5 Travel Trends 2026 จาก Trip.com Group และ Google จาก “Where to Travel?” สู่ “Why Travel?”

ต้องบอกว่าการท่องเที่ยวในยุคปัจจุบันไม่ใช่แค่ “Where to Travel?” แต่คือ ““Why Travel?” วันนี้ผมจะขอพาทุกคนมาถอดรหัส Travel Trends 2026 จากการร่วมมือกันระหว่าง Trip.com Group และ Google จนสรุปออกมาเป็น 5 เทรนด์การท่องเที่ยวที่จะมาแรงในปี 2026 ที่การเดินทางกำลังจะกลายเป็นการค้นหาความหมายที่ลึกซึ้งกว่าเดิมกันครับ

1. Travel as Expression การเดินทางคือ “การแสดงออกตัวตน” 

ในยุคที่ชีวิตเราอยู่กับแต่โซเชียลมีเดียขนาด การเดินทางท่องเที่ยวเลยกลายเป็นเหมือนผืนผ้าใบให้เราได้แสดงตัวตน รสนิยม และไลฟ์สไตล์ พูดง่าย ๆ มันคือการสร้าง “เรื่องราว” หรือการเป็น “Main Character” ในสตอรี่ของตัวเองให้โลกเห็นนั่นเองครับ

เดี๋ยวนี้โซเชียลมีเดียไม่ใช่แค่สร้างแรงบันดาลใจนะครับ แต่เป็นเครื่องมือในการ “จอง” โดยตรงเลย โดยเฉพาะในเอเชียอย่างบ้านเรา (ไทย อินโดนีเซีย และอินเดีย) ที่นักท่องเที่ยวมากกว่า 75% ดูไลฟ์สตรีมเกี่ยวกับการท่องเที่ยว และกว่า 40% (หรือบางตลาดพุ่งไป 76%) ที่พร้อมใจกดจองทริปทันทีผ่านลิงก์ในไลฟ์ นั้นเลย

เทรนด์นี้ยังทำให้เกิดปรากฏการณ์ “Fork-First Travel” ที่ “อาหาร” ไม่ใช่แค่ส่วนประกอบของทริปอีกต่อไป แต่เป็นเป้าหมายหลักเลยด้วยซ้ำ นอกจากนี้ นักท่องเที่ยวยุคใหม่ยังมองหา “Skillvenirs” หรือของที่ระลึกที่เกิดจาก “ทักษะ” และนำติดตัวกลับบ้าน เช่น ไปลงคลาสเรียนทำอาหารท้องถิ่น หรือเวิร์กช็อปงานฝีมือ มากกว่าการเดินซื้อของที่ระลึกแบบเดิม ๆ อีกด้วย

2. Travel with Purpose การเดินทางสู่ “จุดมุ่งหมายที่มีความหมาย”

ต้องบอกว่านักเดินทางยุคใหม่เขาต้องการอะไรที่มากกว่าการไปถ่ายรูปกับแลนด์มาร์กแล้วกลับบ้านครับ คนเหล่านี้โหยหาการ “ดื่มด่ำ” กับวัฒนธรรมแบบจริงจัง ข้อมูลจาก Google บอกว่าด้วยยอดการค้นหา “พิธีชงชาญี่ปุ่น” ที่เพิ่มขึ้นถึง 53% เมื่อเทียบกับปีก่อน สะท้อนให้เห็นว่าคนต้องการสัมผัสความเป็นพิธีกรรมหรือมรดกทางวัฒนธรรมที่มีคุณค่าทางใจมากขึ้น

ซึ่งสิ่งนี้มันสอดคล้องกับเทรนด์ “Slow Travel” หรือการเดินทางแบบไม่เร่งรีบ ที่เน้นความรู้สึกมากกว่าการทำกิจกรรมให้ครบ ผู้คนเริ่มเลือกเดินทางท่องเที่ยวเพื่อสัมผัสบรรยากาศท้องถิ่นแบบแท้จริง และยังขยายไปถึง Value-Driven Travel หรือการเลือกจุดหมายปลายทางและผู้ให้บริการที่สอดคล้องกับคุณค่าส่วนตัว เช่น ความยั่งยืน หรือการสนับสนุนชุมชน อีกด้วย

3. Travel to Heal การเดินทางเพื่อ “ฟื้นฟูสุขภาพ” 

พอพูดถึง Wellness Tourism หรือการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ หลายคนอาจจะนึกถึงการนอนสปาเฉย ๆ ใช่ไหมครับ? แต่ยุคใหม่มันไม่ใช่แค่นั้นแล้ว มันคือการผสมผสาน “ความท้าทาย” เข้ากับ “การผ่อนคลาย” ได้อย่างลงตัว

Travel Trends 2026
AI-Generated by Shutterstock (Prompt:  a man standing in the middle of a forest trail, wearing a black long-sleeve sports outfit, black cap, and a small hiking backpack, close-up from behind, cinematic composition, natural lighting, sunlight filtering through trees, realistic fabric texture, detailed backpack straps, shallow depth of field, ultra realistic, moody tone, adventure atmosphere, 16:9 –ar 16:9 –v 6 –style raw –q 2 –s 750)

จากข้อมูลพบว่า การค้นหา “กอล์ฟและรีสอร์ทสปา” เพิ่มขึ้นถึง 300% และ “สกีและสปา” เพิ่มขึ้น 250% เลยทีเดียว เทรนด์นี้ยังแตกย่อยไปได้อีกหลายแบบครับ ไม่ว่าจะเป็น

  • Sleep Tourism: ทริปที่เน้นการนอนหลับพักผ่อนจริง ๆ โรงแรมต่าง ๆ ก็เริ่มเอาเทคโนโลยีมาช่วยให้เราพักผ่อนได้ดีที่สุด
  • Silent Travel: ทริปแห่งความเงียบ สำหรับคนที่อยากหนีจากเสียงรบกวนในชีวิตประจำวัน
  • Glow-cations: หรือทริปเพื่อผิว ที่เน้นการทำทรีตเมนต์ดูแลผิวพรรณโดยเฉพาะเลยครับ

4. Travel to Connect การเดินทางเพื่อ “เชื่อมโยงผู้คน” 

การท่องเที่ยวกลายเป็นการแบ่งปันประสบการณ์กับเพื่อน, ครอบครัว และที่สำคัญคือ ชุมชนที่มีความสนใจร่วมกันครับ ซึ่งมีสองแรงขับเคลื่อนหลัก ๆ ของเทรนด์นี้เลยก็คือ “คอนเสิร์ต” และ “กีฬา”

Travel Trends 2026
  • Gig-Tripping (การท่องเที่ยวเพื่ออีเวนต์): ปรากฏการณ์นี้กำลังบูมสุด ๆ นักท่องเที่ยว 2 ใน 3 ยอมเดินทางไปต่างประเทศ แค่เพื่อไปดูคอนเสิร์ตศิลปินที่ตัวเองชอบ
  • Endurance Tourism (การท่องเที่ยวเชิงกีฬา): อันนี้ก็น่าสนใจครับ คือการเที่ยวเพื่อไปแข่งกีฬาที่ใช้ความอดทน เช่น วิ่งมาราธอน, ปั่นจักรยานทางไกล หรือเข้าร่วมการแข่งขัน Hyrox ซึ่งมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นถึง 5 เท่า เรียกว่ายอมบินข้ามโลก ไม่ใช่เพื่อเที่ยว แต่เพื่อไปทำกิจกรรมที่ตัวเองรักนั่นเอง

5. Travel of Tomorrow การเดินทางแห่งอนาคตด้วย “พลังของ AI” 

เคยสงสัยไหมครับว่าเบื้องหลังการวางแผนทริปที่ซับซ้อนและตอบโจทย์เฉพาะคนขนาดนี้คืออะไร? คำตอบก็คือ “เทคโนโลยี AI” ครับ ตอนนี้ความมั่นใจของผู้บริโภคในการใช้ AI เพิ่มขึ้นสูงมาก สะท้อนจากการค้นหาคำว่า “ช่วยวางแผนการเดินทาง (Help planning my trip)” ที่เพิ่มขึ้นถึง 190% เมื่อเทียบกับปีก่อน

Travel Trends 2026

AI ได้กลายเป็น Basic Tools สำหรับนักเดินทางรุ่นใหม่ไปแล้ว โดยเฉพาะ Gen Z กว่า 71% เคยใช้ AI ในการวางแผนหรือค้นข้อมูลการเดินทาง เครื่องมืออย่าง Gemini ของ Google หรือ AI Mode บน Search ก็กำลังกลายเป็นผู้ช่วยคนสำคัญ ขณะที่ฝั่ง Trip.com Group เองก็กำลังพัฒนาเครื่องมืออย่าง Trip.Planner และแพ็กเกจ “ทัวร์คอนเสิร์ตแบบครบวงจร” เพื่อมารองรับเทรนด์นี้โดยเฉพาะเลยครับ

คุณเฝิง หาน รองประธาน Trip.com Group บอกไว้ว่าว่า “Travel Trends 2026 จะเป็นมากกว่าการเดินทางไปยังจุดหมายใดจุดหมายหนึ่ง แต่คือการเดินทางที่มีความหมาย”

ในขณะเดียวกัน คุณจอยส์ จาง ผู้อำนวยการจัดการ ทีม Greater China LCS Specialists จาก Google ก็ได้บอกว่า “เราได้เห็นการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนในวิธีและเหตุผลที่ผู้คนออกเดินทาง โดยนักเดินทางต่างแสวงหาจุดมุ่งหมายที่ลึกซึ้งและประสบการณ์ที่มีความหมายยิ่งขึ้น”

เรียกได้ว่าในอนาคตอันใกล้นี้ การเดินทางจะไม่ใช่แค่การไปให้ถึงจุดหมายปลายทาง แต่มันคือการใช้เทคโนโลยีเพื่อสร้างทริปที่ตอบสนอง “เหตุผล” ส่วนตัว และสะท้อนตัวตนของเราแต่ละคนได้สมบูรณ์แบบที่สุดนั่นเองครับ

อ่านบทความเพิ่มเติมได้ที่นี่

Marketing Content Creator and Data Insight Researcher

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *