเข้าหัวผู้คนได้เลยในทันที แต่เราต้องวางแผนและค่อย ๆ สร้างภาพลักษณ์นั้นขึ้นมาด้วยความสม่ำเสมอ สร้างความไว้วางใจและความเชี่ยวชาญในด้านของตัวเอง
#1 Awareness สร้างการรับรู้
มาเริ่มกันที่องค์ประกอบ A แรก อย่าง Awareness ที่เป็นคำที่ทุกคนคงจะคุ้นเคยกันดีอยู่แล้วใช่ไหมคะ ถ้าพูดให้เข้าใจง่ายก็คือการทำให้เราเป็นที่รู้จักนั่นล่ะค่ะ
อย่างการ Present ตัวเราออกไป ไม่ว่าจะเช่นบน Website, สร้าง Blog, เพจ หรือตามโซเชียลมีเดียต่าง ๆ เพื่อสื่อสารสิ่งที่เป็นตัวเราหรือสิ่งที่เรารู้เกี่ยวกับมันดีที่สุด ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อคนอื่นและทำให้คนรู้จักเราได้มากขึ้น
ซึ่งการจะทำให้ชื่อของเราเป็นที่รู้จักในวงกว้างได้นั้น คือคนต้องรู้ว่าเราเป็นใครและทำอะไร ก็อย่างทุกวันนี้ที่คนไถฟีดกันทุกเวลา สังคมออนไลน์เข้ามามีบทบาทมากขึ้นทุกวัน การสร้างตัวตนออนไลน์ก็เป็นสิ่งที่เราควรจะต้องทำ เพื่อเข้าถึงคนที่อาจจะสนใจเราได้มากขึ้น ตัวอย่างเช่น
- การสร้าง Website หรือช่องทางที่ดูมีความเป็นมืออาชีพ : ที่แสดงถึงทักษะ ประสบการณ์ที่เรามี และความสำเร็จของเรา เป็นต้น จะได้เป็นการทำให้คนรู้จักเรามากขึ้นและสร้างความน่าเชื่อถือด้วย
- มีส่วนร่วมในแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย : อย่างการแชร์คอนเทนต์ที่มีประเด็นเกี่ยวข้องกับเรื่องที่เราถนัด มีส่วนร่วมในการสนทนา จะได้ Connect กับคนอื่นในสังคมเดียวกัน
- ร่วม Community ทั้งออนไลน์และออฟไลน์ : นอกจากมีส่วนร่วมในออนไลน์แล้ว ก็ลองเข้าร่วมพวกงาน Event ในกลุ่มธุรกิจต่าง ๆ จะได้รู้จักและพูดคุยกับที่มีความสนใจเหมือนกับเรา ซึ่งอาจนำไปต่อยอดได้อีก
เพราะหากเราไม่ให้ความสำคัญกับการสร้าง Awareness ให้มากพอ หรือที่หมายถึงว่ายังไม่มีใครรู้จักเราด้วยซ้ำ แบบนี้ A อื่น ๆ ที่จะตามมาทั้งหมดก็อาจจะไม่มีความสำคัญ
#2 Authority เป็นผู้เชี่ยวชาญ
เมื่อคนเริ่มรู้จักเราแล้ว ก็ต้องสร้างตัวตนของตัวเองให้เป็นผู้เชี่ยวชาญในหมวดที่เราถนัด พูดง่าย ๆ ก็เหมือนคนไม่สบายแล้วอยากจะไปหาคุณหมอ เพราะรู้ว่าหมอมีความสามารถ ความเชี่ยวชาญที่จะรักษาเราได้ดีแน่ ๆ ในมุมของการสร้างแบรนด์ก็เช่นกันค่ะ
ความเป็นผู้เชี่ยวชาญในด้านที่เราถนัด มันก็จะสร้างความน่าเชื่อถือและความไว้วางใจให้กับคนที่มาติดตามเราได้ เช่น การทำคอนเทนต์ที่เป็นประโยชน์ ให้คำแนะนำในสิ่งที่เรารู้จักมันดีมากพอที่จะส่งต่อความรู้ให้คนอื่น ๆ ได้
- ทำคอนเทนต์ที่ดี มีคุณภาพ : แบ่งปันความรู้และความเชี่ยวชาญของเราผ่านช่องทางต่าง ๆ
- พูดในงาน Event ของอุตสาหกรรมนั้น ๆ : นำเสนอในหัวข้อที่เราสนใจและมีความถนัด
- มีใบรับรอง Certifications : แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาวิชาชีพ มีการศึกษาหาความรู้และพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่อง
ก็อย่างที่เห็นกันว่าในข้อนี้ก็สามารถทำได้หลากหลายช่องทางค่ะ ไม่ว่าจะเป็นการเขียนบทความที่เป็นประโยชน์ เขียนหนังสือ คอนเทนต์ออนไลน์ พูดในงาน Event ฯลฯ เราก็ต้องมาประเมินดูว่าช่องทางไหนที่เหมาะกับเราและแบรนด์ของเรามากที่สุด
อาจจะเริ่มจากสิ่งที่รู้สึกเป็นธรรมชาติที่สุดก่อนค่ะ หมายถึงว่าถ้าชอบสื่อสารผ่านการเขียน ก็อาจจะเริ่มจากการทำเพจเล่าเรื่อง แล้วในอนาคตอาจพัฒนาต่อยอดขยายไปช่องทางอื่น ๆ เป็นต้น ค่อย ๆ ปรับเปลี่ยนกันไปได้ค่ะ
ทั้งนี้แน่นอนว่าโลกมันหมุนไปเร็วมากค่ะ แต่สิ่งที่ควรระวังก็คืออย่าตามเทรนด์มากจนหลงทางของตัวเอง หรืออยากตามกระแสเร็วจนทำให้เนื้อหาคอนเทนต์มีคุณภาพต่ำหรือดีไม่สม่ำเสมอออกมา อย่างเช่นสมัยนี้ที่คลิปวิดีโอสั้น ๆ กำลังเป็นที่ฮิตฮอตและได้รับความสนใจในหลายแพลตฟอร์มมาก แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าให้เราเลิกทำคอนเทนต์ที่เป็นตัวหนังสือ ถ้าหากว่าเราก็เป็นหนึ่งในคนที่เขียนได้ดี
#3 Authenticity จริงใจ เชื่อถือได้
มาต่อกันที่ A ที่ 3 คือ Authenticity หรือความจริงใจ เชื่อถือได้ ซื่อสัตย์ทั้งต่อตัวเองและผู้อื่นด้วย อย่างการทำคอนเทนต์ที่สะท้อนถึงค่านิยมและมุมมองของเรานั่นเอง
ความเรียล ๆ นี่แหละค่ะ เหมือนคนศีลเสมอกันก็จะดึงดูดเข้าหากัน สิ่งนี้ก็เช่นกันที่จะช่วยดึงดูดผู้ชมหรือผู้ติดตามที่เหมาะสม เพราะเขาจะรู้สึกว่าสามารถเชื่อมโยงหรือเข้าใจในสิ่งที่เราสื่อสารได้
รวมถึงการ Connect กับแบรนด์ในระดับที่ลึกซึ้งขึ้นได้ เพราะคนไว้วางใจในสิ่งที่เราสื่อสารหรือนำเสนอออกไป ดังนั้นความจริงใจจะช่วยให้เราค้นพบแฟน(คลับ)ตัวจริงที่จะมาอยู่กับเราในระยะยาวได้ พูดง่าย ๆ คือถ้าเราไม่จริงใจ หรือแม้แต่แค่คนได้กลิ่นตุ ๆ ว่าเฟค ใครจะอยากเข้าหาใช่ไหมคะ
ยิ่งสมัยนี้เทคโนโลยีที่เร็วแรงผสมสกิลตำรวจนักสืบโซเชียลต่าง ๆ แน่นอนชาวเน็ตสามารถมองเห็นความไม่จริงใจได้จากระยะไกล 500 เมตร ดังนั้นถ้าเราเป็นตัวของตัวเองแบบจริงใจมันก็คงจะดีและปลอดภัยกับแบรนด์มากกว่า
- Identify core values : ต้องรู้ว่าตัวเองให้คุณค่ากับอะไร มีความเชื่อหรือค่านิยมหลักอะไร แล้วปรับแบรนด์ให้สอดคล้องกับสิ่งเหล่านั้น
- หา Unique voice : ลองคิดดูว่าอะไรที่ทำให้เราแตกต่างจากคนอื่นในกลุ่มอุตสาหกรรมเดียวกันได้บ้าง ทำให้ความเป็นตัวเราที่ถูกสื่อสารออกมาผ่านการทำคอนเทนต์หรือการไป Connect กับคนอื่นมันเปล่งประกาย Shine ออกมาให้ได้
- ใช้ความโปร่งใส จริงใจ ซื่อสัตย์ : จริงใจกับผู้ติดตามแต่แรก อย่าพยายามเป็นคนที่เราไม่ได้เป็น เพราะคนเราเป็นคนอื่นได้ไม่นาน
#4 Appearance รักษาภาพลักษณ์
ภาพลักษณ์ในที่นี้ก็คือคนมีมุมมองหรือภาพจำต่อเราหรือแบรนด์ของเรายังไง ทั้งนี้มันก็มีหลาย ๆ อย่างที่จะสะท้อนได้ อย่างเช่น การแต่งตัว หรือวิธีที่เราพูดและสื่อสารออกไป อย่างถ้าอยากให้คนรับรู้และจดจำว่าเราเป็นแบรนด์ที่เข้าถึงได้ง่าย เวลาที่สื่อสารออกไปหรือทำคอนเทนต์ต่าง ๆ ภาพรวมมันก็จะเป็นไปในทิศทางนั้น เช่น ภาษาที่ไม่ได้เป็นทางการมากนัก หรือผสมการมีอารมณ์ขัน เป็นต้น
ดังนั้นเราก็ควรสร้างสไตล์ส่วนตัวให้ชัดเจน และรักษามันอย่างสม่ำเสมอด้วย เลือกสไตล์ที่สะท้อนถึงตัวตน บุคลิกภาพ หรือความเป็นเราทั้งหมดทั้งมวลต่าง ๆ ซึ่งรวมถึงทุกอย่างหลาย ๆ องค์ประกอบ อย่างเช่นดีเทลเล็ก ๆ น้อย ๆ การใช้ฟอนต์บนเว็บไซต์ การใช้ภาษาในการสื่อสารต่าง ๆ
อย่าลืมข้อเมื่อกี้คือจริงใจกับการเป็นตัวเองก่อน ถึงจะเลือกแสดงภาพลักษณ์นั้นออกไป และที่สำคัญเรื่องของภาพลักษณ์เป็นสิ่งที่ต้องค่อย ๆ พัฒนากันไป และใช้ความสม่ำเสมอค่อย ๆ สร้างภาพจำและความน่าเชื่อถือขึ้นมาผ่านสิ่งที่ทำนั่นเอง
#5 Audience กลุ่มเป้าหมาย
อีกหนึ่งพื้นฐานสำคัญและเป็นสิ่งที่เราต้องเข้าใจที่สุดนั่นก็คือกลุ่มเป้าหมาย คือเราต้องเข้าใจว่ากำลังพูดกับใคร คนติดตามเราเป็นคนลักษณะไหน และต้องการอะไรจากเรา ชอบคอนเทนต์แบบไหนเป็นพิเศษ เป็นต้น อย่างเพจชอบโปร กับกลุ่มเป้าหมายที่อยากรู้โปรโมชันที่กำลังมา หรือรวมแจกพิกัดสิ่งของ/สถานที่เที่ยวมาให้เลย ช่วยลดเวลาในการเสิร์จหาข้อมูลเอง
เพราะแน่นอนว่าการเข้าใจคนที่ติดตามเราแบบลึกซึ้ง จะเป็นอีกตัวช่วยแน่นอนที่ทำให้เราสร้างคอนเทนต์ที่คนจะเข้าใจและชอบ เหมือนมีเป้าหมายที่แม่นยำเฉียบคมขึ้นนั่นเอง ซึ่งจะทำให้คนหันมาสนใจแบรนด์เราได้ ท่ามกลางการแข่งขันและคู่แข่งอื่น ๆ อีกหลายสิบร้อยแบรนด์
ซึ่งทั้งนี้อาจจะใช้ระยะเวลาในการศึกษาหน่อย หรือค่อย ๆ ลองผิดลองถูกและปรับกันไป ทดลองทำและติดตามผลว่าคนชอบคอนเทนต์แบบไหน อะไรที่เขาชอบหรือไม่ชอบ ถ้าเราเข้าใจและสามารถปรับเนื้อหาคอนเทนต์ให้เหมาะกับผู้ติดตามได้ ก็จะช่วยสร้างความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นขึ้น แบรนด์เราก็เปรียบเสมือนเป็นแหล่งข้อมูลที่มีคุณค่า มีสาระประโยชน์ให้กับคนอื่นด้วย
5A Personal Branding คืออะไร สำคัญยังไงกับการสร้างแบรนด์
สุดท้ายแล้วการสร้าง Personal Branding อาจเป็นเรื่องที่ต้องใช้ระยะเวลากันสักหน่อย ในการจะสร้างภาพลักษณ์ที่ดี สร้างความน่าเชื่อถือและไว้วางใจ ทำให้คนอยากอยู่กับเราไปนาน ๆ แต่ผู้เขียนก็เชื่อว่าทุกคนจะสามารถหาแนวทางความเป็นตัวเองจนเจอ และสื่อสารมันออกมาได้ดีอย่างแน่นอน
หวังว่าบทความนี้จะช่วยสร้างไอเดียและเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อยนะคะ แล้วมาเจอกันใหม่ในบทความหน้า ฝากติดตามด้วยนะคะ และทุกคนสามารถติดตามบทความด้านการตลาดเพิ่มเติมได้จากเพจการตลาดวันละตอนที่ เว็บไซต์ Facebook Instagram Twitter Youtube ได้เลยค่า
Source Source Source