สรุปฟีเจอร์ใหม่ของ Firefly จาก Adobe MAX 2025 กับก้าวสำคัญสู่ยุค Agentic AI

ในทุกๆ ปี คนที่ทำงานสายครีเอทีฟทั่วโลก รวมไปถึงตัวผู้เขียนเองด้วยก็จะตั้งตารองาน Adobe MAX ซึ่งเป็นงานประจำปีของ Adobe ที่เปรียบเสมือน “Apple Event ของวงการครีเอทีฟ” เลยก็ว่าได้ เพราะนี่คือเวทีที่ Adobe ใช้ประกาศทิศทางใหม่ของวงการครีเอทีฟ และมักจะเป็นจุดเริ่มต้นของเทรนด์ใหญ่ที่ส่งผลต่อทั้งอุตสาหกรรมในปีหน้าครับ

ซึ่งงานปี 2025 ที่เพิ่งจัดขึ้นเมื่อวันที่ 28-30 ตุลาคมที่ผ่านมา สิ่งที่ Adobe ประกาศออกมานั้นไม่ได้เป็นเพียงการอัปเกรดเครื่องมือให้ใช้งานง่ายขึ้น แต่เป็นการเปลี่ยนวิธีคิดต่อการสร้างงานทั้งหมด

Adobe กำลังบอกเราว่าอนาคตของครีเอทีฟจะไม่หยุดอยู่แค่ภาพนิ่งอีกต่อไป เพราะวันนี้เรากำลังก้าวเข้าสู่ยุคที่ Generative AI กำลังพัฒนาไปสู่การเป็น Agentic AI หรือผู้ช่วยอัจฉริยะที่ไม่ได้แค่สร้างตามคำสั่งเรา แต่สามารถคิด เข้าใจ และวิเคราะห์ พร้อมท้ังต่อยอดให้กับงานของเราได้

วันนี้ผู้เขียนเลยขอมาสรุปฟีเจอร์ใหม่ของ Firefly และฟีเจอร์อื่นๆ ที่น่าสนใจในงานปีนี้ ที่อาจเปลี่ยนวิธีคิดของคนทำงานครีเอทีฟและครีเอเตอร์ไปตลอดกาลครับ

Firefly จากเครื่องมือสร้างภาพ สู่แพลตฟอร์มครีเอทีฟครบวงจร

ตั้งแต่ Adobe เปิดตัว Firefly ในปี 2023 ก็เรียกได้เปลี่ยนวิธีการทำงานของนักสร้างสรรค์ทั่วโลก ด้วยความสามารถในการสร้างภาพจากข้อความ (Text-to-Image) แต่ในปีนี้ Firefly ก้าวไปอีกขั้น ด้วยการเปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ที่ยกระดับมาเป็น Creative Studio ครับ

หนึ่งในฟีเจอร์ที่โดดเด่นคือ Custom Models ซึ่งเปิดโอกาสให้ผู้ใช้ทั่วไปสามารถ เทรนโมเดลของตัวเองได้แล้ว จากเดิมที่ฟีเจอร์นี้สงวนไว้เฉพาะคนที่สมัครสมาชิกแบบ Enterprise โดยผู้ใช้สามารถอัปโหลดเพียง 6-12 ภาพ เพื่อให้ Firefly เรียนรู้คาแรกเตอร์ โทน และสไตล์เฉพาะของแบรนด์ได้ เช่น คาแรกเตอร์ของคน มาสคอต หรือ Mood & Tone ของภาพโฆษณา

ซึ่งสิ่งนี้คือจุดเปลี่ยนสำคัญมากๆ สำหรับนักการตลาดหรือเจ้าของแบรนด์ครับ เพราะนั่นหมายความว่าเราสามารถฝังอัตลักษณ์ของแบรนด์ในระบบ AI เพื่อใช้ซ้ำได้ในทุกชิ้นงาน โดยไม่ต้องเสียเวลาในการ Prompt แล้วแก้เรื่อยๆ จนกว่าภาพที่ได้จะตรงกับสิ่งที่เราต้องการ รวมไปถถึงมั่นใจได้ว่าข้อมูลและภาพทั้งหมดจะปลอดภัยในแง่ของลิขสิทธิ์ ซึ่งเป็นสิ่งที่ Adobe พยายามชูจุดเด่น AI ของตัวเองเรื่องนี้ตลอดครับ โดยฟีเจอร์นี้จะเริ่มเปิดให้ใช้งานปลายปีนี้ ผู้ที่สนใจก็สามารถลงทะเบียน Waiting List ได้ในเดือนพฤศจิกายน

Firefly Model 5 โมเดลใหม่ที่คิดและแก้ไขภาพแบบเลเยอร์ได้ เหมือน Photoshop

ภาพจาก: Cined

นอกจากนั้น Adobe ยังเปิดตัว Firefly Image Model  ซึ่งเป็นโมเดลเวอร์ชันใหม่ล่าสุดที่สามารถสร้างภาพได้ความละเอียดระดับ 2K (2560×1440 pixel) และความสามารถในการแก้ไขภาพแบบ Layered Editing

ซึ่งผู้ใช้สามารถอัปโหลดภาพจริงเข้าไปให้ Firefly วิเคราะห์ จากนั้นระบบจะสามารถแยกวัตถุในภาพออกเป็นเลเยอร์ เพื่อให้เราย้าย ปรับขนาด หรือแม้แต่ลบวัตถุบางอย่างออกไปได้ เหมือนการทำงานใน Photoshop แต่ง่ายกว่านั้นหลายเท่าตัว

จากในสาธิตของ Adobe ที่ใช้ภาพชามราเม็ง เราจะเห็นได้เลยว่า AI สามารถย้ายตะเกียบ เพิ่มวัตถุใหม่อย่างชามพริกป่นได้อย่างแนบเนียน จากเดิมที่เวลาเราไดคัต หรือรีทัชภาพใน Photoshop ก็อาจกินเวลาไปเกือบครึ่งวันกว่าจะได้ภาพที่สมจริง แต่ AI สามารถทำได้ในเวลาไม่กี่นาที นี่คืออีกก้าวของการเชื่อมโลก Generative AI เข้ากับการแก้ไขภาพในแบบมืออาชีพครับ

Firefly กับการเข้าสู่สมรภูมิของ Generative Voice

อีกหนึ่งการเปลี่ยนแปลงสำคัญในปีนี้คือ Firefly สามารถสร้างเสียงได้แล้ว มีสองฟีเจอร์ใหม่คือ Generate Soundtrack และ Generate Speech ครับ

ภาพจาก: Adobe

ฟีเจอร์ Generate Soundtrack สามารถสแกนวิดีโอของที่เราอัปโหลดเข้าไปแล้วแนะนำเสียงประกอบที่เข้ากันโดยอัตโนมัติ พร้อมให้เลือกโทนและอารมณ์ได้ เช่น ดราม่า ผ่อนคลาย หรือเร้าใจ หรือจะ Prompt บอกมันได้เองเช่น “เพลงออเคสตร้าแบบตึงเครียดสำหรับฉากแอ็กชัน” เพื่อให้ AI แต่งเสียงประกอบขึ้นมาแบบตรงใจเราได้

ในขณะที่ Generate Speech คือฟีเจอร์ Text-to-Speech ครั้งแรกของ Adobe ที่พัฒนาร่วมกับ ElevenLabs รองรับกว่า 15 ภาษา (ยังไม่มีภาษาไทย) และสามารถเพิ่ม Emotion Tags เพื่อปรับอารมณ์ของเสียงในแต่ละช่วงของประโยคได้ เช่น เพิ่มน้ำเสียงตื่นเต้น เศร้า หรืออบอุ่น 

นี่คืออีกจุดที่น่าสนใจสำหรับคนทำคอนเทนต์และนักการตลาด เพราะคุณสามารถการผลิตวิดีโอพร้อมเสียงประกอบและเสียงพากย์ในระดับมืออาชีพได้ในแพลตฟอร์มเดียวโดยไม่ต้องใช้ทีมโปรดักชันขนาดใหญ่หรือสตูดิโอเสียงอีกต่อไปครับ

Firefly Video Editor ฟีเจอร์ใหม่ที่ยกสตูดิโอตัดต่อมาไว้บนเบราว์เซอร์

Firefly Video Editor โปรแกรมตัดต่อวิดีโอแบบมัลติแทร็กที่ใช้งานได้ผ่านเว็บเบราว์เซอร์โดยตรง สามารถผสานภาพ เสียง และวิดีโอจากทั้งที่ถ่ายจริงและที่สร้างด้วย AI ได้ในที่เดียว อันนี้เป็นเครื่องมือที่น่าสนใจและเหมาะกับครีเอเตอร์ยุคใหม่มากๆครับ เพราะสามารถตัดต่อได้เร็ว หาฟุตเทจ หรือสร้างวิดีโอจากในเว็บได้เลย โดยที่ไม่ต้องโหลดโปรแกรมให้หนักเครื่องครับ

AI Assistant ใน Photoshop และ Express ผู้ช่วยที่เข้าใจและช่วยให้ทำงานได้เร็วขึ้น

นอกจาก Firefly แล้ว Adobe เองก็ได้เพิ่ม Agentic เข้ามาใน Creative Suite ของตัวเองด้วย กับฟีเจอร์ AI Assistant ในแอป Photoshop และ Express ซึ่งสามารถเข้าใจชิ้นงานที่ผู้ใช้กำลังทำ และช่วยแนะนำเครื่องมือที่เหมาะสม หรือแม้แต่ทำขั้นตอนบางอย่างแทนได้ทันที

ภาพจาก: Adobe

ซึ่งผู้ช่วยตัวนี้ไม่ได้ออกแบบมาเพื่อแทนที่มนุษย์ แต่เพื่อทำให้การทำงานร่วมกันระหว่างคนและ AI เป็นไปอย่างราบรื่น เช่น กำลังรีทัชภาพ ระบบสามารถแนะนำวิธีหรือเครื่องมือที่เร็วกว่า หรือไฟล์ที่เราทำมีหลายเลเยอร์มากๆ เราก็ให้ AI ช่วยจัดระเบียบเลเยอร์และตั้งชื่อเลเยอร์ให้มันได้เลย แล้วเราเอาเวลาตรงนี้มาโฟกัสกับตัวชิ้นงานแทน ซึ่งฟีเจอร์นี้เปิดให้ทดลองใช้ใน Express แล้ว ส่วน Photoshop จะเปิดให้ลงทะเบียน Waiting List ในเร็วๆ นี้ ครับ

Project Moonlight และ ChatGPT Integration เมื่อโลกของ Creative เชื่อมต่อกับโลกของ Data ไว้ด้วยกัน

ภาพจาก: Adobe

อีกสองประกาศสำคัญที่แสดงให้เห็นว่า Adobe ไม่ได้มอง AI แค่ในมุมของเครื่องมือ แต่มองมันในฐานะ Creative Ecosystem ซึ่ง Project Moonlight เป็นระบบที่ช่วยให้ AI จดจำบริบทของคุณได้ข้ามแอป เช่น สไตล์ของแบรนด์ โทนของเนื้อหา หรือธีมจากโซเชียลมีเดีย เพื่อให้ Firefly สร้างผลงานที่สอดคล้องกับตัวตนของคุณทุกครั้ง นี่คือแนวคิดของ Personalized AI ที่ไม่เพียงแค่สร้างสิ่งใหม่ได้เก่งขึ้น แต่เข้าใจคุณได้มากขึ้นครับ

ส่วน ChatGPT Integration คือการผสมผสานระหว่างเครื่องมือของ Adobe เข้าไปใน ChatGPT โดยตรง ซึ่งผู้ใช้จะสามารถสั่งให้ ChatGPT สร้างภาพ วิดีโอ หรือเสียงด้วยโมเดลของ Adobe ได้ทันทีภายในหน้าโปรแกรมเดียว

สิ่งที่เกิดขึ้นในงาน Adobe MAX 2025 ไม่ได้เป็นเพียงการอัปเดตซอฟต์แวร์ประจำปี แต่คือ การรีเซ็ตนิยามของคำว่าครีเอทีฟที่แท้จริงครับ

จากเดิม AI เป็นเพียงเครื่องมือช่วยผลิตผลงาน ตอนนี้กำลังจะกลายเป็น “คู่คิด” ที่เข้าใจ ผู้ใช้ และสามารถเชื่อมโยงภาพ เสียง คำพูด และข้อมูลเข้าด้วยกัน เพื่อช่วยให้คอนเซปต์ถ่ายทอดออกมาอย่างสมบูรณ์และรวดเร็วกว่าเดิม 

AI Generated by Adobe Firefly Model 5 (Prompt: A creative workspace showing a human creator and an AI assistant collaborating side by side on a large digital screen using Adobe Firefly. The human is editing photos and videos, while the AI appears as a glowing holographic figure or digital light form helping with adjustments. The environment is modern, bright, and futuristic — full of screens, creative tools, and soft neon accents in orange and blue. Style: cinematic lighting, ultra-realistic, creative tech aesthetic, Adobe branding color tone.)

ซึ่งการเปลี่ยนแปลงนี้คือโอกาสครั้งใหญ่ในการทำให้การสื่อสารกับผู้บริโภคมีพลังและเป็นเอกลักษณ์มากขึ้น เพราะในโลกที่ทุกคนเข้าถึงเทคโนโลยีเดียวกันได้ สิ่งที่จะสร้างความแตกต่างไม่ใช่ว่าใครใช้ AI เก่งกว่า แต่คือใครเข้าใจวิธีใช้ AI เพื่อเล่าเรื่องแบรนด์ของตัวเองได้ดีกว่าครับ

ถ้าเพื่อนๆ อ่านจนจบถึงตรงนี้แล้วอยากให้ผู้เขียนแนะนำหรือสอนใช้ฟีเจอร์ไหนเป็นพิเศษก็สามารถบอกกันเข้ามาได้นะครับ หากฟีเจอร์ไหนที่เปิดใช้งานแล้ว ผู้เขียนจะรีบมาลองให้ทันทีครับ 🙂

Video Marketing Content Creator ของการตลาดวันละตอน อดีตอาร์ตไดเรกเตอร์ที่อยากมาเล่าเรื่องผ่านวิดีโอ เลี้ยงแมวชื่อไลก้า และเชื่อว่าการนอนคือแรงบันดาลใจชั้นดีของทุกงานสร้างสรรค์

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *