อีก Case หนึ่งจากกรุงเทพประกันภัยที่ได้รางวัล Marketing Transformation เขามาปรึกษาเรื่อง pain point ของลูกค้าและผลิตภัณฑ์ที่แก้ได้ง่ายที่สุดคือประกันการเดินทางการปรับปรุง Customer Journey บน website ทำให้ Conversion Rate เพิ่มขึ้น 58% และลด Media Spending ได้ 27% ซึ่งได้รับรางวัล Marketing Excellence Award ด้วย
สิ่งสำคัญที่ทำให้ผู้เขียนได้เรียนรู้จาก Case เหล่านี้คือ การทำ Marketing Transformation ไม่ใช่อะไรที่ต้องหวือหวาแต่เป็นการจับ pain point ของลูกค้าให้มากที่สุดและที่สำคัญที่สุดคือ ทุกคนที่อยู่ในองค์กรไม่ว่าจะเป็นแผนก IT, Marketing, Business ต้องอยู่ในโต๊ะเดียวกันและเห็นความสำคัญของลูกค้าเป็นศูนย์กลางจริงๆ
การเดินทางจึงไม่ใช่แค่การเดินทางจาก A ไป B ค่ะแต่เป็นการเดินทางเพื่อเชื่อมโยงชีวิตและประสบการณ์ ผู้ใช้สามารถเก็บสะสมได้ว่าเดินทางกับใครและรู้ว่าเดินทางกับใครบ้าง มันกลายเป็นประสบการณ์ที่มีความหมายมากกว่าการเดินทางธรรมดา
หลักการสำคัญที่ได้เรียนรู้จาก Case นี้คือ การ Drive Creative Automation ไม่ใช่การ Design Technology แต่เป็นการ Strengthen our bond ในเรื่องของความเชื่อมโยงระหว่างมนุษย์ การเชื่อมโยงที่ดีที่สุดคือให้มันอยู่ใน Daily Life ของลูกค้า อะไรที่อยู่ใน Daily Life และทำให้วันธรรมดาของเขากลายเป็นวันพิเศษนั่นแหละคือสิ่งที่จะทำให้ Creative Automation สำเร็จได้
Human and AI Collaboration อนาคตแห่งการทำงานร่วมกัน
ระดับสุดท้ายคือ Human and AI Collaboration ซึ่งหนีไม่พ้น AI ในยุคปัจจุบัน Case Study “Scan the Can” จาก Dentsu Japan เป็นตัวอย่างที่น่าสนใจ เริ่มต้นจากแนวคิดง่าย ๆ ว่ากระป๋องทำอะไรได้เยอะมาก แนวคิดคือการใช้กระป๋องทำ “proof of purchase” คือรู้ว่าลูกค้าซื้อเท่าไร อย่างไร ที่ไหน แบบไหน จากนั้นก็เก็บข้อมูลเข้ามากระป๋องแต่ละใบจะมี identity ไม่ซ้ำกันเลย Dentsu Japan ได้ทำ Model นี้และได้จดลิขสิทธิ์ไว้เรียบร้อย
Case Study จาก Suntory เบียร์กระป๋อง ทำผ่าน LINE โดยมีการ Register ไม่กี่ขั้นตอน เพราะบางครั้งการทำ automate ทุกอย่างตั้งแต่ A to Z ก็ไม่ได้เกิดประโยชน์ บางที accuracy มันไม่ได้ เราก็ยอมถอยได้นิดหน่อย เมื่อสแกนกระป๋องแล้วกด Start จะกลายเป็น Game ที่สนุก กระป๋องธรรมดาก็จะไม่ธรรมดาอีกต่อไปผู้เล่นสามารถเลือกท่าทาง, วางท่า, สแกนแบบต่างๆ มันเริ่มมี Game element เข้ามา มันสนุกกว่าเวลาที่เราแค่กินเบียร์แต่พอกินเสร็จมี Game มาเล่นด้วย ถ้าเล่นกับเพื่อนแข่งกับเพื่อนด้วย มันกลายเป็นความสนุกที่แตกต่าง
Technology นี้ยังสามารถขยายไปยังผลิตภัณฑ์อื่นได้ เช่น yogurt, นมกล่อง แต่จะเป็นการเก็บ point ปกติแทนที่จะเป็น Game การเก็บ point แบบนี้ทำให้เกิด engagement และที่สำคัญคือ เราเก็บข้อมูลที่เป็น consumption data ว่าผู้บริโภคดื่มเมื่อไหร่รวมถึง demographic ของเขาได้ด้วย
ในระดับ medium to high คือการทำ humanized automation ใช้ AI และเทคโนโลยีช่วย แต่ใส่ความเป็นมนุษย์เข้าไปในข้อความและประสบการณ์ทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าแบรนด์ “พูดกับเขา ไม่ใช่พูดใส่เขา”
ส่วน high impact zone ต้องใช้ creativity ที่สูงและแตกต่างจริง ๆ เพื่อสร้างความเหนือชั้นกว่าคู่แข่ง
สิ่งสำคัญที่สุดไม่ใช่แค่ “อยากใช้ AI” แต่คือการหาคำตอบว่า AI จะเชื่อมโยงกับลูกค้าและคนในองค์กรอย่างไร เพราะการเติบโตอย่างยั่งยืนเกิดจากการทำงานร่วมกันของคน + AI ไม่ใช่การแยกขาดจากกันค่ะ