เจาะลึกบทเรียนพลิกโฉมแบรนด์ กลยุทธ์โรงพยาบาล เมโกะ สู่ Global Value Proposition

เมื่อพูดถึงตลาดศัลยกรรมและความงามของไทย หลายคนอาจไม่รู้ว่ามีขนาดใหญ่ถึง 7 หมื่นล้านบาทในปี 2568 และยังคาดว่าจะพุ่งทะยานแตะ 5.2 แสนล้านบาทภายในปี 2573 หรือโตเฉลี่ยกว่า 47-48% ต่อปีเลยทีเดียว นี่คือธุรกิจที่ร้อนแรงที่สุดแห่งหนึ่งในเอเชียที่ไม่ใช่แค่ในประเทศแต่ยังดึงดูดสายตาจากนักลงทุนและผู้บริโภคทั่วโลก แต่แทนที่จะแค่จับตามองเหมือนหลาย ๆ เจ้า “เมโกะ คลินิก” และ “โซ เมโกะ คลินิก” กลับเลือกพลิกเกมครั้งใหญ่ด้วยการควบรวมธุรกิจและต่อยอดไปสู่ โรงพยาบาล เมโกะ  Global Value Proposition ด้วยเม็ดเงินลงทุนกว่า 1,000 ล้านบาท

บทความนี้พามาพูดคุยกับ พญ.วรารัตน์ สิริกุตตา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) ของ โรงพยาบาลเมโกะ อินเตอร์เนชั่นแนล (MEKO INTERNATIONAL HOSPITAL) ถึงเบื้องหลังการตัดสินใจครั้งสำคัญค่ะ ที่ไม่ใช่เพียงการตามกระแสแต่คือการขับเคลื่อนด้วยมุมมองระยะยาวเพื่อมองเห็นโอกาสจาก Medical Tourism และการเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมผู้บริโภครุ่นใหม่ที่ต้องการมากกว่า “ความสวย” แต่คือมาตรฐานสากลและประสบการณ์ครบวงจร

พญ.วรารัตน์ กล่าวว่าอุตสาหกรรมศัลยกรรมและความงามของไทยยังอยู่ในช่วงขาขึ้นค่ะ กระแสความต้องการไม่ได้หยุดแค่การทำ “ศัลยกรรมเสริมความงาม” แต่ขยายไปถึงการดูแลภาพลักษณ์และสุขภาพผิวแบบองค์รวม โดยเฉพาะในกลุ่ม คนรุ่นใหม่ Gen Y และ LGBTQIA+ ที่มองความงามเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างความมั่นใจและบุคลิกภาพ

กลยุทธ์โรงพยาบาล เมโกะ

รวมถึงรายงานจากศูนย์วิจัยกสิกรไทยที่ชี้ให้เห็นทิศทางเดียวกันว่า การเติบโตของตลาดนี้ไม่ได้จำกัดแค่ลูกค้าไทย แต่ยังรวมถึงนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามาใช้บริการทางการแพทย์ในไทยกว่า 2 ล้านครั้งต่อปี จุดแข็งที่ทำให้ประเทศไทยโดดเด่นคือความเชี่ยวชาญของแพทย์ไทย มาตรฐานสากลอย่าง JCI ราคาที่แข่งขันได้รวมถึงการนำเทคโนโลยีการแพทย์ล้ำสมัยมาใช้ในภาคบริการ

ผู้เขียนมองว่าสิ่งเหล่านี้ทำให้ประเทศไทยไม่ใช่แค่ “แหล่งท่องเที่ยวระดับโลก” อีกต่อไปค่ะ แต่กำลังถูกยอมรับในฐานะ Medical & Beauty Hub แห่งเอเชียแปซิฟิก จึงกลายเป็นสัญญาณชัดเจนว่าตลาดไม่ได้เพียง “เปลี่ยน” แต่กำลัง “เปิดประตูใหม่” ให้ผู้ประกอบการที่พร้อมคว้าโอกาสและเมโกะก็คือหนึ่งในนั้นที่เลือกยกระดับตัวเองจากคลินิกสู่โรงพยาบาลอินเตอร์เนชั่นแนล

พญ.วรารัตน์ ได้กล่าวถึงการจับมือกันของ “เมโกะ คลินิก” ซึ่งมีชื่อเสียงด้านการดูแลผิวและศัลยกรรมความงาม กับ “โซ เมโกะ คลินิก” ที่โดดเด่นเรื่องศัลยกรรมจมูก หน้าอก และการดึงหน้า ไม่ใช่แค่การ “รวมธุรกิจ” แต่เป็นการรวม DNA ความเชี่ยวชาญของทั้งสองแบรนด์เข้าด้วยกันจนต่อยอดออกมาเป็นโรงพยาบาลเมโกะ อินเตอร์เนชั่นแนลที่ยกระดับบริการไปอีกขั้น

หลังการควบรวมแล้วฐานลูกค้าของโรงพยาบาลเติบโตแตะกว่าหนึ่งแสนคน สัดส่วนหลักยังคงเป็นลูกค้าคนไทยราว 80% และต่างชาติ 20% โดยเฉพาะกลุ่มวัยทำงาน Gen Y จนถึงวัยเกษียณตอนต้ที่มองการดูแลความงามเป็นเรื่องจำเป็นไม่ใช่เรื่องฟุ่มเฟือยอีกต่อไป

กลยุทธ์โรงพยาบาล เมโกะ

ที่น่าสนใจคือการใช้บริการที่กระจายค่อนข้างชัดเจน เช่นใช้บริการด้านการดูแลผิวพรรณ 35% และบริการด้านศัลยกรรม 65% ซึ่งการศัลยกรรมจมูกยังครองแชมป์ความนิยมสูงสุด 40% รองลงมาคือศัลยกรรมหน้าอก 20% การดูดไขมันและตัดหนังหน้าท้อง 20%  การดึงหน้า 10% และศัลยกรรมอื่นๆ อีก 10% ซึ่งสะท้อนว่าความต้องการไม่ได้จำกัดอยู่แค่ “อยากดูดี” แต่ยังรวมถึง “อยากมั่นใจ” และ “อยากกลับไปมีร่างกายที่ใช่สำหรับตัวเอง”

ผู้เขียนเองมองว่าการควบรวมครั้งนี้แสดงให้เห็นว่าในตลาดที่การแข่งขันสูง การมี “จุดแข็งเฉพาะด้าน” อาจไม่พออีกต่อไป แต่การผนึกความเชี่ยวชาญจากหลายแบรนด์ให้กลายเป็นประสบการณ์ครบวงจรคือกุญแจสำคัญที่จะสร้าง Value Proposition ใหม่และเป็นทางลัดในการครองใจลูกค้าหลากหลายเซ็กเมนต์ในเวลาเดียวกันค่ะ

พญ.วรารัตน์ ได้เล่าถึงความงามไม่ใช่แค่ “รูปสวย” แต่คือการออกแบบที่ต้องเฉพาะตัวและตอบโจทย์ชีวิตจริงของแต่ละคน แนวคิด “Tailored for You. Trusted by Generations. Timeless in Beauty.” จึงไม่ใช่เพียงสโลแกนแต่คือ “เข็มทิศ” ที่กำหนดวิธีคิดและวิธีทำงานของทีมแพทย์และบุคลากรในทุกขั้นตอน

กลยุทธ์โรงพยาบาล เมโกะ

Tailored คือการออกแบบการรักษาให้เหมาะกับแต่ละบุคคล ไม่ว่าจะเป็นการดูแลผิวพรรณหรือการทำศัลยกรรม ทุกอย่างถูกคิดมาอย่างละเอียดเพื่อให้ผลลัพธ์เป็นธรรมชาติที่สุดและที่สำคัญคือตอบโจทย์ “ความมั่นใจ” ที่จะอยู่กับเขาในระยะยาว

Trusted คือทุนความไว้วางใจที่สั่งสมมากว่า 40 ปี ผ่านชื่อเสียงของทีมแพทย์และมาตรฐานระดับสากลอย่าง JCI ความปลอดภัยในทุกหัตถการ และระบบดูแลที่ครอบคลุมตั้งแต่ก่อนเข้ารับบริการจนถึงหลังการรักษา ความไว้วางใจนี้ไม่ได้เกิดจากการสื่อสารทางการตลาดแต่สร้างขึ้นจากประสบการณ์จริงที่ลูกค้าสัมผัสและส่งต่อกันรุ่นต่อรุ่น

Timeless สะท้อนถึงการดูแลที่ไม่หยุดอยู่กับผลลัพธ์ทันทีแต่เป็นการมอบความมั่นใจในทุกช่วงวัย ความงามอาจเปลี่ยนไปตามอายุแต่ความสง่างามและการดูแลที่ต่อเนื่องคือสิ่งที่ทำให้ประสบการณ์จากโรงพยาบาล เมโกะ คงอยู่ในใจลูกค้าเสมอ

ในเชิงการตลาดผู้เขียนมองว่า แนวคิด Tailored – Trusted – Timeless คือการสร้าง Brand Philosophy ที่ทรงพลังค่ะ เพราะไม่ได้ขาย “บริการ” เพียงอย่างเดียวแต่ขาย “คุณค่า” ที่ลูกค้ารู้สึกและเชื่อมโยงได้จริง แบรนด์ที่ทำให้สโลแกนไม่ใช่แค่คำพูดแต่กลายเป็นประสบการณ์จริงจะมีแต้มต่อในการสร้างความแตกต่างและยืนระยะในตลาดที่แข่งขันสูงได้อย่างยั่งยืน

หลายคนอาจมองตัวเลขการลงทุนกว่า 1,000 ล้านบาท ของ MEKO Group ว่าเป็นเพียงงบก่อสร้างอาคารใหญ่โตแต่ความจริงแล้วนี่คือการ “ลงทุนเชิงกลยุทธ์” ที่ครอบคลุมทั้งโครงสร้างพื้นฐาน บุคลากร และประสบการณ์ลูกค้าเพื่อตอกย้ำมาตรฐานความงามระดับสากล

กลยุทธ์โรงพยาบาล เมโกะ

การลงทุนครั้งนี้ไม่ได้จำกัดอยู่ที่ตัวอาคารหรืออุปกรณ์ทางการแพทย์เท่านั้นค่ะ แต่ยังรวมไปถึงการ พัฒนาศักยภาพทีมแพทย์ พยาบาล และบุคลากรทุกระดับพร้อมวางแผนด้านการตลาดเชิงรุกเพื่อสร้างการรับรู้แบรนด์ทั้งในไทยและต่างประเทศ เป้าหมายรายได้ปีแรกจึงไม่ได้เป็นเพียง “ตัวเลข 600 ล้านบาท” แต่คือการวางรากฐานเพื่อการเติบโตระยะยาว

ด้านบริการ MEKO International วางมาตรฐานใหม่ของ “Premium Experience” ไม่ว่าจะเป็นห้องพักฟื้นส่วนตัวระดับโรงแรม 5 ดาว การดูแลตลอด 24 ชั่วโมง ไปจนถึงการทำศัลยกรรมขนาดใหญ่แบบ Full Make Over ที่ให้ความรู้สึกไร้รอยต่อ ตั้งแต่การวางแผนรักษาไปจนถึงการดูแลหลังการผ่าตัด

พญ.วรารัตน์ ได้เล่าถึงเทรนด์ความงามในอนาคตที่น่าจับตามองไว้หลายประเด็นค่ะ กลุ่ม Gen Z และ LGBTQIA+ กำลังแสดงให้เห็นชัดเจนว่ามีความสนใจในการทำศัลยกรรมและการดูแลความงามมากขึ้นเรื่อย ๆ ขณะที่กลุ่มผู้ชายก็กำลังกลายเป็นตลาดใหม่ที่มีศักยภาพสูง เพราะเริ่มหันมาใส่ใจการดูแลตัวเองและภาพลักษณ์มากกว่าที่เคย

กลยุทธ์โรงพยาบาล เมโกะ

ในอีกมิติหนึ่งกระแส Medical Tourism ยังคงแข็งแรงโดยเฉพาะจากกลุ่มประเทศ CLMV (กัมพูชา ลาว เมียนมาร์ เวียดนาม) รวมถึงอินโดนีเซีย สิงคโปร์ จีน และประเทศในตะวันออกกลาง ซึ่งล้วนถูกมองว่าเป็นกลุ่มเป้าหมายสำคัญที่จะมีบทบาทต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยในอนาคต

และสิ่งที่ทำให้ผู้นำตลาดแตกต่างจากผู้ตามตลาดก็คือ “การมองเห็นอนาคตตั้งแต่วันนี้” พร้อมทั้งลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานและยกระดับมาตรฐานการให้บริการเพื่อวางรากฐานสู่การเติบโตที่มั่นคงและยั่งยืนในวันข้างหน้า ด้วยบทพิสูจน์ตัวจริงที่ยืนหนึ่งในธุรกิจแพทย์ความงามของทั้งสองแบรนด์ การควบรวมกิจการไม่ได้ทำลายความไว้วางใจที่สร้างมา แต่กลับเสริมสร้างให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น

เรื่องราวของ โรงพยาบาล เมโกะ ถือเป็นเคสตัวอย่างที่น่าสนใจมากค่ะ ว่าการตัดสินใจครั้งใหญ่ในธุรกิจไม่จำเป็นต้องมาจาก “ความเสี่ยง” เสมอไป แต่สามารถเป็น “การคว้าโอกาสที่มองเห็นชัด” ได้เหมือนกัน สิ่งที่เราได้เรียนรู้มีดังนี้ค่ะ

  • การควบรวมธุรกิจถ้าจะให้สำเร็จต้องไม่ใช่แค่รวมขนาดแต่ต้องเอาจุดแข็งที่แตกต่างมาผสานกัน เมโกะ กับโซ เมโกะทำให้เห็นว่าเป็นการครอบคลุมลูกค้าได้มากขึ้นจริง ๆ
  • การมี positioning ที่ชัดเจนอย่างแนวคิด Tailored, Trusted, Timeless ไม่ใช่คำสวย ๆ แต่เป็นคุณค่าที่จับต้องได้และยากที่คู่แข่งจะลอกเลียน
  • การอ่านเทรนด์ล่วงหน้า เช่น การจับตา Gen Z, LGBTQIA+ และตลาดผู้ชายทำให้บริการที่ออกมาทันใจและตรงกลุ่มเป้าหมายมากกว่าใคร
  • การมองภาพใหญ่ไม่ได้โฟกัสแค่ธุรกิจของตัวเองแต่โยงเข้ากับบริบทประเทศ ทั้งการเป็น Medical Tourism Hub และการเข้าสู่สังคมผู้สูงวัย
  • การลงทุนในคุณภาพและมาตรฐานสากลอย่างการได้มาตรฐาน JCI หรือการดึงเทคโนโลยีทันสมัยมาใช้เป็นเหมือนการสร้าง “คูน้ำ” ที่ช่วยปกป้องธุรกิจในระยะยาว

ตลาดศัลยกรรมและความงามไทยที่กำลังมุ่งสู่มูลค่ากว่า 5.2 แสนล้านบาท ภายใน 5 ปีข้างหน้าอาจเป็นสนามที่แข่งขันดุเดือดแต่เคสของ โรงพยาบาล เมโกะ ก็แสดงให้เห็นว่าผู้เล่นที่เข้าใจตลาดจริง ๆ และสร้างความต่างที่ยั่งยืนจะไม่เพียงอยู่รอดค่ะ แต่จะเติบโตและกลายเป็นผู้นำได้ในที่สุด

ขอบคุณที่อ่านจนจบนะคะ และสามารถอ่านบทความอื่น ๆ ได้ที่นี่

อุ๋มอิ๋ม Marketing Content Creator และ Data Insight Researcher ของการตลาดวันละตอน

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *