ไม่นานมานี้เบสได้มีโอกาสอ่านบทความจาก Financial Times ที่ชื่อว่า How Apple Inc captured Gen Z in the US – and changed their social circles ที่ว่าด้วยเรื่องพฤติกรรมของคน Gen Z ในอเมริกา ที่พวกเขาสนใจและมีความต้องการในการใช้โทรศัพท์ iPhone มากกว่าโทรศัพท์มือถือแบบอย่าง เช่น สินค้าจากฝั่ง Andriod
โดย Apple พบว่า Market Share ของโทรศัพท์มือถือ iPhone ในประเทศสหรับอเมริกา เติบโตขึ้นจาก 35% ในปี 2019 เป็น 50% ในช่วงสิ้นปีที่ผ่านมา และกลุ่มคนที่ใช้ iPhone มากที่สุดก็จัดอยู่ในกลุ่ม Gen Z ถึง 48% จากการสำรวจของ Flurry Analytics
ภาพประกอบจาก flurry.com
ส่วนที่น่าสนใจคือผลจากการวิจัยภายในบทความ โดยพวกเขาพบว่า พฤติกรรมที่ Gen Z ชอบ iPhone มากกว่านั้น พวกเขาสนใจมันโดยที่พวกเขาสมัครใจและมีความต้องการด้วยตัวมันเอง โดยที่ไม่ได้รับอิทธิพลใด ๆ จากการโฆษณาใด ๆ หรือ การสื่อสารของแบรนด์เลย
บทความในวันนี้เบสเลยอยากจะมาแชร์ให้ทุกคนได้อ่านกันครับว่า Apple ทำให้เกิดพฤติกรรมเหล่านี้ได้ยังไง
ถ้าใครไปแบบสุดซอยเลยก็ iPhone, AirPods, iPad, Apple Watches, Mac เป็น Apple User แบบเต็มตัว
ที่เป็นอย่างนั้น ก็เพราะ Apple มีการออกสินค้าให้สามารถเชื่อมต่อกับสินค้าในแบรนด์เดียวกันที่จะทำให้ User สามารถดึงประสิทธิภาพจากสินค้าเหล่านั้นและสามารถได้รับประสบการณ์จากสินค้าเหล่านั้นออกมาได้อย่างเต็มที่ ด้วย Software ที่ทางแบรนด์ออกแบบไว้ให้การใช้งานนั้นไร้รอยต่อมากที่สุด
แม้ว่าทั้งหมดนี้จะอยู่ภายใต้ข้อจำกัดว่าราคาสินค้าของ Apple จะแพงกว่าสินค้าของ Samsung อยู่หลายเท่าก็ตาม ซึ่งสะท้อนให้เห็นเลยครับว่า ความสะดวก ที่ Apple พยายามนำเสนอให้ได้ใจผู้ใช้งานสินค้าของแบรนด์มากแค่ไหน
ภาพประกอบจาก Financial Times
ด้วยการออกแบบของระบบนิเวศในการใช้งานของ Apple นี้เองทำให้เมื่อ User คนหนึ่งความต้องการที่จะเปลี่ยนการใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอกนิกส์สักอย่าง หรือ เปลี่ยนโทรศัพทธ์มือถือของพวกเขา ไปเป็นสินค้าจากแบรนด์อื่น จะมีต้นทุนในการเปลี่ยนแปลงมากขึ้นหลากหลายด้าน
ไม่ว่าจะเป็น การทำให้อุปกรณ์อื่น ๆ ที่ซื้อเพิ่มเข้ามาของ Apple ใช้งานมันไม่ได้อย่างเต็มที่, การส่งผลให้พวกเขาอาจจะไม่ได้รับประสบการณ์การเชื่อมต่อกันอย่างไร้รอยต่อบนอุปกรณ์ของ Apple อยู่แล้ว หรือถ้าอยากได้ประสบการณ์ไร้รอยต่อแบบเดิมก็จะต้องลงทุนสูงเหมือนกัน ซึ่งการไม่เปลี่ยนเลยก็จะเป็น Comfort Zone ที่ดีกว่า
ซึ่งสำหรับ Gen Z ที่เป็น Generation ที่ใช้เวลาอยู่บน Online มากกว่า Generation อื่น ประสบการณ์ Seamless และความสะดวกสบายในการเชื่อมต่อกันของอุปกรณ์ต่าง ๆ ของ Apple ช่วยให้พวกเขามีประสบการณ์ในการใช้ชีวิตความเป็นจริงกับการเข้าถึงโลก Online ได้ดียิ่งขึ้นมาก
และการเป็นจุด Trigger ในเรื่องระบบนิเวศของแบรนด์นี้ได้แพร่กระจายออกไปในกลุ่ม Gen Z มากขึ้นเรื่อย ๆ จนเกิดพฤติกรรมใหม่ที่น่าสนใจมาก ๆ ซึ่งนำไปสู่ Bullet ที่ 2
พลังจากภาษีสังคม (Social Currency)
เมื่อ Apple Ecosystem กลายมาเป็นสิ่งที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตของคน Gen Z ในหมู่มาก ที่ช่วยให้สามารถข้ามข้อจำกัดหลายอย่างในประสบการณ์ไร้รอยต่อ อย่างการส่งข้อมูลที่รวดเร็วของฟีเจอร์ Air Drop หรือ การส่งข้อความ รูปภาพ หรือไฟล์เสียง ที่มีคุณภาพเท่าเดิมผ่านช่องแชท แถมยังส่งได้ฟรี ไม่มีค่าบริการแบบ SMS หรือ MMS อย่าง iMessage
Gen Z ส่วนใหญ่จึงเลือกใช้ iPhone กันอย่างแพร่หลายมากขึ้น โดยส่วนใหญ่จะเป็นผู้หญิงซะเยอะราว 66% ได้เลย สวนทางกับมือถือฝั่ง Andriod อย่างแบรนด์ Samsung มากที่มีผู้ใช้เป็นผู้ชายถึง 62%
ภาพประกอบจาก flurry.com
แต่ฟีเจอร์ที่เราได้คุยกันมา นั่นก็ยังไม่ใช่จุด Trigger ที่สำคัญที่ส่งผลให้การใช้สินค้าของ iPhone นี้ยังคงแพร่กระจายออกไปอยู่เรื่อย ๆ ครับ เพราะเมื่อเราได้ลองเจาะลึกลงไปในส่วนของความสนใจแล้ว เราจะพบพฤติกรรมบางอย่างที่ไปเกี่ยวข้องกับเรื่องของ ภาษีสังคม หรือ Social Currency ที่ซ่อนอยู่ในคน Gen Z ในประเทศอเมริกาอยู่ด้วย
ก่อนหน้านี้มี TikTok Challenge ที่เป็นกระแสอยู่ช่วงหนึ่งในอเมริกาที่ชื่อว่า “He’s a 10 but …” โดยวิธีการเล่นจะเป็นการเปรียบเปรยว่า ผู้ชายคนนี้จะถูกใจคุณแบบ 10/10 แต่… ตามด้วย Condition บางอย่างที่จะให้คุณตอบว่าสำหรับคุณคุณจะให้คะแนนเท่าไร
สำหรับหนุ่ม ๆ Gen Z เรื่องนี้จึงค่อนข้างแอบเป็นวาระแห่งชาติที่พวกเขาพึงรู้เอาไว้เลยทีเดียวครับ และเรื่องนี้เป็นประเด็นถึงขนาดมีคำที่ใช้เรียกผู้ชายที่ใช้ Andriod เลยว่า Andriod Guy