นักการตลาดคนทำธุรกิจคงคุ้นชินกันดีกับการทำ Loyalty Program หาทางให้ลูกค้าอยู่กับเราได้นานและมากที่สุด แต่ใครจะไปรู้ว่าถ้าเราคิดมุมกลับหันมาทำ Disloyalty Program (ชื่อแคมเปญ) ก็อาจสร้างยอดขายและเข้าถึงลูกค้าใหม่ ๆ ได้ไม่แพ้กัน ดังนั้น ในบทความนี้ผู้เขียนจะพามารู้จักกับ Use Case ร้านกาแฟ Peet’s Coffee ชื่อดังและมีประวัติการดำเนินงานมาอย่างยาวนานในซานฟรานซิสโก
โดยแบรนด์กาแฟนี้มีการทำทำการตลาดแบบมุมกลับ ดึงลูกค้าทั้งเก่าและใหม่ให้มาซื้อและใช้บริการที่ร้านของเขาได้อย่างง่ายดาย แถมยังเป็นการเก็บข้อมูลลูกค้าได้อย่างเนียน ๆ อีกด้วยค่ะ
แคมเปญการตลาดที่แจกสิทธิ์ให้ลูกค้าของแบรนด์คู่แข่ง
อย่างที่เราทราบกันดีว่าในโลกของการตลาดเป็นเรื่องธรรมดาที่เจ้าของสินค้าจะมอบสิทธิพิเศษให้กับผู้บริโภคที่มีความจงรักภักดีต่อแบรนด์ (Brand Loyalty) หรือเรียกง่าย ๆ ว่า “รักเดียวใจเดียว” ไม่เลี้ยวไปหาคู่แข่งกันอยู่แล้ว ทว่า Peet’s Coffee กลับไม่คิดแบบนั้น
ในทางกลับกัน แบรนด์คิดว่าจะเป็นอย่างไร ถ้าเราให้สิทธิพิเศษกับลูกค้าของแบรนด์คู่แข่งแทน?
ในวันพิเศษสุดประจำปีอย่างวันกาแฟแห่งชาติในสหรัฐฯ ที่เกิดขึ้นในวันที่ 29 กันยายน ของทุกปี Peet’s Coffee ได้ออกแคมเปญการตลาดDisloyalty Program มาเพื่อฉลองวันสำคัญแห่งชาตินี้ ซึ่งเป็นแคมเปญที่เปิดโอกาสให้ผู้คนนำคะแนนสะสมจากร้านคู่แข่งมาแลกกาแฟฟรีที่ร้านได้เลยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายแม้แต่แดงเดียว!
ซึ่งวิธีการก็แสนง่าย ไม่ซับซ้อน ขั้นตอนไม่เยอะ เริ่มจากเข้าไปที่เว็บไซต์ PeetsDisloyalty.com (หรือผ่านแอปฯ Peet) จากนั้นก็อัปโหลดภาพหน้าจอที่โชว์แต้มสะสมของแบรนด์กาแฟเจ้าอื่น โดยแลกได้ทั้งแบรนด์ใหญ่ เช่น Starbucks, Tim Hortons และ Dunkin’
รวมถึงผู้เล่นรายเล็ก ๆ เช่น Dutch Bros, Coffee Bean และ Tea Leaf, Better Buzz, Joe and the Juice, Bluestone Lane และ The Human Bean เรียกง่าย ๆ ว่ารับแลกหมดไม่สนแบรนด์ใคร เพียงแค่นี้คุณก็จะได้กาแฟคุณภาพดีมาดื่มแบบฟรี ๆ กันแล้วแบบง่ายดายนั่นเอง
นอกจากจะสร้างยอดขายยังเก็บ Data ลูกค้าในแบบที่คาดไม่ถึง
ถึงแม้ว่าผู้ริเร่มทำแคมเปญนี้ไม่ได้มีการออกมาบอกอย่างชัดแจ้งว่าได้มีการเก็บข้อมูลลูกค้าหรือไม่ แต่ผู้เขียนมองว่าการกระทำเหล่านี้สามารถเป็นไอเดียให้เราไปต่อยอดในการเก็บข้อมูลลูกค้าในอนาคตได้ค่ะ จึงวิเคราะห์ออกมาให้เห็นภาพรวมดังต่อไปนี้
เพราะแน่นอนว่าระหว่างกระบวนการเข้ารับแลกสิทธิ์รับกาแฟฟรีนั้น ผู้ใช้จะต้องลงทะเบียนและสร้างแอคเคาท์ในเว็บไซต์ และในแอปฯ ของแบรนด์ในกรณีที่ดาวน์โหลดแอปฯ มาใช้ ทำให้เราได้ข้อมูลของลูกค้าในขั้นตอนนี้ไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็น ชื่อ-นามสกุล อายุ วันเดือนปีเกิด และถ้าหากเราเก็บข้อมูลมากกว่านั้น เราก็อาจได้ข้อมูลในส่วนของที่อยู่ อีเมล์ เบอร์โทรศัพท์ เป็นต้น
มากไปกว่านั้น ข้อมูลรูปภาพที่ผู้ใช้แต่ละรายอัปโหลดขึ้นมา หากเรานำไปต่อยอดและศึกษาต่อได้ว่าเป็นแต้มสะสมจากแบรนด์คู่แข่งไหนบ้าง ก็จะทำให้เราได้รู้ว่าคนที่เข้ามาใช้บริการเป็นลูกค้ากลุ่มไหน ชื่นชอบแบรนด์อะไร เป็นคนที่ชอบกินกาแฟมากน้อยแค่ไหนซึ่งได้มาจากจำนวนของคะแนนของผู้ใช้รายนั้น ๆ
และเราก็สามารถนำไปพลิกแพลงใช้กับการตลาดของเราได้อีก ไม่ว่าจะเป็นการส่งโปรโมชั่นไปให้กลุ่มลูกค้าต่าง ๆ เป็นขากาแฟก็ส่งมากหน่อย กินบางครั้งคราวก็ปรับแต่งตามความเหมาะสม เป็นต้น
สรุป Disloyalty Program ไอเดียเพิ่มยอดขายจากแต้มสะสมแบรนด์คู่แข่ง
ผู้เขียนมองว่าแคมเปญนี้ถือเป็นแคมเปญที่มีการประยุกต์ใช้ Data มาพลิกวิกฤติให้เป็นโอกาสทางการตลาดได้อย่างมีชั้นเชิง และที่สำคัญแบรนด์นี้ยังยังกล้าท้าชนกับแบรนด์คู่แข่ง ไม่สนว่าจะเป็นแบรนด์เล็กหรือแบรนด์ใหญ่ด้วยวิธีที่ขอนิยามว่าแก่นเซี๊ยวสุด ๆ ต่อให้เป็นลูกค้าที่มีความ Loyalty กับแบรนด์ใดแบรนด์หนึ่งสูงก็คงต้องพ่ายให้กับข้อเสนออันหอมหวนนี้เช่นกัน
ท่านใดที่กำลังมองหาไอเดียในการเพิ่มยอดขาย เพิ่มลูกค้าหน้าใหม่และดึงลูกค้ารายเก่าให้กลับมาใช้บริหารหรือซื้อสินค้า ลองนำไอเดียนี้ไปปรับใช้ได้นะคะ ผู้เขียนมองว่าน่าจะสร้างความฮือฮาให้กับการตลาดไทยได้อย่างแน่นอนค่ะ
หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์และสร้างไอเดียใหม่ ๆ ต่อผู้อ่านทุกคนนะคะ แล้วพบกันใหม่บทความหน้าค่ะ
สำหรับใครที่อยากอ่านบทความเกี่ยวกับการตลาด หรือข่าวสารการตลาด แบบจัดหนักจัดเต็ม สามารถติดตามได้จาก เพจการตลาดวันละตอน รวมไปถึงเว็บไซต์ Twitter Instagram YouTube และ Blockdit ของการตลาดวันละตอนด้วยนะคะ
Source: https://stir-tea-coffee.com/tea-coffee-news/peets-coffee-woos-customers-with-disloyalty-program/