ในโลกธุรกิจที่เต็มไปด้วยโฆษณาจากทุกทิศทุกทาง ทำให้แบรนด์ต่าง ๆ ก็ต้องงัดกลยุทธ์ใหม่ ๆ มาสร้างความผูกพันกับลูกค้ามากขึ้น แต่วิธีไหนจะสู้ “เขาบอกมา” วันนี้ผมจะพาไปดูเคส การตลาดรถยนต์ Dacia จากโมร็อกโกที่ใช้พลัง “ความไว้วางใจใครก็ไม่เท่าคนกันเอง” มาพิชิตใจลูกค้า ด้วยแคมเปญสุดสร้างสรรค์อย่าง “Test My Dacia” ที่พลิกโฉมการทดลองขับรถแบบเดิม ๆ ให้ลูกค้าตัวจริงกลายเป็นพนักงานขายแทน
ที่มาของแคมเปญ การตลาดรถยนต์ Dacia
แคมเปญ “Test My Dacia” บริบทสังคมและพฤติกรรมผู้บริโภคในโมร็อกโก ในสังคมโมร็อกโก ที่อยู่กันเป็นสังคมแบบรวมกลุ่ม (Collectivist Society) หรือก็คือลักษณะพฤติกรรมของการตัดสินใจซื้อของชิ้นใหญ่ ๆ เช่นรถยนต์ ซึ่งจะได้รับอิทธิพลอย่างมากจากคำแนะนำของเพื่อน ครอบครัว หรือคนในชุมชนที่ผู้บริโภคไว้ใจนั่นเอง มีสุภาษิตโมร็อกโกที่บอกไว้ชัดเจนเลยว่า “seek advice from someone who’s experienced it, not the expert” ถ้าแปลเป็นไทยก็คือ “ถามจากคนใช้จริง ไม่ใช่คนที่รู้จริง”
AI-Generated by Shutterstock (Prompt: Two young men, around 25–35 years old, sitting or standing close together. One man is leaning in to whisper into the other’s ear. His hand is partially covering his mouth in a clear whispering gesture. Both are casually dressed, smiling or laughing. The mood is playful and friendly. Set in a casual environment like a café, street, or office. Soft natural lighting, close-up or mid-frame shot.)
ซึ่ง “คนที่รู้จริง” ก็หมายถึงพนักงานขาย ที่บางครั้งลูกค้าหลายคนก็อาจจะรู้สึกอึดอัดหรือโดนกดดันเวลาไปโชว์รูมรถยนต์แบบเดิม ๆ เพราะบรรยากาศมันทางการเกินไป แถมพนักงานขายก็เน้นแต่จะปิดการขายมากกว่าให้ข้อมูลตรง ๆ
นี่จึงกลายเป็นจุดสำคัญที่ทำให้แบรนด์ มองหาวิธีการในการสร้างประสบการณ์การทดลองขับให้กลายเป็นเรื่องที่ง่าย เป็นกันเอง และน่าเชื่อถือยิ่งขึ้น
แคมเปญ “Test My Dacia” เปลี่ยนลูกค้าให้เป็นพนักงานขาย
หัวใจหลักของแคมเปญ “Test My Dacia” คือการสร้างแพลตฟอร์มแบบ Peer-to-Peer (P2P) หรือการเชื่อมโยงคนสู่คน โดยมีแอปพลิเคชันบนมือถือเป็นตัวกลางสำคัญ โดยทาง Dacia ได้พัฒนาแอปฯ ให้คนที่สนใจซื้อรถ Dacia สามารถค้นหาและนัดหมายเพื่อทดลองขับรถจาก เจ้าของรถ Dacia ปัจจุบัน ที่อยู่ใกล้ ๆ ได้โดยตรง
ประสบการณ์ที่ได้เลยไม่ใช่การเดินเข้าโชว์รูม แต่เป็นการเจอเจ้าของรถในบรรยากาศสบาย ๆ เป็นกันเอง ทำให้ผู้บริโภคได้ทดลองขับรถคันจริง แถมที่สำคัญกว่านั้นคือได้พูดคุย ซักถาม และรับฟังประสบการณ์การใช้งานจริงจากคนที่ใช้รถรุ่นนั้น ๆ ในชีวิตประจำวันด้วย
ซึ่งแคมเปญนี้เลยเป็นการสนับสนุนแนวคิดที่ว่า “ถามคนใช้จริง ไม่ใช่คนที่รู้จริง” ทำให้การทดลองขับรู้สึกเหมือนได้ขอคำแนะนำจากเพื่อนหรือคนรู้จักมากกว่าโดนพนักงานขายโน้มน้าวนั่นเองครับ
บอกเลยว่าเทคโนโลยีถูกใช้ในแคมเปญนี้ก็น่าสนใจมาก ด้วยแอปฯ ที่ไม่ได้ทำมาแค่ให้ดูทันสมัยเท่านั้น แต่ใช้เป็นเครื่องมือเรียบง่ายที่ช่วยในการ “ปลดล็อก” ทรัพยากรที่มีอยู่แล้วใน Community นั่นก็คือรถยนต์ของลูกค้าและความเต็มใจของพวกเขาที่พร้อมจะแบ่งปันประสบการณ์ ซึ่งช่วยลดต้นทุนและความซับซ้อนในการสร้างโครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ อย่างโชว์รูมหรือศูนย์ทดลองขับเพิ่มเติมไปได้นั่นเอง
ผลลัพธ์
แคมเปญ “Test My Dacia” ไม่ใช่แค่สร้างกระแสให้ว้าวเท่านั้น แต่ยังสร้างผลลัพธ์ทางธุรกิจที่น่าประทับใจ โดยยอดขายรถพุ่งขึ้นถึง 16% เมื่อเทียบเป็นรายปี รวมแล้วขายไปได้ 39,331 คัน (เพิ่มขึ้นประมาณ 5,000 คัน)รวมไปถึงการมีส่วนร่วมกับแอปพลิเคชันก็สูงไม่แพ้กัน โดยมียอดดาวน์โหลดแอปเพิ่มขึ้น 60%
และที่น่าทึ่งกว่านั้นคือ 70% ของคนที่ดาวน์โหลดแอปได้จองการทดลองขับจริง แสดงให้เห็นว่าแอปตอบโจทย์และใช้งานได้จริงอย่างมีประสิทธิภาพสุดๆ ครับ นอกจากนี้การรับรู้ของแบรนด์ หรือ Brand Perception ยังดีขึ้นถึง 50% และ 70% ของผู้ใช้บอกว่าความไว้วางใจในแบรนด์ Dacia เพิ่มขึ้นหลังจากได้ลองสัมผัสประสบการณ์นี้ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างความภักดีในระยะยาวเลยครับ
ยังไม่พอ แคมเปญนี้ยังสร้างการมองเห็น หรือ Impressions ได้มากถึง 17.8 ล้านครั้ง และยังคว้ารางวัล Gold ในสาขา Creative Strategy ที่ Dubai Lynx 2025 มาครองได้อีกด้วย ซึ่งเป็นตอกย้ำความโดดเด่นของกลยุทธ์และความสำเร็จอย่างแท้จริง
บทเรียนสำคัญจาก การตลาดรถยนต์ Dacia ที่แบรนด์ไทยปรับใช้ได้
แคมเปญ “Test My Dacia” สะท้อนให้เห็นชัดเลยครับว่า การตลาดสมัยนี้ต้องก้าวข้ามแค่การขายของไปไกลกว่านั้นแล้ว แต่ต้องสร้าง “ประสบการณ์” และ “ความน่าเชื่อถือ” ที่แท้จริงให้ลูกค้า ซึ่งแนวคิดนี้ก็สามารเอามาปรับใช้กับบริบทของประเทศไทยได้เหมือนกัน
ในสังคมไทยเราเองก็ให้ความสำคัญกับ “Word of Mouth” หรือที่เรียกกันว่า “รีวิวจากผู้ใช้งานจริง” ใช่ไหมล่ะครับ? ไม่ว่าจะเป็นการตัดสินใจซื้ออาหาร ร้านค้า บริการ หรือแม้กระทั่งรถยนต์ คนไทยเรามักจะเชื่อคำแนะนำจากเพื่อน ญาติ หรือคนที่เรารู้จักและไว้ใจมากกว่าโฆษณาที่มักจะถูกมองว่าเป็นแค่ “การตลาด” ครับ
แบรนด์ไหนที่สามารถดึงเอา “คนจริง” ที่ใช้สินค้าหรือบริการมาบอกเล่าประสบการณ์ได้อย่างเป็นธรรมชาติ ย่อมสร้างความรู้สึกใกล้ชิดและน่าเชื่อถือได้อย่างรวดเร็วแน่นอน
ดังนั้น แนวคิดการสร้างแพลตฟอร์มที่เชื่อมโยงคนที่สนใจกับผู้ใช้งานจริง หรือการส่งเสริมให้ลูกค้าปัจจุบันกลายเป็น “แอมบาสเดอร์” ของแบรนด์ผ่านประสบการณ์ตรงนี่แหละครับ คือโอกาสทองในตลาดไทย
การลงทุนในเทคโนโลยีที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้เกิดการเชื่อมโยงแบบนี้ จะไม่เพียงช่วยลดต้นทุนการตลาดแบบเก่า ๆ แต่ยังสร้างความสัมพันธ์ระยะยาวกับลูกค้า และเปลี่ยนให้ลูกค้าเหล่านั้นกลายเป็น “กระบอกเสียง” ที่มีพลังที่สุด ให้กับแบรนด์อีกด้วยครับ ไม่ว่าจะในอุตสาหกรรมรถยนต์ อสังหาริมทรัพย์ บริการ หรือแม้กระทั่งสินค้าอุปโภคบริโภค การสร้างพื้นที่ให้ผู้บริโภคได้สัมผัสประสบการณ์จริงจาก “คนจริง” จะเป็นกุญแจสำคัญในการพิชิตใจผู้บริโภคยุคใหม่นั่นเอง
Source: lovethework
สรุป
การตลาดรถยนต์ Dacia ในแคมเปญ “Test My Dacia” คืออีกหนึ่งเคสการตลาดที่ดีมากครับ จากการที่แคมเปญนี้ไม่ได้พุ่งเป้าไปที่การขายของตรง ๆ แต่เน้นการสร้าง ความน่าเชื่อถือผ่านประสบการณ์จริง และใช้ประโยชน์จาก พลังของชุมชน อย่างเต็มที่ ด้วยการเปลี่ยนลูกค้าปัจจุบันให้กลายเป็นผู้สนับสนุนและผู้แนะนำ
แบรนด์ Dacia ไม่เพียงแค่เพิ่มยอดขายได้เท่านั้น แต่ยังสามารถสร้างความผูกพันและความไว้วางใจที่ยั่งยืนในใจผู้บริโภคในโมร็อกโกได้อีกด้วยครับ นี่คือบทเรียนสำคัญที่แสดงให้เห็นว่า ในยุคที่ผู้บริโภคแบบเรา ๆ ฉลาดขึ้น การตลาดที่เน้นความจริงใจ ความน่าเชื่อถือ และการสร้างคุณค่าที่แท้จริง จะเป็นกุญแจสู่ความสำเร็จที่ยั่งยืนอย่างแท้จริงครับ
อ่านบทความเพิ่มเติมได้ที่นี่