เพราะระบบโฆษณาของ Facebook หรือ Google เองก็ไม่ได้มีให้ติ๊กเลือกว่า “ขอแสดงแอดให้แค่คนที่ไม่สบายเท่านั้นเห็นนะ” ดังนั้นนั่นเลยทำให้แคมเปญ Don’t Ignore a Cough ของ Prospan ที่ใช้ Banner ธรรมดานั้นต้องมีการใช้ Data ที่ Creativity อย่างมากครับ
Data แบบไหนที่เป็นตัวชี้วัดว่าใครน่าจะไม่สบายอยู่ตอนนี้?
และ Data ที่เอามาใช้คาดการณ์หรือ Predict ว่าใครกันนะที่กำลังไม่สบายอยู่ก็ประกอบด้วย 4 Data ดังนี้
Social data ใช้ social listening tool ในการจับว่าคนไหนนะที่กำลังโพสบ่นว่าไม่สบายหรือไอค่อกๆ แค่กๆ อยู่ในตอนนี้
Medicare data เป็นข้อมูลทางการแพทย์ที่ทางทีมการตลาดต้องมีการซื้อหาหรือ Partner มาเพื่อใช้ในการประเมินว่าคนไหนบ้างที่มีแนวโน้มว่าจะไม่สบายง่ายกว่าคนอื่น
Temperature data ข้อมูลสภาพอากาศของในแต่ละท้องที่ ถ้าพื้นที่จังหวัดไหนอากาศปกติไม่ได้หนาว ก็น่าจะมีโอกาสที่คนจะไม่สบายน้อยลง แต่ถ้าพื้นที่ไหนที่มีอากาศต่ำหรือหนาวเย็นมากกว่าปกติ ก็เป็นไปได้ว่าคนที่บ่นว่าตัวเองกำลังไม่สบายลงบนโซเชียลจากข้อ 1 นั้นน่าจะมีโอกาสที่จะไม่สบายจริงๆ มากกว่า
Pollution data ข้อมูลมลภาวะในอากาศ เอาง่ายๆ ก็เหมือนกับแอปที่เอาไว้เช็ค PM 2.5 ในบ้านเรานี่แหละครับ นี่ก็เป็นอีก Public data นึงที่เข้าถึงได้ง่าย และก็เป็นข้อมูลที่ส่งผลต่อการป่วยของเราได้ดีอีกอันนึงด้วยครับ
เมื่อ Data พร้อมทางทีมก็สร้างเป็น Algorithm หรือ Model ขึ้นมาเพื่อคำนวนหาว่าคนไหนนะที่น่าจะมีโอกาสไม่สบายมากที่สุด เมื่อดูจากทั้งข้อมูลการแพทย์ย้อนหลัง ดูจากสภาพอากาศในจังหวัดเค้า แล้วก็ดูจากสภาพมลภาวะที่เป็นตัวเร่ง และข้อมูลตัวชี้วัดที่สำคัญที่สุดอีกอย่างหนึ่งคือ Social data เพราะคนสมัยนี้อะไรนิดหน่อยก็บ่นลงบนโซเชียลเป็นประจำใช่มั้ยล่ะครับ
ดังนั้นทั้งหมดนี้จะเห็นได้ว่าถ้าเรามีงบการตลาดที่น้อย เราก็ยิ่งต้องรู้จักฉลาดใช้ Data ให้ดีขึ้นมากๆ แน่นอนว่าในระยะแรกมันไม่ได้ง่ายและรวดเร็วทันใจ และการทำงานกับ Data ก็ต้องใช้ความพยายามและอดทนอย่างมากถึงจะได้รับผลลัพธ์ดังที่ตั้งใจไว้ครับ
ในยุค Post-Digital ที่อะไรๆ ก็ Data ดังนั้นจะเห็นว่ายิ่งนักการตลาดฉลาดใช้ Data มากเท่าไหร่ คุณก็จะยิ่งเห็นกำไรมากเท่านั้น ลองมาดูเคสการใช้ Data-Driven Marketing อื่นๆ ต่อ แล้วคุณจะพบความอัศจรรย์ของการใช้ Data ในการทำ Marketing ครับ > https://everydaymarketing.co/tag/data-driven/