รายการ “การตลาดวันละคน” ครั้งนี้จะมาสัมภาษณ์ คุณปัน ปัณดา ปุณโณทก Founder of Floc by Chamni’s Eyes ผู้ก่อตั้ง Floc แพลตฟอร์มรวม Freelance สาย Marketing & Advertising ในหัวข้อ Rethinking organization with fractionalized team เส้นทางสร้างงานการตลาดที่ใช่ ในยุค AI และ Freelance ลองไปอ่านกัน
Floc เป็นแพลตฟอร์มรวบรวมฟรีแลนซ์ด้านโฆษณาและการตลาด เป็น Matching Platform ในการเชื่อม Brand กับ Freelance (Talent) โดยมีหน้าที่คือคัดสรรฟรีแลนซ์มืออาชีพ และหาคนที่ใช่ที่สุดให้กับงาน แพลตฟอร์มนี้ทำมา 3 ปี โดย Soft Launch 1 ปีครึ่ง โดยครึ่งแรก “หาคำตอบว่าทำอะไรดีที่จะเพิ่มมูลค่าให้กับวงการ” อีกครึ่งลงมือทำตามที่คิด เพราะงานทุกวันนี้ไดนามิกมาก จึงไม่สามารถตอบโจทย์ของทุกงานได้ เพราะต้องการไสตล์และ Insight ของแต่ละธุรกิจที่แตกต่างกัน ดังนั้นปัญหาคือในด้านของทรัพยากรไม่พอ จึงเป็นจุดเริ่มต้นของการเริ่มแพลตฟอร์มนี้ ปัจจุบันมีทาเลนซ์หลัก 1,000 เช่นกันกับ Hirer เท่าๆ กันแบบไม่เกินไม่ขาด
ชื่อ Floc มาจาก Flock of Bird (ฝูงนก) เปรียบดั่ง Freelance ที่อยากโบยบินไปข้างหน้า สร้างกลุ่มแบบฝูงนกเพื่อปกป้องซึ่งกันและกัน หาอาหาร และช่วยการบิน ทุกคนจะมีโอกาสมากขึ้นที่จะทำให้ทุกคนประสบความสำเร็จ
มืออาชีพ มีเกณฑ์คัดเลือกอย่างไร
เพียงแค่ Resume อาจจะไม่เพียงพอ วิธีของ Floc คือ Referral Only (ชวนเท่านั้น) จากฟรีแลนซ์มืออาชีพที่ทำงานกันมานานจาก Chamni’s Eyes และชวนกันต่อๆ ไปเป็นทอดๆ ผ่านความเชื่อใจ อีกทางคือ Waiting List ต้องผ่านการรีวิวจากทีมงานแบบละเอียดโดยในแต่ละสายงานจะมี Criteria ไม่เหมือนกัน กว่าจะผ่านมาได้ของแต่ละคนใช้เวลาไม่เท่ากัน บางคนผ่านครั้งแรกหากงานที่นำเสนอมีตัวตนที่ชัดเจน แต่บางคนอาจจะต้องรอนานและแก้หลายรอบเพราะงานสะเปะสะปะ ไม่ชัดเจน เคยมีเคสที่มีปัญหาบ้าง แต่เกิดได้จากทั้งสองฝั่ง เช่น งานไม่ราบลื่น แต่จะไม่มีเคสงานหายและเงินไม่จ่ายจากผู้จ้าง
“เพราะความมืออาชีพ หากจะแก้ทีหลังทำได้ยาก”
สำหรับ Hirer เองก็ต้องมีการคัด โดยจะคัดจากงานที่เอามาลงไม่ได้คัดที่ตัวลูกค้า โดยก่อนที่งานๆ หน่งจะลงแพลตฟอร์มได้จะมีคนรีวิว ว่างานแฟร์กับทั้งสองฝ่ายรึป่าว กดราคาหรือไม่ บรีฟชัดเจนหรือไม่ หากมีแบบนี้จะมีทีมงานเช็คกับผู้จ้าง เพื่อทำให้มั่นใจกับทั้งสองฝั่งเพื่อให้ “ผู้จ้างเจอ ทาเลนส์ ที่ตรงใจ”
ควาท้าทายที่ Floc ต้องพบเจอ
ในเวลา 1 ปีครึ่งการเป็น Marketplace มีความท้าทายในด้าน Demand และ Supply เรื่องหนึ่งคือการคิดเงินในมุมธุรกิจ คือการเจอ Linkage หน้าที่ของแพลตฟอร์มคือการสร้างความเชื่อมั่นระหว่างผู้จ้างและคนทำงาน ที่สุดท้ายไปตกลงงานกันนอกแพลตฟอร์ม จึงได้ออกแบบ Business Model ด้วยการไม่คิด Transaction Fee แต่คิดในค่าช่องทางการติดต่อ (Contact) เท่านั้น ก่อนหน้านี้ตั้งใจจะทำเป็นอาณาจักรของตนเองเช่น การมี Coin ต่างๆ แต่อาจจะไม่เวิร์ค โดยลูกค้าจะกลับมาใช้อีกครั้งเพราะธุรกิจนั้นมีความ Dynamic เช่นตำแหน่งกราฟฟิค ดีไซเนอร์ที่มองว่าหาง่าย แต่จริงๆ หายากสำหรับคนที่ทำได้ตรงโจทย์ หรือเอเจนซี่หาครีเอทีฟไปพิชชิ่ง โดยธุรกิจที่แตกต่างการ จึงต้องการคนที่ไม่เหมือนการ ลูกค้าจึงยังอยู่ในแพลตฟอร์มไม่ได้ออกไปไหน เปรียบเทียบระหว่างเซฟกับอาหาร สิ่งที่สำคัญคือ Variety of Skill และ Style ยกตัวอย่างแบรนด์ที่เริ่มโตเรื่อยๆ ที่มี Stage ของ Demand ที่ยกระดับขึ้นเรื่อยๆ ในแต่ละด้านที่แตกต่างกัน
ตำแหน่งที่อยู่ใต้ชื่อโฆษณาและการตลาด
เช่น Branding ก็จะมีด้านนั้นจริงๆ หรือ Marketing ที่ไม่ใช่เพียงแค่ Marcomm ไปจนถึง Product Design ที่เจาะเฉพาะในแต่ละด้านแบ่งอย่างชัดเจน มีทั้ง One Man ไปจนถึงกองใหญ่สเกลเป็นล้าน โดย Translator เป็นนิยมของ PR Agency ในการช่วยแปลให้อ่านรู้เรื่องและสละสลวย
ไม่ว่าจะใหญ่หรือเล็กโจทย์เริ่มต้นคล้ายกันคือการหาคน แต่ด้วยงบและความสามารถนั้นแตกต่างๆ กัน ดังนั้น Floc เปรียบเสมือนผู้ประสานงาน แต่ขึ้นอยู่กับ Platform ที่สามารถทำแบบ
- Self-Service ได้
- Hiring Assistance ที่จะมีคนช่วยเล่าโจทย์ให้ฟัง 15 นาที แล้วส่งให้ไปเลือก (ที่ไม่มีค่าบริการเพิ่มเติม)
ปัจจุบันทีม Marketing ของ Floc มีแค่ 2 คนคือ Project Coordinator และ Communication ให้การช่วยประสานงาน โดยมีโจทย์ว่าในแต่ละงานอาจจะมีการทดลองเปลี่ยนฟรีแลนซ์ไปเรื่อยๆในแพลตฟอร์มของตนเองเพื่อค้นหาคนที่ใช่จริงๆ เพื่อทำความรู้จักว่าถนัดเรื่องอะไรจริงๆ จะได้นำเสนอให้ผู้จ้างได้ตรงโจทย์ในงบประมาณที่เหมาะสม
พร้อมยกตัวอย่างการใช้แพลตฟอร์ม
ยกเคสตัวอย่างของ Floc
เคสเอเจนซี่ที่เป็นลูกค้าหลัก ที่รับโจทย์มาจากแบรนด์อีกที โดยสิ่งที่ถนัดมากๆ คือฟรีแลนซ์ด้าน Pitching แม้ Agency ทำเองได้ แต่อยากได้คนมาช่วยให้คนจริงๆ และมี Insight เชิงลึกมากๆ รวมทั้งด้าน Capability หาคนระดับ Mid Manager มาช่วยกรอกอีกรอบ แม้แอดมินเองสำหรับเอเจนซี่ก็ถือว่าหายาก เพราะต้องเข้าใจลูกค้าและครีเอทีฟในตัว คิดมุกได้เองในตัว
เคสทำแบรนดิ้ง ด้วยงบ 20,000 แต่เพราะถูกใจทาเลนซ์บน Floc สุดท้ายจ้างกันที่ 300,000 (15 เท่า)
วันแรกที่ริเริ่ม
ช่วงแรกมองว่า Marketplace ต้องหา Hirer หรือ Talent ขึ้นมาก่อน โดยเริ่มจากลองขึ้นมา 10 สายงานแต่พบว่าไม่เวิร์ก เพราะในมุมของฟรีแลนซ์มีความถนัดในแต่ละด้านจึงไม่ต้องไปตั้งไว้ให้จับคู่ตามความถนัดกันเอง
โดยตำแหน่งที่นิยม คือ VDO Creator มาเพราะ TikTok เนื่องจากลูกค้าแบรนด์ไม่ได้เข้าใจขนาดนั้นและแพลตฟอร์มปรับไปเร็วมากแบบ One Man (Creative Director, จัดไฟ, แต่งหน้า ในตัว) ที่เข้ใจจริง อีกตำแหน่งคือ KOL Specialist ที่ช่วยจัดการแคมเปญว่าทำด้วยท่าไหน ต้องติดต่อ Influencer ใครบ้างที่เหมาะสม
ก้าวต่อไปของ Floc
ตอนนี้เน้นที่กรุงเทพเพราะ 90% มาจากจุดนี้ ยังไม่เน้นไปต่างจังหวัด แต่เพราะเชื่อในคุณภาพของทาเลนซ์ โดยอยากให้ฉายแสงบนเวทีโลก แล้วระบบจะไปหาลูกค้าต่างประเทศมาให้ ดีทั้งในด้านคุณภาพและงบประมาณ โดยตัวแพลตฟอร์มเน้นใช้ภาษาอังกฤษ ถือเป็นการฝึกไปในตัว รวมทั้งแพลตฟอร์ตจะยังคงเติบโตใน Vertical นี้เป็นหลัก
เมื่อ AI มา Floc กระทบหรือไม่
มองว่ามีผล เริ่มจากองค์กรการมาของ Agentic AI ทำให้สามารถเอาคนที่มีสกิลด้านเดียวออกได้ให้ AI มาทำแทนจำเป็นต้อง Reskill ดังนั้นความคาดหวังขององค์กรคือควรจะมีความเป็น Creative และ Strategic ไม่ใช่แค่ Execute ดังนั้นในมุมมองค์กรโครงสร้างเปลี่ยนไป มีผลกับ Floc คือ Talent พร้อมสำหรับการเปลี่ยนแปลงนี้หรือยัง ดั่งกังหันลม, ทำให้ Talent ตอบรับการ Demand ที่เปลี่ยนไป, ด้วยการแพลตฟอร์มทีการนำ AI มาใช้เพื่อทำ Matching ด้วย
ฝากทิ้งท้าย
ฝากถึง Freelance
ตอนนี้อยู่ในสภาวะที่ยาก ลงเปลี่ยนแปลงอยู่เรื่อยๆ จนคุณค่าบางอย่างลดลง อยากให้กำลังใจเพราะเผชิญอยู่เหมือนกัน อย่างน้อยแนะนำให้พร้อมปรับ ณ ตอนนี้ คำตอบขึ้นอยู่กับบริบท แม้ AI จะมางานยังคงอยู่แต่วิธีการอาจจะเปล่ยนไป
ฝากถึง Hirer
ยากเช่นกัน แต่ด้วยจังหวะตอนนี้ร่วมกับความเชื่อที่เปลี่ยนไป ควรจะมี Rethinking ขององค์กรที่ตอบโจทย์มากขึ้นในมุม Productivity หรือไม่ ให้พนักงานมีอิสระมากขึ้น จะทำให้พนักงานมี Connection และทักษะใหม่ๆ หากองค์กรเปิดใจ
ดูย้อนหลัง ‘การตลาดวันละคน Rethinking organization with fractionalized team เส้นทางสร้างงานการตลาดที่ใช่ ในยุค AI และ Freelance’ ที่