Parents

Data-Driven Marketing แคมเปญการตลาดงบน้อยแต่ฉลาดใช้ดาต้าของ Prospan

04/06/2020

นี่คือแคมเปญการตลาดในยุค Data-Driven Marketing Campaign ที่แม้จะมีงบการตลาดน้อยกว่ามากแต่ก็มีประสิทธิภาพมากกว่าเยอะ เมื่อยาแก้ไอ Prospan มีงบการตลาดไม่มากพอจะสู้คู่แข่งแบรนด์ใหญ่ พวกเขาเลยใช้ Data ที่หลากหลายเข้าสู้ผ่านแคมเปญการตลาดที่ชื่อว่า Don’t Ignore a Cough ที่เลือกแสดงให้เฉพาะคนที่น่าจะกำลังไม่สบายเท่านั้นเห็น จนส่งผลให้ยอดขายเพิ่มขึ้น 26% ด้วยงบการตลาดที่ลดลงได้กว่า 67% ครับ ต้องบอกก่อนว่าในตลาดอุตสาหกรรมยานั้นมีการแข่งขันกันสูงมาก ตั้งแต่การ Bidding Keyword แข่งกันนั้นก็ทุ่มงบกันแบบมหาศาล เมื่อแบรนด์ที่ไม่ได้มีงบการตลาดแบบพ่อบุญทุ่มอย่าง Prospan ที่มีสินค้าเป็นยาแก้ไอที่ไม่ต่างอะไรจากคู่แข่งในท้องตลาดมากนัก สิ่งที่ทีมการตลาดของแบรนด์นี้ทำคือทำอย่างไรจะให้งบการตลาดที่มีนั้นก่อให้เกิดยอดขายกลับมามากที่สุด เมื่อวิเคราะห์ลงไปก็พบว่างบการตลาดส่วนใหญ่ถูกใช้ไปอย่างไม่เกิดผล แล้วไอ้ที่เกิดผลก็ไม่ค่อยแน่ใจกันด้วยซ้ำว่าเกิดจากความตั้งใจหรือบังเอิญฟลุ๊คขายได้ด้วยซ้ำ ที่เป็นแบบนี้ก็เพราะการตลาดส่วนใหญ่ยังคงตัดสินใจทำกันแบบใช้สัญชาติญาณหรือประสบการณ์ส่วนตัว คิดว่าแบบนั้น เชื่อว่าแบบนี้ เคยทำแบบนี้มาแล้วดี ปีก่อนทำแบบนี้มาแล้วปังกันอย่างไรล่ะครับ ทำให้การตลาดส่วนใหญ่ยังคงใช้การหว่านในแบบ Mass Marketing ทั้งที่ในความเป็นจริงของยุค Digital Marketing แบบนี้นั้นเราสามารถเลือกกำหนดกลุ่มเป้าหมายหรือคนที่เราอยากให้เห็นโฆษณาได้แบบเฉพาะเจาะจงเป็นรายคนได้ด้วยซ้ำ และนั่นก็เข้ามาสู่คำถามสำคัญของ Prospan คือ ใครกันล่ะคือคนที่ควรจะเป็นโฆษณาของเรา และคำตอนนั้นง่ายมากก็คือคนที่กำลังไม่สบายหรือไอค่อกๆ แค่กๆ อยู่นั่นเองครับ เมื่อกำหนด Marketing Objective แล้วว่าเราจะสื่อสารกับคนที่กำลังไม่สบายอยู่เท่านั้นเพื่อให้เกิดการใช้งบที่มีให้คุ้มค่า […]

Nattapon Muangtum

Generation Alpha เจาะลึกเจนสำคัญที่เป็นผู้นำของคนทั้งบ้าน

24/01/2020

จากข้อมูลสรุป insight ทุก generation ตั้งแต่ Baby Boomer ยัน Alpha ประจำปี 2020 ที่มีคนแชร์มากกว่า 22,000 ครั้ง (คลิ๊กอ่านได้ที่นี่) มาวันนี้การตลาดวันละตอนจะลงลึกไปกับเจนสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจของคนทั้งบ้าน นั่นก็คือ Generation Alpha หรือเด็กในวันนี้คือผู้นำของคนทั้งบ้านครับ ลองมาดูข้อมูลสำคัญจาก JWT Intelligence กันครับว่า Generation Alpha นั้นเป็นใคร และสำคัญอย่างไรต่อธุรกิจในวันนี้ Who is generation Alpha? แบรนด์ต่างๆในวันนี้พากันให้ความสนใจกับ generation alpha ไม่น้อย ด้วยความที่คนในเจนนี้เกิดมาพร้อมกับเทคโนโยลีดิจิทัลรอบตัว เอาเป็นว่าเกิดมาก็เล่น YouTube เป็นก่อนจะพูดได้คล่องแล้ว เด็กเจนนี้จะเกิดในช่วงปี 2010 ถึง 2025 หรือนับง่ายๆว่าใครที่มีอายุตั้งแต่ 9 ขวบลงไปเรียกว่า generation alpha ได้เต็มปาก และที่สำคัญคือพวกเขาเหล่านี้แหละที่จะมาเปลี่ยนวิธีการคิดและทำงานของนักการตลาดใหม่อีกครั้ง(อีกแล้วเหรอ!) ด้วยความที่ผู้ปกครองยุคใหม่ หรือที่เรียกกันว่า millennial parents […]

Nattapon Muangtum

Peekaboo Mask ใช้ความน่ารักเข้าสู้ฝุ่น PM 2.5

22/01/2020

ปัญหาฝุ่น PM 2.5 ที่กำลังเป็นวิกฤตที่ประเทศไทย ว่าแก้อย่างไรก็ไม่หาย และเด็กส่วนใหญ่ก็ไม่อยากใส่หน้ากากกันฝุ่นเหมือนกัน จนส่งผลให้บรรดาพ่อแม่เกิดความไม่สบายใจว่าจะปกป้องลูกน้อยจากฝุ่น PM 2.5 นอกบ้านที่ไม่มีเครื่องฟอกอากาศได้อย่างไร และปัญหาฝุ่น PM 2.5 ก็ไม่ได้เกิดขึ้นแค่ในประเทศไทย แต่ยังเกิดขึ้นที่ประเทศพัฒนาแล้วอย่างเกาหลีใต้้ด้วยเหมือนกัน ดังนั้นวันนี้เราลองมาดูกันซิว่า ที่ประเทศเกาหลีเค้ามีไอเดียอย่างไรที่จะทำให้เด็กๆอยากใส่หน้ากากให้พ่อแม่สบายใจกันอีกครั้ง เมื่อเด็กกว่า 70% ไม่ชอบใส่หน้ากากกันฝุ่น PM 2.5 ทางการเกาหลีให้ข้อมูลว่าเด็กชาวเกาหลีมากถึง 70% ไม่ชอบใส่หน้ากากกัน ทำให้พวกผู้ใหญ่เกิดความกังวลใจอย่างหนักว่าจะส่งผลต่อสุขภาพทั้งในระยะสั้นและในระยะยาว ทางการเกาหลีใต้จึงร่วมมือกับเอเจนซี Cheil Worldwide Seoul ในการคิดหาทางว่าจะทำอย่างไรที่จะทำให้เหล่าเด็กๆอยากหยิบหน้ากากขึ้นมาใส่กันด้วยตัวเองครับ กลยุทธ์เปลี่ยนหน้ากากให้กลายเป็นน่ารัก เพราะความน่ารักนั้นเป็น universal หรือความน่ารักนั้นเป็นสากลที่ไม่ว่าใครเห็นก็ต้องชอบ โดยเฉพาะบรรดาเหล่าเด็กๆที่ชื่นชอบความน่ารักแบบตัวละครการ์ตูนที่ตัวเองดูเป็นประจำ เลยทำให้เกิดหน้ากากกันฝุ่น PM 2.5 ใหม่ที่พอใส่แล้วดูน่ารักภายใต้แคมเปญที่ชื่อว่า Peekaboo Mark Peekaboo Mark คือหน้ากากที่ใส่ลวดลายการ์ตูนน่ารักของสัตว์ต่างๆเข้าไปให้ถูกจริตเด็ก และที่พิเศษกว่าแค่ลายการ์ตูนคือพอใส่แล้วหายใจก็จะเห็นความเปลี่ยนแปลงว่ากำลังป้องกันฝุ่นร้ายจริงๆนะ ด้วยหมีกที่เปลี่ยนตามอุณหภูมิ หรือที่เรียกว่า thermochromic ink ทำให้เมื่อหายใจเข้าจะเห็นสีดำที่สื่อถึงฝุ่น PM 2.5 แต่พอหายใจออกสีดำที่สื่อถึงฝุ่นร้ายก็จางหายไปเหลือแต่ลวดลายน่ารักเท่านั้น ด้วยความน่ารักของลายและสามารถเห็นการเปลี่ยนแปลงได้ทันตา […]

Nattapon Muangtum

Vanish Endless Stories Creative demonstration

Vanish Endless Stories ไอเดียการตลาดที่โชว์ความสะอาดไม่รู้จบ ผ่านสมุดระบายสีซักได้

10/01/2020

เมื่อผงซักฟอกในวันนี้สะอาดแทบไม่ต่างกัน แบรนด์เลยต้องหาทางบอกเล่าความสะอาดในรูปแบบใหม่ ใหม่ขนาดที่ว่าต้องทำให้คนทึ่งกับความสะอาดในแง่มุมนั้นก่อนใครจะเคลมไปครับ Vanish ผงซักฟอกเข้มข้นความสะอาดสูงที่มีไอเดียโชว์พลังความสะอาดในมุมใหม่ที่ไม่เหมือนใคร เพราะแม้แต่ผ้าที่ถูกเอามาให้เด็กระบายสีแบบจัดเต็มยังสามารถซักให้ขาวสะอาดเหมือนใหม่ได้ จนดูไม่รู้เลยว่าเคยผ่านการระบายสีสันกันมาแล้วกี่ครั้งครับ Vanish Endless Stories เป็นไอเดียเรียกว่า Creative demonstration ที่ไม่ว่าใครเห็นก็ต้องทึ่ง และไม่ใช่แค่ทึ่งแบบไร้เหตุผล เพราะยังกลับมาตอบกลุ่มเป้าหมายที่เป็นแม่บ้านที่ต้องคอยซักผ้าดูแลลูกชัดเจนครับ ด้วยกลุ่มเป้าหมายที่เป็นแม่บ้านแถมยังต้องดูแลลูกเด็ก และสิ่งที่เด็กชอบที่สุดก็หนีไม่พ้นการวาดรูประบายสีตามจินตนาการครับ ยิ่งมีนิทานเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดภาพ เด็กๆก็จะยิ่งปลดปล่อยจินตนาการออกมาเป็นเส้นและสีมากมาย แน่นอนว่าในช่วงระหว่างนั้นเด็กที่เคยซนก็จะสงบลงในทันทีครับ เมื่อเด็กๆได้ทั้งวาดและระบายลงบนสมุดที่ทำมาจากผ้า ก็ถึงเวลาทำหน้าที่ของ Vanish ที่แค่เอาสมุดเล่มนี้ใส่ลงไปในเครื่องซักผ้า พร้อมกับผงซักฟอกเข้มข้น Vanish ลงไป ง่ายๆเท่านี้สมุดผ้าวาดภาพระบายสีก็กลับมาขาวสะอาดเหมือนใหม่ เหมือนไม่เคยเปื้อนอะไรมาก่อนเลยครับ นี่เป็นไอเดียการ Demonstrates ที่มี Creativity สูงมาก เพราะในเมื่อสินค้าของตัวเองไม่ต่างกับคู่แข่งมาก ก็เลยใช้ Strategy ในการสาธิตให้ต่างจนแม่บ้านกลุ่มเป้าหมายต้องจำ บางครั้งจุดพูดหรือ What to say อาจไม่จำเป็นต้องต่าง เพราะถ้า Creative ต่างจนเห็นได้ชัดเหมือน Vanish Endless Stories ใครเห็นก็จำ และแน่นอนว่าถ้าทำได้ดีขนาดนี้ก็ไม่ต้องกลัวคู่แข่งจะทำตามครับ Source: https://marcommnews.com/betc-sao-paulo-creates-a-washable-book-for-vanish-that-will-change-the-stories-at-each-wash/

Nattapon Muangtum

Sensitive Marketing กับประเด็นที่อ่อนไหวของ Brand

06/11/2019

สองสามปีมานี้ “แคมเปญคนดี” เกิดขึ้นมากมาย จริงๆก็มีมานานแล้ว ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีมากๆเลยครับ แต่ปีสองปีที่ผ่านมาแตกต่างอย่างชัดเจน เพราะแบรนด์ส่วนใหญ่ไม่ได้ออกมาแสดง ความคิดเห็น ความเชื่อ อย่างเดียวอีกแล้ว เพราะอะไร? และนี่ก็คือบทความการสร้างแบรนด์ที่ว่าด้วยหัวข้อ Sensitive Marketing จาก BX24 ครับ เพราะความชินตา เพราะสิ่งเหล่านี้เราเห็นบน Facebook Twitter สื่อโซเชียลทั้งหลายทุกวัน การโพสท์เรื่องราว หรือแม้แต่ mime ที่เป็นคติเตือนใจ สร้างแรงบันดาลใจจากคำพูดเกิดขึ้นเยอะมาก ที่สำคัญ ใครๆก็ทำได้ หลายแบรนด์จึงหันเอาจริงเอาจังกับการเป็นคนดี ที่มากกว่าคิดดี คือ ทำดีให้ดู ประมาณว่า ฉันเชื่อแบบนี้ แต่ฉันไม่ได้แค่พูดนะ ฉันทำด้วยฉันทำให้ดู เธอสนใจมั้ย มาทำด้วยกันสิ ถ้าจะยกกรณีดีดีของไทย ก็มีนะครับ เช่น ปตท. ที่ปลูกป่าในเมืองเพื่อให้คนในเมืองได้ใกล้ชิดผูกพันธรรมชาติมากขึ้น ปลูกฝังความรักป่าให้กับเด็กๆตั้งแต่ในเมืองแล้ว กรณีแบบนี้ล่ะครับ คือ ฉันเชื่อ และฉันทำ แต่มีกรณีที่ยากกว่านั้นครับ น่าสนใจมาก บางแบรนด์มีความอ่อนไหว ด้วยตัวสินค้าเอง จะทำอย่างไรให้คนเข้าใจ และรักแบรนด์ […]

BX24

Sprout อาหารเด็กออร์แกนิค ทำเพลงช่วยป้อนข้าวลูกน้อย จับกลุ่ม Millennial Parents

14/07/2019

Millennial Parents หรือพ่อแม่ยุคใหม่ในวันนี้ ที่มีลูกน้อยคนลงกว่าพ่อแม่ยุคก่อนมาก นั่นหมายความว่าพวกเค้าจะทุ่มเทให้กับลูกมากขึ้น และนั่นก็ทำให้ตลาดอาหารเด็กคุณภาพสูงที่เป็นออร์แกนิคโตมากขึ้นทุกที และก็ยิ่งแข่งขันกันสูงมากขึ้นเรื่อยๆ Sprout ก็เป็นอาหารเด็กน้อยออร์แกนิคอีกหนึ่งแบรนด์ในตลาดสหรัฐอเมริกา ที่ต้องพยายามหาทางทำให้ตัวเองแตกต่างจากคู่แข่งที่มีอยู่เต็มท้องตลาดให้มากที่สุด เมื่อวัตถุดิบที่ใช้ก็ออร์แกนิคและดีต่อสุขภาพแบบสุดๆไม่ได้ต่างกันมาก ก็เลยเป็นหน้าที่ของนักการตลาด New Gen ที่ต้องคิดหา Solution ใหม่ๆเพื่อทำให้ตัวเองเติบโตต่อไปท่ามกลางตลาดในสภาพ Red Ocean ครับ จนเกิดเป็นเครื่องมือการตลาดชิ้นใหม่ Sophie Sprout ที่สามารถช่วยพ่อแม่ยุคใหม่ Millennial Parents หลอกล่อให้ลูกน้อยกินอาหารง่ายขึ้น หรือช่วยลดความเหนื่อยยากในการป้อนข้าวลูกให้น้อยลงนั่นเอง Sophie Sprout มาในรูปแบบเพลง เพลงที่พร้อมจะร้องชวนให้เด็กๆกินอาหารตรงหน้าด้วยความสนุกสนาน ผ่านอุปกรณ์อย่างลำโพงอัจฉริยะ Amazon Alexa ที่มีอยู่ในบ้านของคนอเมริกาส่วนใหญ่ในวันนี้ครับ วิธิการก็ง่ายมาก แค่เพียงบอกพูดบอกลำโพงอัจฉริยะ Alexa ว่า “เปิด Sophie Sprout หน่อย” ง่ายๆเท่านี้ Sophie Sprout ก็จะตอบกลับมาว่า “ชั้นอยู่นี่แล้ว ชั้นมาจากแบรนด์ Sprout Food เอาล่ะ เธออยากจะกินแบบไหน กินแบบธรรมดาหรือกินแบบมันส์ๆกันล่ะ” […]

Nattapon Muangtum

กลยุทธ์การตลาดจากBenz ที่เจาะกลุ่มผู้ปกครองด้วยโชว์รูมสําหรับเด็ก

21/04/2019

การตลาดวันละตอนวันนี้ผมมีกรณีศึกษา กลยุทธ์การตลาดจาก Benz มาเล่าให้ฟังครับต้องบอกก่อนว่างานนี้เบนซ์เขาเล่นใหญ่ด้วยการเปิดโชว์รูมไซซ์เล็ก สำหรับครอบครัวที่มีเด็กให้มาลองขับเบนซ์มินิเล่นรอบห้าง เพื่อดึงดูดกลุ่มครอบครัวรุ่นใหม่ที่คุณพ่อยังหนุ่มคุณแม่ยังสาว ให้เดินเข้ามาโชว์รูมเบนซ์แทนที่จะเป็นแบรนด์อื่น มาดูกันครับว่ากลยุทธ์การตลาดของ Benz จะได้ใจเด็กๆ และคุณพ่อ คุณแม่ ได้แค่ไหน เมื่อการซื้อรถเป็นเรื่องที่ต้องอาศัยปัยจัยภายในครอบครัว เมื่อการซื้อรถใหม่คันใหญ่ขึ้นไม่ใช่แค่เรื่องส่วนตัวอีกต่อไปเมื่อเรามีครอบครัวแล้ว แต่กลายเป็นการตัดสินใจร่วมกันของคนทั้งบ้าน โดยเฉพาะกลุ่มพ่อแม่รุ่นใหม่หรือที่ศัพท์การตลาดเรียกว่า Millennial Parents นั้นให้ความสำคัญกับลูกมากกว่าความชอบของตัวเองด้วยซ้ำ เรียกได้ว่าใครก็ตามทำที่ให้ลูกเราชอบได้ เหตุผลที่เหลือมันพอจะถัวๆ กันไปได้ไม่ยาก ดังนั้นคีย์สำคัญในครั้งนี้ที่เบนซ์เลือกให้ความสนใจเลยเป็นเด็กของครอบครัว หรือบรรดาลูกคนเดียวที่พ่อแม่ยุคใหม่ให้ความสำคัญมากเป็นพิเศษครับ Benz เล่นใหญ่ ด้วยกลยุทธ์การตลาดที่เน้นเจาะกลุ่มผู้ปกครอง แคมเปญการตลาดครั้งนี้เบนซ์ไม่ได้ทำเล่นๆ แต่จัดใหญ่จัดเต็ม ด้วยการทำเป็นโชว์รูมจริงๆขึ้นมาในห้างสรรพสินค้าที่ใหญ่เป็นอันดับสองของอเมริกาเลยทีเดียว โดยในโชว์รูมนี้มีการประดับตกแต่งอย่างดีด้วยจอ LED เต็มผนัง ให้ประสบการณ์หรูหราแบบเบนซ์เต็มที่จนผู้ใหญ่ยังต้องเหลียวมอง หรือแม้แต่ตัวรถไซซ์เล็กก็ถูกทำให้ใกล้เคียงของจริงมากที่สุด ตั้งแต่ระบบไฟ แตร เบรก หรือปุ่มสตาร์รถ ที่วำคัญยังสามารถวิ่งด้วยความเร็วตั้งเกือบ 5 กิโลเมตรแน่ะ เรียกได้ว่าถ้าเด็กคนไหนได้ลองขับเบนซ์คันนี้คงยากที่จะยอมคืนรถแล้วเดินกลับบ้านตัวเปล่าแน่ๆ และที่สำคัญพนักงานในร้านก็ยังเป็นเด็กที่ถูกฝึกอบรมมาสมกับเป็นพนักงานของเบนซ์อย่างดีเลยล่ะครับ เรียกได้ว่าทำแคมเปญได้ไม่หลุดความเป็นแบรนด์แม้แต่น้อย ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว สำหรับกลยุทธ์การตลาดของ Benz ในครั้งนี้นับว่าฉลาดมาก เพราะทางเบนซ์ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจให้น้องๆ หนูๆ ลองเทสไดร์ฟเล่นเฉยๆ แต่ถ้าเด็กคนไหนสนใจอยากจะได้ไว้ที่บ้านสักคัน ทางพ่อแม่ก็สามารถสั่งซื้อออนไลน์ไปส่งที่บ้านได้ทันที […]

Nattapon Muangtum

Meetic แอพหาคู่ จับกลุ่มพ่อแม่เลี้ยงเดี่ยว ด้วยฟรีพี่เลี้ยงถ้าออกเดทกับเรา

23/03/2019

Meetic แอพหาคู่ จับกลุ่มพ่อแม่เลี้ยงเดี่ยว ด้วยฟรีพี่เลี้ยงถ้าออกเดทด้วยแอพเรา เมื่อคู่แข่งของแอพหาคู่ Meetic ไม่ใช่แอพหาคู่อื่น แต่เป็นเวลาว่างอันน้อยนิดของบรรดาพ่อแม่เลี้ยงเดี่ยวทั้งหลาย เลยเกิดเป็นแคมเปญการตลาดที่อาสาเพิ่มเวลาว่างให้กลุ่มเป้าหมายได้ออกไปเดทเมื่อใช้แอพนี้ Meetic บริษัทหาคู่ที่ประเทศฝรั่งเศส ที่เป็นเจ้าของเดียวกับเว็บ match.com พบว่าอุปสรรคที่แท้จริงไม่ใช่แอพคู่แข่งไม่ว่าจะ Tinder หรือแอพอื่น แต่เป็นเวลาว่างที่หาได้ยากมากของบรรดาคุณพ่อคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวทุกวันนี้ เพราะจากข้อมูลพบว่าบรรดาพ่อแม่เลี้ยงเดี่ยวทุกวันนี้มีเยอะขึ้นมาก และพอกลายเป็นพ่อแม่เลี้ยงเดี่ยวก็เท่ากับว่าเวลาว่างจะให้ตัวเองยังไม่ค่อยจะมี ทำให้ไม่ต้องพูดถึงเวลาที่จะออกไปเดทกับคนใหม่นอกบ้านเลย พี่เลี้ยงเด็ก ฟรี 3 ชั่วโมง ทาง Meetic เลยเสนอว่า “เอาแบบนี้แล้วกัน ถ้าคุณมาใช้บริการเรา เดี๋ยวเราดูแลลูกคุณให้เอง 3 ชั่วโมง” แล้วทำไมต้อง 3 ชั่วโมง? เพราะจากข้อมูลบอกว่าช่วงเวลาในการออกเดทส่วนใหญ่แล้วอยู่ที่ราวๆสองชั่วโมงนิดๆ ดังนั้นทาง Meetic เลยเสนอว่าเราดูแลลูกให้คุณเอง 3 ชั่วโมงเต็ม เพื่อให้คุณพ่อคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวได้ออกไปเดทอย่างสบายใจ พอรู้แบบนี้แล้วก็เดาได้เลยนะครับว่า บรรดากลุ่มพ่อแม่เลี้ยงเดี่ยวที่ต้องการจะหาคู่ใหม่จะใช้บริการเว็บไหนมากกว่ากัน ระหว่างเว็บทั่วไปหรือ Meetic นี้ เพราะรู้มั้ยครับว่าบริการฝากเลี้ยงเด็กที่ต่างประเทศสูงถึงชั่วโมงละ 10 ยูโรเลยทีเดียว คุณเห็นมั้ยครับว่า ถ้าเรามองว่าคู่แข่งคือแอพหรือเว็บอื่น ที่ให้บริการหาคู่กับลูกค้าเหมือนกัน ก็คงไม่ออกมาเป็นการตลาดรูปแบบนี้ แต่ Meetic […]

Nattapon Muangtum

การตลาด Volkswagen ทำแอพเล่านิทานเพื่อลูก เพื่อซื้อใจพ่อแม่ผู้ซื้อรถ

19/03/2019

การตลาด Volkswagen ที่ทำแคมเปญด้วยแอพเดียวได้นกสองตัว นกสองตัวที่ว่าก็คือพ่อแม่ที่นั่งเบาะหน้า และลูกที่นั่งเบาะหลังครับ แคมเปญการตลาดเพิ่มยอดขายของ Volkswagen ที่ประเทศเนเธอร์แลนด์ เลือกทำ mobile application เล่านิทานที่สนุกมากๆขึ้นมาชื่อว่า Snelweg Sprookjes หรือภาษาอังกฤษว่า Road Trip โดยแอพนี้จะทำงานก็ต่อเมื่อรถกำลังแล่น และไม่ใช่แค่รถกำลังแล่นเท่านั้นถึงจะเล่า แต่ยังเล่านิทานที่แตกต่างกันไปตามเส้นทางที่รถกำลังวิ่งด้วย Personalized Experience เพราะนิทานแต่ละเรื่องในแอพนี้จะเล่าตามบรรยากาศรอบตัวที่สามารถมองเห็นได้จากเบาะหลังที่เด็กนั่ง เช่น ถ้ารถกำลังจะเข้าอุโมง นิทานก็จะเล่าว่า “เรากำลังอยู่บนยานอวกาศที่กำลังจะวาร์ปไปอีกโลกนึงแล้ว!” หรือถ้ามองออกไปนอกหน้าต่างจากเบาะหลังเด็กกังหันลม นิทานก็จะเล่าทำนองว่า “ดูนั่นๆ กังหันลมนั้นกำลังถูกยักษ์หยิบไปแล้ว” นิทานที่เล่นกับจินตนาการ และจินตนาการที่ล้นเหลือของเด็กก็ช่างเหมาะกับแคมเปญการตลาดผ่านแอพนิทานนี้ของ Volkswagen จริงๆ แล้วรู้มั้ยครับว่าทำไมต้องทำแอพนิทานขึ้นมาเพื่อมัดใจพ่อแม่ เพราะจากข้อมูลของ Volkswagen พบว่ากลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่ของเค้าคือพ่อแม่ที่มีลูกกำลังโตที่ต้องนั่งเบาะหลังเป็นประจำนี่แหละครับ และพอนั่งเบาะหลังพ่อแม่ก็มักจะต้องยื่นโทรศัพท์หรือ iPad ให้เพื่อไม่ให้ลูกงอแง แต่บรรดาพ่อแม่ทั้งหลายก็รู้ทั้งรู้นะครับว่าไม่ดี และก็ไม่อยากให้ลูกตัวเองติดจอมากเกินไปนัก ก็เลยต้องจำใจเพื่อให้ขับรถได้สบายๆถึงปลายทาง Volkswagen เลยเอา insight ตรงจุดนี้ไปต่อยอดจนกลายเป็นแอพเล่านิทานทั้งหมดที่ผมเล่ามาในวันนี้ อ้อ ผมอาจจะลืมเล่าว่าสุดท้ายแคมเปญการตลาดด้วยแอพตัวนี้ไม่เน้นการดูหน้าจอ เพราะหน้าจอของแอพจะไม่มีอะไรเลย แต่เพราะเสน่ห์ของนิทานคือ “เสียง” ครับ […]

Nattapon Muangtum

มาเลอะกันเถอะ แล้ว Omo จะเล่านิทานให้ฟัง

04/08/2018

ความสกปรกเลอะเทอะ ที่ครั้งนึงเป็นที่ไม่ต้องการของพ่อแม่ สมัยเด็กๆคนรุ่นผมที่สามสิบอัพขึ้นไปมักจะโดนดุเวลาเล่นนอกบ้านแล้วเนื้อตัวเลอะเทอะว่าอย่าซนให้มากนัก Omo จึงออกแคมเปญนี้มา วันนี้เสียงดุแบบนั้นนั้นเปลี่ยนไป เมื่อเด็กสมัยใหม่กลับไม่รู้จักออกไปเลอะนอกบ้านเลย เพราะเด็กสมัยนี้ติดจอมือถือหรือแท็บแล็ตมากกว่าตอนผมเป็นเด็กติดทีวีมากมายนัก… เพราะสมัยก่อนการจะดูทีวีที่มีรายการเด็กแต่ละทีไม่ใช่เรื่องง่าย โดยเฉพาะครอบครัวที่ไม่ค่อยมีฐานะอย่างผมก็ได้แต่ต้องรอดูวันหยุดกับช่อง 9 การ์ตูนเท่านั้น แต่เด็กสมัยนี้มีแอพมากมาย เอาแค่ YouTube ก็มีวีดีโอการ์ตูนให้ดูไม่รู้จบ ไหนจะเกมที่พร้อมให้ดาวน์โหลดเล่นได้ฟรีอีกเป็นหมื่นแสนเกม ไม่รู้เหมือนกันว่าน่าอิจฉาหรือเห็นใจเด็กสมัยนี้นะครับ ที่มีเกมและการ์ตูนเป็นตัวเลือกให้เลือกเยอะมาก มากจนไม่ได้เลือกออกไปเล่นสนุกด้วยร่างกายตัวเองบ้างเลย ปัญหานี้เป็นความกังวลของพ่อแม่สมัยใหม่มาพักใหญ่แล้ว ในวันที่ตัวพ่อแม่เองก็ติดมือถือไม่แพ้ลูก แม้จะอ้างว่าต้องทำงานก็ตามที ทางผงซักฟอก Omo หรือ Persil ในบางประเทศที่ประกาศจุดยืนยาวนานว่า Dirt is Good หรือ ยิ่งเลอะซิดี แต่กับเด็กสมัยนี้กลับหารอยเลอะเปอะเปื้อนได้ยากมาก เพราะไม่ออกไปเล่นนอกบ้านเพราะมัวแต่หมกอยู่หน้าจอทั้งวัน หรืออย่างมากถ้าจะเลอะก็คงเป็นคราบอาหารเล็กๆน้อยๆที่กินไปเล่นไปเสียมากกว่า ทาง Omo เลยสร้างหนังสือนิทานขึ้นมาเล่มหนึ่ง ที่เปิดดูจะไม่เห็นอะไรเลยมีแค่หน้ากระดาษขาวๆ แต่หน้ากระดาษขาวๆที่ว่างเปล่านี้เองที่รอให้เด็กมาเติมเต็มเรื่องราวด้วยการเลอะจากการเล่นกับดินนอกบ้าน เมื่อยิ่งเอามือเปื้อนดินมาป้ายๆถูๆกับหน้าหนังสือ เรื่องราวนิทานในเล่มก็ค่อยๆปรากฏขึ้นมา จากนั้นจิตนาการก็จะได้รับการเติมเต็ม แถมหนังสือนิทานเลอะๆเล่มนี้ไม่ได้ทำออกมาเล่นๆ เพราะทางผู้ใหญ่ข้าราชการก็ส่งเสริมให้เด็กออกมาเล่นนอกบ้านหรือออกห่างจากหน้าจอบ้าง ก็เลยส่งเสริมให้หนังสือเล่มนี้เป็นหนึ่งในแฟ้มผลงานสำหรับการเรียนต่อในชั้นมัธยม โลกเปลี่ยนไปมากจากวันที่เรายังเด็ก ครั้งนึงการเลอะเคยเป็นเรื่องที่ต้องระวัง แต่วันนี้การเลอะกลับเป็นสิ่งที่พ่อแม่เรียกร้องให้ลูกออกไปเล่น เล่นเพื่อเรียนรู้ทักษะ เล่นเพื่อเรียนรู้การใช้กล้ามเนื้อ เล่นเพื่อเรียนรู้การเข้าสังคม และเล่นเหมือนที่ครั้งนึงพ่อแม่เองเคยเล่น ไม่รู้เหมือนกันว่าเด็กยุคหน้าจะติดอะไร […]

Nattapon Muangtum

1 2 3