Insight ตลาดกาแฟ จาก LINE MAN Wongnai เศรษฐกิจไม่ดีทำยังไงให้ไปรอด

• Facebook
• X
• Line

ในยุคที่ภาวะเศรษฐกิจไทยกำลังชะลอตัวและส่งผลให้ยอดขายร้านอาหารลดลง 14% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า แต่ ตลาดกาแฟ กลับเป็นจุดสว่างที่แสดงให้เห็นถึงความยืดหยุ่นและโอกาสในการปรับตัว จากข้อมูลล่าสุดของ LINE MAN Wongnai ในงาน Thailand Coffee Fest 2025 เผยให้เห็นถึง กลยุทธ์ร้านกาแฟ ที่สำคัญซึ่งนักการตลาดในทุกอุตสาหกรรมสามารถนำไปปรับใช้ได้ค่ะ

ปรากฏการณ์ “Value Migration”จากราคาสู่คุณค่า

หนึ่งในประเด็นที่น่าสนใจที่สุด ตลาดกาแฟ จากข้อมูลของ LINE MAN Wongnai คือ การเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญของตลาด Specialty Coffee ในประเทศไทยค่ะ โดยเฉพาะการปรับตัวเข้าสู่กลุ่มที่เรียกว่า “Affordable Specialty Coffee” กาแฟคุณภาพสูงในราคาที่ย่อมเยาและเข้าถึงได้ง่ายยิ่งขึ้น

จากเดิมที่กาแฟ Specialty มักถูกมองว่าเป็นสินค้าพรีเมียมเฉพาะกลุ่มค่ะ แต่วันนี้เราเห็นการขยายตัวอย่างชัดเจนในกลุ่มราคาต่อบิลต่ำกว่า 100 บาท ซึ่งกลายเป็นเซ็กเมนต์ที่เติบโตเร็วที่สุดในตลาดร้านกาแฟไทย โดยเฉพาะในเขตกรุงเทพฯ ที่มีอัตราเติบโตสูงถึง 46% และในต่างจังหวัดก็ยังเติบโตได้ถึง 19% ตัวเลขเหล่านี้สะท้อนความเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมผู้บริโภคอย่างมีนัยสำคัญ

ผู้บริโภคในปัจจุบันไม่ได้มองหาเพียงแค่ “ราคาถูก” อีกต่อไป แต่ให้ความสำคัญกับ “คุณค่าที่ได้จากสิ่งที่จ่าย” หรือที่เรียกว่า Value for Money พวกเขายินดีจ่ายในระดับที่เหมาะสม หากแลกมากับคุณภาพที่สัมผัสได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องรสชาติ ความพิถีพิถันในการชง หรือประสบการณ์โดยรวมที่แบรนด์มอบให้ค่ะปรากฏการณ์นี้สะท้อนให้เห็นว่ากลยุทธ์แข่งขันด้วย “ราคาเพียงอย่างเดียว” อาจไม่เพียงพออีกต่อไป แบรนด์ที่สามารถสร้างสมดุลระหว่าง “คุณภาพ” และ “ความคุ้มค่า” ได้ จะครองใจผู้บริโภคยุคใหม่ได้อย่างยั่งยืน

การพลิกโฉม Market Share เมื่อ Premium กลายเป็น Mainstream

ข้อมูลที่น่าทึ่งคือ Specialty Coffee มีส่วนแบ่งตลาดใหญ่กว่ากาแฟทั่วไป โดยมีสัดส่วนยอดขายทั่วประเทศ 56% และในกรุงเทพฯ และปริมณฑลสูงถึง 66% การเปลี่ยนแปลงนี้ไม่ได้เกิดขึ้นข้ามคืน แต่เป็นผลจากการที่ผู้บริโภคไทยได้รับการศึกษาและมีความรู้เรื่องกาแฟมากขึ้น

สิ่งที่น่าสนใจคือแม้จำนวนร้านกาแฟเปิดใหม่ในปีนี้จะลดลงจาก 7,000 ร้านในช่วงครึ่งปีแรกของปีก่อน เหลือเพียง 5,000 ร้าน แต่ร้านกาแฟยังคงมีอัตราอยู่รอดในปีแรกสูงกว่าร้านอาหารทั่วไป โดยร้านกาแฟมีอัตราการปิดตัวในปีแรกอยู่ที่ 43% เทียบกับร้านอาหารทั่วไปที่ปิดตัวสูงกว่าในปีแรกถึง 50%

Digital Ecosystem เมื่อเทคโนโลยีกลายเป็นตัวคูณยอดขาย ของ ตลาดกาแฟ

การใช้เทคโนโลยีดิจิทัลไม่ใช่แค่การปรับตัวตามยุคสมัย แต่กลายเป็นเครื่องมือที่มีผลต่อยอดขายอย่างเป็นรูปธรรม

• Digital Payment มีสัดส่วนเกินครึ่งและช่วยเพิ่มยอดขายต่อบิลขึ้นถึง 32%
• Digital Ordering เช่น การสั่งผ่าน QR Code ที่โต๊ะ ช่วยเพิ่มขนาดออเดอร์ได้ถึง 37%
• Delivery Channel ยอดขายกาแฟใน LINE MAN เติบโตขึ้น 23% โดยเฉลี่ยแล้ว 22% ของยอดขายร้านกาแฟมาจาก Delivery

สิ่งที่น่าสนใจคือการเชื่อมโยงระหว่างความสะดวกสบายและการใช้จ่าย ผู้บริโภคที่ได้รับความสะดวกสบายมากขึ้นจะมีแนวโน้มซื้อในปริมาณมากขึ้นด้วยค่ะ

กรณีศึกษา ตลาดมัทฉะและการขี่คลื่นเทรนด์

ตลาดมัทฉะที่เติบโตต่อเนื่อง โดยยอดขายร้านมัทฉะเดิมเติบโตถึง 28% เป็นตัวอย่างที่ดีของการสร้างกระแสและการตอบสนองต่อความต้องการของผู้บริโภครุ่นใหม่ แต่สิ่งที่น่าสนใจคือไม่ใช่แค่การเข้าใจเทรนด์ แต่เป็นการสร้างความต่อเนื่องให้กับเทรนด์

The Resilience Model ทำไมกาแฟอยู่รอดกว่าร้านอาหาร

การที่ร้านกาแฟมีอัตราการปิดตัวต่ำกว่าร้านอาหาร (43% vs 50%) ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เป็นผลจากหลายปัจจัยที่เชื่อมโยงกัน:

1. Lower Operating Complexity การดำเนินงานที่ง่ายกว่าร้านอาหาร
2. Higher Margin per Item อัตรากำไรต่อชิ้นที่สูงกว่า
3. Flexible Consumption Pattern ลูกค้าสามารถดื่มกาแฟได้ตลอดวัน
4. Digital-Friendly Product เหมาะกับการขายผ่านช่องทางดิจิทัล

ความยืดหยุ่นในการดำเนินงานและการมีช่องทางขายที่หลากหลายเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้ธุรกิจอยู่รอดในช่วงเศรษฐกิจชะลอตัวค่ะ

3 กลยุทธ์ที่ทำให้ ตลาดกาแฟ อยู่รอดในธุรกิจ

จากการวิเคราะห์ข้อมูลของ LINE MAN Wongnai สามารถถอดออกมาเป็น 3 กลยุทธ์ร้านกาแฟ ดังนี้ค่ะ :

1. Affordable Quality Strategy

การสร้างคุณค่าที่เข้าถึงได้ไม่ใช่แค่การลดราคา แต่เป็นการปรับโครงสร้างต้นทุนและกระบวนการผลิตเพื่อให้สามารถนำเสนอคุณภาพในราคาที่เหมาะสมครับ

2. Omni-channel Ecosystem

การมีช่องทางขายครบวงจรไม่ใช่แค่การมีหน้าร้านและออนไลน์ แต่เป็นการสร้างประสบการณ์ที่เชื่อมโยงกันระหว่างทุกช่องทางค่ะ

3. Digital Integration

การใช้เทคโนโลยีไม่ใช่แค่เพื่อความทันสมัย แต่เป็นการใช้ข้อมูลและเครื่องมือดิจิทัลเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและเข้าใจลูกค้าดีขึ้นครับ

บทสรุปจากความสำเร็จของ ตลาดกาแฟ ในไทย

บทสรุปจากบทเรียน ตลาดกาแฟ ในไทยวันนี้ กำลังสอนเราว่า ต่อให้เศรษฐกิจจะไม่เป็นใจแค่ไหน แต่ ธุรกิจยังเติบโตได้เสมอ ถ้าเรามี “วิธีคิด” และ “วิธีทำ” ที่เหมาะกับยุคสมัย ความสำเร็จไม่ได้เกิดจากการโฟกัสแค่เรื่องใดเรื่องหนึ่ง ไม่ใช่แค่ราคาถูก ไม่ใช่แค่กาแฟอร่อย หรือแค่เพราะมี Delivery แต่เกิดจากหลายปัจจัยเล็กๆ ที่ทำงานร่วมกัน เหมือนการชงกาแฟ 1 แก้ว ไม่ได้มีแค่เมล็ดที่ดี แต่ต้องมีอุณหภูมิ น้ำหนักมือ และเวลา ที่สมดุลกัน

เข้าใจผู้บริโภคในวันที่พฤติกรรมเปลี่ยนไป วันนี้คนไม่ได้อยากจ่ายแพง อยากได้ของดีในราคาที่จับต้องได้ และความสะดวกคือสิ่งที่ลูกค้าคาดหวังแบบไม่พูดตรงๆ แต่พร้อมเปลี่ยนร้านทันทีถ้าไม่ตอบโจทย์

สร้างคุณค่าในราคาที่คนเข้าถึงได้ Affordable ไม่ได้แปลว่าถูกสุด แต่แปลว่า “คนรู้สึกคุ้ม” ร้านกาแฟที่ขายได้ทุกวันคือร้านที่ทำให้ลูกค้ารู้สึกว่า 60-90 บาท แก้วนี้ ซื้อซ้ำได้ ไม่ต้องลังเล

ใช้เทคโนโลยีให้เป็นประโยชน์ QR Order, POS, Digital Payment ไม่ใช่ของเล่นใหม่ แต่คือเครื่องมือที่ช่วยให้ร้านขายดีขึ้น คุมต้นทุนดีขึ้น และบริหารเวลาได้ดีขึ้น

ขายให้ครบทุกช่องทางที่ลูกค้าสะดวก วันนี้ลูกค้าไม่ได้เดินเข้าร้านเสมอไป บางคนสั่งผ่านแอป บางคนอยาก Takeaway บางคนอยากกด QR ที่โต๊ะ ช่องทางไหนตอบโจทย์ ลูกค้าอยู่ตรงนั้นเสมอ

ความท้าทายไม่ใช่ศัตรู แต่คือโอกาสที่ถูกซ่อนเอาไว้ให้คนที่ “มองเห็น” ใครที่เข้าใจพฤติกรรม เข้าใจวิธีคิดใหม่ของลูกค้า และกล้าปรับกลยุทธ์ให้สอดคล้องกับความจริงในตลาด จะเห็นว่า วิกฤตหรือเศรษฐกิจแย่ๆ ไม่ได้เป็นข้ออ้างที่จะไม่โตอีกต่อไป

อ่านบทความเพิ่มเติมได้ที่

• ส่อง 6 กลยุทธ์การตลาด Zen Group 2025 จากร้านอาหารสู่แบรนด์ที่อยู่ในใจผู้บริโภคในทุกวัน
• การตลาดร้านกาแฟ The Baristro เปลี่ยน Pain Point ให้กลายเป็นโอกาส

• Facebook
• X
• Line