บทความนี้จะพาไปดูหนึ่งในแคมเปญ AI ที่ทรงพลังที่สุดของปี 2025 จาก การตลาด Samsung กับแคมเปญ Saved in Translation ครับ โดยใช้ AI เพื่อช่วย “ฟัง” และ “เข้าใจ” มนุษย์อย่างแท้จริง ผ่านการร่วมมือกับสายด่วนป้องกันการฆ่าตัวตาย SOS Voz Amiga ในโปรตุเกส ที่นำฟีเจอร์ Galaxy AI – Live Translate มาใช้เป็นเครื่องมือสื่อสารข้ามภาษาเพื่อช่วยชีวิตผู้คน บทความนี้เราจะชวนมาดูกันครับว่า Samsung ทำอะไร ทำไมถึงเลือกทำแคมเปญนี้ กลยุทธ์การตลาดเบื้องหลังคืออะไร และผลลัพธ์ที่ได้สะท้อนพลังของ AI เพื่อมนุษย์อย่างไรบ้าง ติดตามในบทความได้เลยครับ
จุดเริ่มต้น ที่มาของ Campaign Saved in Translation
Samsung อยากเข้ามาช่วยแก้ไขปัญหานี้ จึงเริ่มต้นจาก Human Problem ที่ถูกมองข้าม ผู้ป่วยบางคนเพียงแค่ต้องการ “ใครสักคนที่รับฟังเค้า” เท่านี้ก็สามารถลดอัตราการฆ่าตัวตายในสังคมลงได้แล้ว แต่กลับถูกจำกัดด้วยกำแพงด้านภาษา ในขณะที่ Samsung เองมีเทคโนโลยี Galaxy AI – Live Translate ที่ถูกออกแบบมาเพื่อให้โทรศัพท์เข้าใจภาษามนุษย์ได้ในเวลาจริง
ด้วยบริบทนี้เอง Samsung จึงมองเห็นโอกาสที่จะใช้เทคโนโลยี AI เพื่อมนุษย์ โดยแบรนด์เลือกทำงานร่วมกับสายด่วนช่วยเหลือชีวิต SOS Voz Amiga ในลิสบอน ซึ่งเดิมรองรับเฉพาะภาษาโปรตุเกส ทำให้ผู้อพยพจำนวนมากไม่สามารถโทรขอความช่วยเหลือได้เมื่ออยู่ในภาวะวิกฤต Samsung จึงมอบสมาร์ทโฟนพร้อมฟีเจอร์ Live Translate ให้แก่อาสาสมัครกว่า 60 คน เพื่อให้พวกเค้าสามารถพูดคุยกับผู้โทรในภาษาของเจ้าตัวได้โดยตรง
กลายเป็นสะพานเชื่อมระหว่างเทคโนโลยีกับมนุษย์ และตอกย้ำว่า AI สามารถมีบทบาทในการสร้าง Value ทางสังคมได้จริงครับ จากจุดเริ่มต้นนี้เอง เราจะพาไปดูรายละเอียดของแคมเปญที่แสดงให้เห็นว่า Samsung ใช้พลังของ AI อย่างไรให้กลายเป็นเครื่องมือที่ช่วยชีวิตคน มากกว่าจะเป็นเพียงฟีเจอร์อีกหนึ่งอย่างในมือถือครับ
รายละเอียดแคมเปญ Saved in Translation
Samsung จับมือกับสายด่วนป้องกันการฆ่าตัวตาย SOS Voz Amiga ในกรุงลิสบอน ประเทศโปรตุเกส เพื่อสร้างโครงการที่ใช้เทคโนโลยี AI มาช่วยเชื่อมความเข้าใจระหว่างภาษาครับ โดยมอบสมาร์ทโฟน Samsung Galaxy ที่ติดตั้งฟีเจอร์ Live Translate AI ให้แก่อาสาสมัครจำนวน 62 คน ซึ่งเป็นผู้รับสายหลักของศูนย์ เพื่อให้พวกเขาสามารถสื่อสารกับผู้โทรได้ทันทีในภาษาของผู้พูด ไม่ว่าจะเป็นภาษาอังกฤษ ฝรั่งเศส จีน ฮินดี หรือเนปาลครับ
ขอบคุณภาพจาก Shutterstock AI GeneratorPrompt :cinematic close up shot of a woman wearing a headset microphone, serious expression, soft side lighting with deep shadows, realistic skin texture, blurred high tech background with ambient white glow, shallow depth of field
ภายใต้แนวคิดหลัก “Tech that Listens Beyond Words” AI ของ Samsung ถูกใช้ในบริบทที่ละเอียดอ่อนที่สุดของมนุษย์ คือช่วงเวลาที่คนต้องการใครสักคนจะฟังโดยไม่ตัดสิน ทุกประโยคที่ผ่านการแปลจึงไม่ได้เป็นแค่การแปลงภาษาจากเครื่องจักร แต่เป็นสะพานของความเข้าใจที่ทำให้คนสองฝ่าย ซึ่งไม่เคยรู้จักกันและพูดกันคนละภาษา สามารถเข้าใจกันได้อย่างแท้จริงครับ
ส่วนภาพยนตร์โฆษณาหลักของแคมเปญก็เลือกใช้แนวทางที่เรียบง่ายแต่ทรงพลัง ไม่มีกราฟิกเอฟเฟกต์ ไม่มีภาพโชว์เทคโนโลยี มีเพียงเสียงจริงของผู้โทร และเสียงตอบกลับของอาสาสมัคร ที่ผ่านการแปลจาก Live Translate เพื่อสะท้อนให้เห็นพลังของเทคโนโลยีที่ทำให้มนุษย์เข้าใจกันได้แม้ไม่ได้พูดภาษาเดียวกัน
ทั้งหมดนี้ทำให้แคมเปญ Saved in Translation กลายเป็นหนึ่งในแคมเปญ AI ที่ไม่เพียงแสดงศักยภาพของเทคโนโลยี แต่ยังย้ำว่าความก้าวหน้าทางนวัตกรรมจะมีความหมายก็ต่อเมื่อมันช่วยให้มนุษย์เข้าใจกันได้มากขึ้นครับ
กลยุทธ์เบื้องหลังแคมเปญ Saved in Translation
ผมมองว่าแคมเปญ Saved in Translation คือหนึ่งในกรณีศึกษาที่ดีที่สุดของแนวคิด AI Humanization Strategy การทำให้เทคโนโลยีที่ดูซับซ้อน กลับกลายเป็นสิ่งที่มนุษย์รู้สึกได้ ผ่านการเล่าเรื่อมากกว่าการพูดถึงพลังประมวลผลหรือฟีเจอร์ที่เหนือชั้นของเครื่องมือ
สิ่งที่น่าสนใจคือ Samsung ไม่ได้ใช้แคมเปญนี้เพื่ออวดศักยภาพของ AI ในเชิงเทคนิค เช่น ความแม่นยำในการแปล หรือความเร็วในการประมวลผล แต่เลือกใช้ Live Translate ในบริบทที่ ละเอียดอ่อนที่สุด เพราะในช่วงเวลาที่คนกำลังอยู่ในจุดเปราะบางที่สุดของชีวิต เค้าไม่ได้ต้องการเทคโนโลยีที่เก่ง แต่ต้องการใครสักคนที่เข้าใจ
การวาง AI ให้ทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยมนุษย์มากขึ้น แทนที่จะทำหน้าที่แทนที่มนุษย์ คือจุดเปลี่ยนสำคัญของแนวคิดนี้ ทำให้เทคโนโลยีเป็น Empathy Amplifier ที่ทำให้การสื่อสารระหว่างคนต่างภาษากลายเป็นพื้นที่แห่งการเยียวยาครับ
ผลลัพธ์ของแคมเปญ เมื่อ AI กลายเป็นตัวกลางแห่งความเข้าใจ
หลังเปิดตัวเพียงเดือนเดียว
จำนวนสายที่โทรเข้ามายัง SOS Voz Amiga เพิ่มขึ้น 20%
สรุป การตลาด Samsung ใช้ AI ช่วย Save ชีวิตมนุษย์ Saved in Translation สร้าง Impression รวมกว่า 9.4 ล้านครั้ง
แคมเปญ Saved in Translation ของ Samsung เป็นตัวอย่างชัดเจนของการใช้ AI เพื่อ “เชื่อมหัวใจมนุษย์” มากกว่าการโชว์เทคโนโลยี เริ่มจากปัญหาผู้อพยพในโปรตุเกสที่สื่อสารไม่ได้และเข้าไม่ถึงสายด่วนช่วยชีวิต จนแบรนด์นำฟีเจอร์ Galaxy AI – Live Translate มาช่วยให้ผู้รับสายและผู้โทรเข้าใจภาษากันได้แบบเรียลไทม์ ผ่านแนวคิด “Tech that Listens Beyond Words” ส่งผลให้สายด่วน SOS Voz Amiga เพิ่มจำนวนผู้โทร 20% และผู้โทรครั้งแรกพุ่ง 60% กลายเป็นแคมเปญที่แสดงให้เห็นว่า AI ไม่ได้มีไว้แทนที่มนุษย์ แต่มีไว้เพื่อขยายความเข้าใจระหว่างกัน และยกระดับแบรนด์จากผู้ผลิตเทคโนโลยี สู่ผู้นำด้านนวัตกรรมเพื่อสังคมอย่างแท้จริงครับ