ปกติแล้วเวลานั่งเครื่องบินหลายชั่วโมง หลายคนก็มักจะนั่งเหม่อ หลับบ้าง หยิบหนังสือมาอ่าน หรือเปิดเพลงฟังแก้เหงา แต่คราวนี้การเดินทางบนฟ้าอาจเปลี่ยนไปตลอดกาล เพราะ Viu (วิว) กระโดดเข้ามาเติมเต็ม “เวลาบนเครื่องบิน” ให้กลายเป็นช่วงเวลาแห่งความบันเทิง ผ่านการจับมือกับสายการบินนกแอร์ (Nok Air) เพื่อเสิร์ฟซีรีส์ดังฟรีทุกเที่ยวบินค่ะ
เมื่อการเดินทางไม่ใช่แค่ไปถึงจุดหมาย ทุกวันนี้ “การเดินทาง” ไม่ได้หมายถึงการนั่งเครื่องไปจาก A ไป B อีกต่อไปค่ะ เพราะสำหรับผู้โดยสารยุคนี้ ช่วงเวลาหลายชั่วโมงบนฟ้าก็คือ “ช่วงชีวิต” ที่พวกเขาอยากใช้ให้คุ้มค่าที่สุด ไม่ว่าจะพักผ่อน ปลดปล่อย หรือหาความสุขเล็ก ๆ ระหว่างทาง
AI image generated by Shutterstock (Prompt : A young woman sinks into her airline seat, posture slack with the ennui of endless sky-time. Dim blue light bathes the cabin, casting a cool glow on her soft features. Headphones lie idle around her neck like a forgotten promise. Gazing listlessly out the small oval window, her reflection mingles with the night sky. The hum of the engines is a distant murmur, the cinematic scope capturing idle moments suspended in transit, frozen in time, horizon stretching inexorably beyond.)
และนี่คือช่องว่างสำคัญที่ Viu มองเห็น เพราะความเบื่อหน่ายบนเครื่องบินคือ Pain Point ที่แทบทุกคนเจอเหมือนกัน เวลาเหม่อมองก้อนเมฆ หลับ ๆ ตื่น ๆ หรือเลื่อนหน้าจอไปเรื่อยโดยไม่มีอะไรดึงดูดใจ นั่นแหละคือจังหวะทองที่ Viu เลือกเข้ามา “เปลี่ยนโมเมนต์ว่างเปล่าให้กลายเป็นช่วงเวลาที่มีคุณค่า” ด้วยการเข้าไปอยู่ ในที่ที่ผู้โดยสารอยู่จริง ๆ ซึ่งก็คือบนเครื่องบินนั่นเองค่ะ
โปรเจกต์ที่ทำให้ทุกไฟลท์มีรสชาติ จาก Insight ดังกล่าว Viu จึงจับมือกับนกแอร์ เปิดให้ผู้โดยสารกดดูซีรีส์ฟรีทุกที่นั่ง ทุกเส้นทาง ผ่านระบบ Inflight Entertainment (IFE) โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายเพิ่ม เพื่อเปลี่ยนการเดินทางให้เต็มไปด้วยความบันเทิงมากกว่าเดิม เรียกได้ว่าใครเป็นสายเกาหลีก็ได้ฟินกับซีรีส์ฮิตอย่าง Reborn Rich นำแสดงโดยโอปป้า “ซงจุงกิ” ส่วนใครเป็นสายไทยก็มีซีรีส์บ้านเราให้เลือกครบทุกโทน ไม่ว่าจะดราม่า โรแมนติก หรือคอมเมดี้ รวมกว่า 15 เรื่อง
นี่แสดงให้เห็นว่า Viu ไม่ได้หยุดอยู่ที่การเป็นแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งในมือถือหรือสมาร์ททีวีอีกแล้วค่ะ แต่กำลังขยายบทบาทตัวเองให้กลายเป็น “เพื่อนร่วมทาง” ที่พร้อมอยู่กับผู้บริโภคทุกที่จริง ๆ ตั้งแต่บนโซฟาที่บ้าน รถไฟฟ้าชั่วโมงเร่งด่วน ไปจนถึงบนท้องฟ้ากว่า 30,000 ฟุตเหนือพื้นดิน
ที่เด็ดคือ Viu ใส่ใจ Localization แบบจัดเต็ม มีทั้งเสียงพากย์ไทย พากย์อีสาน และพากย์ใต้ เพื่อให้ผู้โดยสารจากทุกภูมิภาครู้สึกอิน เข้าถึงง่าย รู้สึกว่า “นี่คือคอนเทนต์ที่ทำมาเพื่อเรา”
เกมกลยุทธ์ที่ซ่อนอยู่หลังซีรีส์ฟรี 1. Occasion Marketing เปลี่ยน “เวลาบิน” ให้กลายเป็นช่วงเวลาทอง การนั่งเครื่องบินคือ Occasion ที่มีเงื่อนไขเฉพาะ ผู้โดยสารถูกบังคับให้นั่งอยู่บนเก้าอี้นานหลายชั่วโมง และหากไม่มีอะไรดึงดูดก็จะเบื่อทันที ซึ่ง Viu จับจังหวะนี้มาเป็น Use Case ใหม่ ของการดูซีรีส์ ทำให้ “เวลาบนเครื่อง” จากที่เคยว่างเปล่ากลายเป็นช่วงเวลาฟินที่ใครก็อยากใช้ให้คุ้มที่สุด
2. Localization Strategy คอนเทนต์ที่พูดภาษาเดียวกับผู้โดยสาร ไม่ได้หยุดอยู่แค่ซีรีส์ดัง แต่ Viu ยังลงทุนใส่พากย์ไทย พากย์อีสาน และพากย์ใต้ เพื่อให้ผู้โดยสารทุกภูมิภาคเข้าถึงง่ายขึ้น ความหมายคือไม่ว่าคุณจะมาจากที่ไหน Viu ก็ทำให้รู้สึกว่า “คอนเทนต์นี้ทำมาเพื่อเรา” นี่คือการใส่ใจใน Cultural Diversity ที่ทำให้แบรนด์ดูเข้าใจผู้บริโภคจริง ๆ
VIDEO
3. Content Sampling Strategy ทดลองฟรีจนกลายเป็นนิสัย นี่คือการ “แจกชิม” ที่แยบยลมากค่ะ เพราะคนที่ปกติไม่เคยโหลด Viu ก็ได้ลองกดดูฟรีบนเครื่องบินก่อน และถ้าติดใจ พอลงจากเครื่องกลับบ้านก็มีแนวโน้มจะโหลดแอปต่อ เท่ากับว่าการบินครั้งนี้ไม่ใช่แค่ประสบการณ์เดินทาง แต่กลายเป็น Free Trial Experience
4. Partnership Synergy การร่วมมือที่ Win-Win ทั้งสองฝั่ง นี่ไม่ใช่ดีลที่ใครได้ฝ่ายเดียว แต่ทั้งสองแบรนด์ได้ประโยชน์ร่วมกัน Viu ได้ผู้ชมใหม่จำนวนมาก ส่วนนกแอร์ก็เพิ่มคุณค่าให้บริการตัวเอง จากที่เคยขายเพียง “การเดินทาง” ก็อัปเกรดเป็น “การเดินทางที่มาพร้อมความบันเทิง”
5. Data-driven Expansion คอนเทนต์ไหนที่ผู้โดยสารรัก? อีกมุมที่โอปอมองว่าน่าสนใจมาก คือโปรเจกต์นี้ไม่ได้แค่สร้างความบันเทิง แต่ยังกลายเป็นแหล่งเก็บ Insight แบบล้วน ๆ เลยค่ะ ไม่ว่าจะเป็น ผู้โดยสารเลือกดูเรื่องไหน กดเล่นกี่นาที หรือหยุดดูตรงไหน ข้อมูลเหล่านี้ล้วนแปลงไปเป็น Data ที่มีค่ามาก สามารถนำไปต่อยอดได้ทั้งการเลือกคอนเทนต์ที่แม่นยำขึ้นในอนาคต หรือแม้แต่ใช้เป็นฐานสำหรับดีลสปอนเซอร์และโฆษณาที่เจาะจงตรงใจยิ่งกว่าเดิม
6. Attention Economy Play ยึดพื้นที่ใหม่บนท้องฟ้า และจุดที่ทำได้ดีมากในยุคที่แบรนด์ทุกเจ้ากำลังแย่งความสนใจคนดูบนมือถือ Viu กลับเลือกขยายสมรภูมิไปยัง “ท้องฟ้า” ที่คู่แข่งยังเข้าไม่ถึง ถือเป็นการชิงพื้นที่ความสนใจที่ชาญฉลาด เพราะระหว่างบินคือช่วงที่ผู้โดยสารยังไม่มีสิ่งอื่นมาดึงความสนใจได้มากเท่าซีรีส์คุณภาพค่ะ
สรุป การตลาด Viu X Nok Air ดูฟรีบนฟ้า พาคนโหลดต่อบนดินในมุมของโอปอเอง สิ่งที่แคมเปญนี้สะท้อนให้เห็นชัดคือ “โอกาสทางการตลาดไม่ได้อยู่แค่ในตลาดที่ใหญ่ที่สุดเสมอไป” แต่บางครั้งมันซ่อนอยู่ในช่วงเวลาที่คนอื่นมองข้าม
อย่างเวลาบนเครื่องบิน ที่เดิมทีถูกมองว่าเป็น Wasted Moment หรือโมเมนต์ที่ถูกปล่อยให้ผ่านไปแบบไม่มีความหมาย แต่ Viu กลับมองว่าคือ Golden Time ที่สามารถสร้างประสบการณ์ใหม่ ๆ ได้ ถ้าเราเปลี่ยนวิธีคิดเสียหน่อย มันคือการพลิก Pain Point ให้กลายเป็น Touchpoint ที่มีพลังมาก เลยค่ะ เพราะเราไม่จำเป็นต้องอยู่กับเขาตลอดเวลา แต่ควร “อยู่ให้ถูกจังหวะ” และ “อยู่ด้วยคุณค่า”
สุดท้ายนี้ อยากให้ลองกลับไปมองแบรนด์ตัวเองใหม่อีกครั้ง ว่ามี “ช่วงเวลา” ไหนที่ลูกค้าของเราอาจจะเบื่อ เหนื่อย หรือว่างเปล่าอยู่หรือเปล่า? ถ้าเจอแล้ว เราจะเข้าไปเติมเต็มตรงนั้นยังไงให้กลายเป็นช่วงเวลาที่พิเศษขึ้นมาได้บ้าง เพราะบางที การตลาดที่ทรงพลังที่สุด อาจไม่ใช่การสร้างโมเมนต์ใหญ่โต แต่คือการสร้างโมเมนต์เล็ก ๆ ที่คนไม่มีวันลืม แล้วพบกันใหม่บทความหน้านะคะ :0)
บทความที่แนะนำให้อ่านต่อ
