ในบทความนี้จะพาทุกคนมาดู การตลาด Philadelphia แบรนด์ครีมชีสชื่อดัง แต่แม้จะเป็นแบรนด์ของกินอย่างครีมชีสแต่ดันมาเปิดตัวถุงเท้า 3 รสชาติ?! ในชื่อแคมเปญว่า Schmear Socks แล้วยังทำเอายอดขายเพิ่มขึ้นถึง 15.3% มันยังไงกันนะ ต้องตามมาดูกันต่อค่ะ
ที่มาที่ไปของแคมเปญ Schmear Socks
ต้องขอท้าวความกันก่อนว่าเมื่อวันที่ 17 มกราคม 2567 แบรนด์กีฬาชื่อดังอย่าง Nike ได้วางขายรองเท้า Montreal Bagel ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากขนมปังเบเกิลนั่นเอง จึงเป็นรองเท้าที่มีรูปร่างหน้าตาเหมือนขนมปัง เพื่อเป็นการยกย่องเบเกิลสไตล์ Montreal ที่เป็นคู่แข่งของเบเกิลสไตล์นิวยอร์ก
ทั้งนี้หลาย ๆ คนก็อาจจะงงว่า Nike ออกรองเท้า แล้ว Philadelphia เกี่ยวอะไร? ก็เพราะภายใน 48 ชั่วโมงหลังจากนั้น แบรนด์ครีมชีส Philadelphia ก็ได้เปิดตัวถุงเท้าลายครีมชีส 3 แบบ หรือเรียกว่า 3 รสชาติดีล่ะ อันแสนจะเป็นเอกลักษณ์ ไม่ว่าจะเป็นลาย Original, Chive and Onion และ Strawberry ใส่ในกล่องครีมชีส Philadelphia ที่มีความยูนีคเฉพาะตัว และวางขายบน Instagram
เป็นแคมเปญที่ทางแบรนด์ได้ร่วมมือกับเอเจนซี Rethink ที่เรียกได้ว่าสร้างความน่าสนใจ และเข้ามาสร้างสีสัน ความสนุกสนานกันในโซเชียลมากค่ะ กับการนำครีมชีสมาเชื่อมโยงกับเบเกิล ทั้งแบรนด์รองเท้าที่หันมาจับขนม และแบรนด์ขนมที่หันมาจับถุงเท้า?!
ความปังคือถุงเท้าครีมชีสนี้ขายหมดภายในเวลาไม่ถึง 2 ชั่วโมงด้วยซ้ำไปค่ะ แถมยังเร็วกว่ารองเท้าผ้าใบของ Nike อีก และต่อมาก็ถูกนำไปขายต่อบนตลาดสำหรับนักสะสมรองเท้าผ้าใบอีกด้วย
โดยผลสรุปแคมเปญตามข้อมูลของเอเจนซีคือแบรนด์มียอดขายเพิ่มขึ้น 15.3% และ Market Share เพิ่มขึ้น 2.1% อีกทั้ง 83% ของการพูดถึงรองเท้า Montreal Bagel Nike ก็ได้มีการพูดถึง Philadelphia ไปด้วยเช่นกัน เรียกว่าสร้างการรับรู้มากกว่า 300 ล้านครั้งในเวลาไม่ถึง 24 ชั่วโมง และมี Earned Media Value รวม 3.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
เพิ่ม Market Share และสร้างความเชื่อมโยงกับคนรุ่นใหม่
แม้ Philadelphia จะเป็นผู้นำตลาด แต่แบรนด์ก็กำลังมียอดขายและ Market Share ลดลง โดยลดลงถึง 7.3% และ 1.5% ตามลำดับ เพราะค้นพบว่าคนรุ่นใหม่รู้สึกว่าแบรนด์ ‘ไม่เกี่ยวข้อง’ กับชีวิตของเขา จึงเปลี่ยนไปใช้ครีมชีสแบรนด์ของร้านค้าแทน พูดง่าย ๆ ก็คือคนเราในเมื่อไม่ได้รู้สึกเชื่อมโยงอะไร ก็เลยไม่เลือกสิ่งนั้นนั่นล่ะค่ะ
ด้วยปัญหาที่ได้เล่าไปด้านบน ทางแบรนด์ Philadelphia ก็เลยคิดหาไอเดียที่จะสามารถดึงดูดใจชาวคนรุ่นใหม่อายุน้อยในประเทศแคนาดามาเป็นลูกค้าให้ได้ เพื่อจะได้เป็นแบรนด์ที่คนชื่นชอบ และสร้างความได้เปรียบเหนือแบรนด์คู่แข่งต่าง ๆ นั่นเอง
จากแคมเปญถุงเท้าครีมชีส Schmear Socks นี้ก็คงจะเห็นกันแล้วว่าแบรนด์สามารถจับ Creative Idea เข้ามาช่วยสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้าที่อายุน้อยได้แบบที่แบรนด์ต้องการ และยังเป็นการพิสูจน์ด้วยว่าต่อให้เราจะเป็นเจ้าใหญ่ขนาดไหน แต่ถ้าไม่คิดพัฒนาตัวเองอยู่เสมอก็อาจจะโดนแซงไปได้ค่ะ
ลงไปเล่นกับ Sneaker Culture ของเหล่าวัยรุ่น
วัฒนธรรมรองเท้าผ้าใบถือได้ว่าเป็นที่ฮอตฮิตในหมู่วัยรุ่นต่างประเทศอย่างมากมาตลอดค่ะ เรียกว่าแบรนด์ใช้โอกาสในวงการนี้ได้อย่างฉลาด เพราะเข้าหากลุ่มเป้าหมายด้วยการลงไปเล่นกับวัฒนธรรมที่เขาให้ความสนใจและชื่นชอบ อีกทั้งแบรนด์ Nike ก็มีชื่อเสียง เป็นที่รู้จัก และมีแฟนที่ชื่นชอบค่อนข้างมากอยู่แล้ว ยิ่งดึงความสนใจได้มากขึ้น
ทั้งนี้ถึงแม้ว่าตามปกติแล้วแบรนด์จะไม่ได้ลงไปเล่นกับ Culture ต่าง ๆ มากนัก แต่แคมเปญนี้ก็พยายามหาวิธีแทรกตัวเองเข้าไปในกระแสได้แบบเนียน ๆ ในแบบที่สมเหตุสมผลกับสินค้าของตัวเองด้วย คือใช้ประโยชน์จากการวางขายรองเท้าผ้าใบสไตล์ขนมปังมาเชื่อมโยงเข้ากับครีมชีสของแบรนด์ได้แบบพอดิบพอดีและน่าสนใจมาก
ทั้งนี้คนเล่นรองเท้าหรือของสะสมก็น่าจะรู้ดีกว่าสิ่งหนึ่งที่เป็นเสน่ห์คือความหายาก ลิมิเต็ด มีจำนวนจำกัดอะไรทำนองนั้น Philadelphia ก็เก็บดีเทลตรงนี้ด้วยเช่นกันค่ะ ด้วยการวางขายแค่ใน Instagram มีจำนวนจำกัด และมาไวมาก ๆ ด้วยเพราะเปิดตัวทันทีหลังจากที่รองเท้าผ้าใบเพิ่งวางขายไปเอง และยังมีสังคมการขายต่อในตลาดนักสะสมรองเท้าผ้าใบด้วย
การตลาด Philadelphia แบรนด์ครีมชีสออกถุงเท้า 3 รส เอาใจ New Gen
เป็นยังไงกันบ้างคะสำหรับในบทความนี้ที่ได้พาทุกคนมาดู การตลาด Philadelphia แบรนด์ครีมชีสออกถุงเท้า 3 รส เอาใจ New Gen เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของแคมเปญที่รู้จักจับ Creative Idea มาประยุกต์เข้ากับสินค้าของตัวเองได้แบบถูกที่ ถูกเวลามาก ๆ
แม้บางสิ่งที่ดูเหมือนจะไม่เกี่ยวข้องกันเลยแต่ก็อย่ามองข้าม อย่างแคมเปญนี้ระหว่างรองเท้ากับของกิน แต่ถ้าเรารู้จักบิดหามุมมองใหม่ ๆ ให้เจอ ก็จะเป็นโอกาสที่ดีให้กับแบรนด์และยังสร้างความแตกต่างโดดเด่นได้ดีอีกด้วยค่ะ
หวังว่าบทความนี้จะช่วยสร้างไอเดียและเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อยนะคะ แล้วมาเจอกันใหม่ในบทความหน้า ฝากติดตามด้วยนะคะ และทุกคนสามารถติดตามบทความด้านการตลาดเพิ่มเติมได้จากเพจการตลาดวันละตอนที่ เว็บไซต์ Facebook Instagram Twitter Youtube ได้เลยค่า
Source Source