Disney+ กับการตลาดที่ทำให้อยาก Subscribe ไม่แพ้ Netflix
ข่าว Disney+ จะเข้าไทยนี่ทำให้อดใจรอไม่ไหวเลย ล่าสุดมีคนข้างตัวถามเพลินว่าดิสนีย์พลัสจะรอดไหม จะมีคน Subscribe ไหม เพราะตอนนี้ตลาดคนไทยส่วนใหญ่ก็พูดถึงแต่ Netflix กันทั้งนั้น แถมช่วงกักตัวอยู่บ้านตั้งแต่ปี 2020 จนถึงตอนนี้ก็มีแต่ Netflix ที่เป็นกระแสในหลายๆ ซีรีส์ จากคำถามคนข้างตัว วันนี้ก็เลยลองหาข้อมูลเพิ่มแล้วแกะบทเรียนการตลาดที่น่าสนใจของดิสนีย์พลัสที่เปิดตัวไปแล้วในต่างประเทศ ที่ ‘อาจ’ ทำให้แพลตฟอร์มนี้ไม่เป็นรองใคร แม้กระทั่งเจ้าใหญ่ตอนนี้อย่าง Netflix ด้วย ต้องบอกว่า Disney นี่ถือว่ามาช้ากว่า Streaming Platform อื่นไปประมาณนึงเหมือนกัน เพราะกว่าจะเปิดตัวแบบจริงจังก็ปาไปปลายปี 2019 แล้ว ในขณะที่แพลตฟอร์มสตรีมมิ่งอื่นๆ อย่าง Netflix เริ่มเปิดตัวในปี 2015 / Amazon Prime Video เปิดตัวไปในปี 2007 ยังไม่พอนะคะ ยังมี Apple TV / HBO Go และช่องสตรีมมิ่งอื่นๆ อีกมากมายด้วย ดังนั้นคำถามอย่างจะรอดไหม จะมีคน Subscribe เพื่อดูแต่หนัง Disney จริงๆ หรอ? จึงหนีไหมพ้นจริงๆ อย่างไรก็ตามเรามาลองดูจุดแข็งหรือข้อดีของดิสนีย์พลัสกัน ว่ามีอะไรที่จะทำให้คนอยาก Subscribe ได้บ้าง แถมยังมีคู่แข่งที่ครองตลาดไปคนส่วนเกือบแยะแล้ว แล้วดิสนีย์จะมีทางรอดยังไงกันบ้างจากจุดแข็งเหล่านั้นค่ะ 1. เรื่องของ Branding ที่คนภูมิใจ ทำให้เกิด Community และ UGC เรื่องแรกบอกเลยว่าหนีไม่พ้นจุดแข็งจากการทำ Branding มาหลายสิบปี อย่างสำหรับตัวเพลินเองนี่เรียกได้ว่าแทบจะโตมากับ Disney เลยก็ว่าได้ โดยเฉพาะความเป็นเจ้าหญิงดิสนีย์และสวนสนุก Disneyland ที่เลื่องชื่อเรื่องความงดงาม ตระการตา ยังไม่พอยังมีเรื่องของ Premium Product จาก Characters ของดิสนีย์ที่มันฝั่งอยู่ในตัวตนเราไปแล้วอีก ทำให้คนรู้สึกภาคภูมิใจกับการได้บอกว่า ‘ชั้นเนี่ยแหละ Fan พันธุ์แท้ดิสนีย์’ แล้ว ‘ชั้นชอบมันมานานกว่าเธอแค่ไหนแล้ว’ หรือแม้กระทั้ง ‘ชั้นจำบทของการ์ตูนได้ แถมร้องเพลงได้ทุกเพลงด้วยซ้ำไป’ อีก อย่างทุกวันนี้ขนาดเพลินไม่ได้มี Engage มากกับ Characters ของ Disney แต่ด้วยความที่แบรนด์มันแข็งแรงมาก ทำให้เราก็ได้เจอกับดิสนีย์อยู่ร่ำไปในรูปแบบ User-Generated Content ตาม Community คนรักดิสนีย์ รวมไปถึงกลุ่ม Content Creators ตามช่องทางโซเชียลต่างๆ อย่าง TikTok ที่มักมีคนเอา Characters ดิสนีย์มาเปลี่ยนชุดบ้าง เปลี่ยนทรงผมบ้าง […]