วันนี้อยากเล่าเรื่องของแบรนด์ไทยที่ชื่อว่า PRIMO คือบริษัท Martech (Marketing Technology) ที่เชี่ยวชาญด้าน CRM และ Loyalty Program ถ้าคุณเคยสะสมแต้ม แลกของ หรือได้รับสิทธิพิเศษบางอย่างจากร้านที่คุณชอบ มีโอกาสสูงที่ PRIMO อยู่เบื้องหลังระบบนั้น
PRIMO ไม่ได้แค่ทำระบบให้ลูกค้ากลับมา แต่เขาคือทีมที่ “เข้าใจพฤติกรรมคนซื้อ” และ “ออกแบบกลยุทธ์ความสัมพันธ์ระยะยาว” ให้แต่ละแบรนด์สามารถบริหาร Customer Loyalty ได้อย่างแม่นยำและล่าสุด PRIMO กำลังพา Loyalty CRM ก้าวไปอีกขั้น ด้วยการเปิดตัว AI Agentic ชื่อว่า “น้องใบเตย” ที่ไม่ได้แค่ดูฉลาด แต่เข้าใจงานจริง และใช้งานได้จริง โดยเฉพาะทีม Marketing, Data และ Operation
น้องใบเตยไม่ได้มาเพื่อโชว์เทค แต่เกิดจาก Pain Point ที่แท้จริงของคนทำ CRM จากการหาข้อมูลช้า รีพอร์ตล่าช้า ไปจนถึงการวิเคราะห์ที่กระจัดกระจาย PRIMO ออกแบบน้องใบเตยให้ตอบคำถาม วิเคราะห์ข้อมูล และแนะนำแคมเปญได้ภายในคลิกเดียว แต่จุดที่น่าสนใจไม่ใช่แค่เทคโนโลยี แต่เป็นวิธีคิดทาง การตลาด PRIMO ที่ซ่อนอยู่เบื้องหลัง
ระบบ Loyalty CRM น้องใบเตย ทำอะไรได้บ้าง
ก่อนจะไปวิเคราะห์กลยุทธ์ต่อ มาดูกันก่อนค่ะว่าตัว AI ตัวนี้มันทำอะไรได้บ้าง เพราะนี่คือจุดที่ทำให้เราเข้าใจว่าทำไม PRIMO ถึงมั่นใจขนาดนี้
1. ตอบคำถามแบบ Fact ได้ทันที
แทนที่ทีม CRM จะต้องไปค้น Excel หรือเปิด Dashboard หลายๆ หน้า ตอนนี้ถามใบเตยได้เลย เช่น “เดือนนี้มีสมาชิกใหม่กี่คน?” หรือ “แคมเปญเมื่อวานมี Response Rate เท่าไหร่?” ก็ได้คำตอบทันที นี่คือการแก้ปัญหา Pain Point ที่ตรงจริงๆ เพราะใครที่เคยทำ CRM ก็รู้ว่าการหาข้อมูลพื้นฐานแบบนี้เสียเวลาเยอะมาก
2. สรุป Insight เชิงลึกได้รวดเร็ว
นี่คือจุดที่เจ๋งมาก เพราะไม่ใช่แค่ตอบคำถาม แต่ช่วยดึง Insight ที่ซ่อนอยู่ในข้อมูล เช่น วิเคราะห์พฤติกรรมลูกค้า ดูว่าแคมเปญไหนได้ผลดีที่สุด หรือหาว่าลูกค้ากลุ่มไหนมี Lifetime Value สูงสุด ปกติงานแบบนี้ต้องใช้ Data Analyst หรือต้องมีคนที่เข้าใจ Data มาช่วย แต่ตอนนี้น้องใบเตยทำให้ได้เลย
3. Loyalty CRM น้องใบเตย ให้คำแนะนำเชิงกลยุทธ์
นี่คือจุดที่แตกต่างจาก AI ทั่วไป เพราะไม่ใช่แค่วิเคราะห์ แต่แนะนำว่าควรทำอะไรต่อไป เช่น แนะนำว่าแคมเปญต่อไปควรเน้นกลุ่มลูกค้าไหน หรือสิทธิพิเศษแบบไหนที่เหมาะกับแต่ละ Segment
รวมถึงฟีเจอร์ที่น่าประทับใจ การคำนวณทางการเงินที่ซับซ้อนได้ เช่น
Cost per Point (ต้นทุนของคะแนน)
ภาระผูกพันจากคะแนน (Point Liability)
เรื่องพวกนี้เคยเป็นงานเฉพาะของทีมการเงิน และมักจะยุ่งยากมาก แต่ตอนนี้น้องใบเตยช่วยรวมมาให้ในคลิกเดียว แสดงให้เห็นว่า PRIMO เข้าใจ Business Process จริงๆ ไม่ใช่แค่ทำ AI มาเล่นๆ
Loyalty CRM สร้างผลดีที่เกิดขึ้นกับผู้ใช้งานจริง
สำหรับทีม Marketing ประหยัดเวลามหาศาล ไม่ต้องรอทีม Data มาสรุปรีพอร์ต ไม่ต้องค้นข้อมูลจาก Excel หลายๆ ไฟล์ ตัดสินใจได้เร็วขึ้น มี Insight พร้อมใช้ทันที ไม่ต้องรอวัน-สัปดาห์เหมือนเก่า ทำงานได้ลึกขึ้น แทนที่จะเสียเวลาไปกับการหาข้อมูล กลับมาโฟกัสที่การคิด Strategy และ Creative
สำหรับทีม Operation ลดภาระงานที่ซ้ำซาก งานที่เคยต้องทำทุกวัน เช่น ดูยอดสมาชิก ดู Response Rate ตอนนี้ใบเตยช่วยทำให้ เพิ่มความแม่นยำ ลดข้อผิดพลาดจากการคำนวณด้วยมือ หรือการใส่สูตรผิดใน Excel มีเวลาทำงานที่สร้างมูลค่าเพิ่ม แทนที่จะเป็นคนดูแลข้อมูล กลายเป็นคนที่ช่วยตีความและนำไปใช้
สำหรับองค์กร ลดต้นทุนโดยรวม ไม่ต้องจ้างคนเพิ่มมาช่วยงาน Data หรือ Analysis เพิ่มความสามารถในการแข่งขัน ตอบสนองตลาดได้เร็วกว่าคู่แข่งที่ยังต้องรอข้อมูลจากหลายทีม ข้อมูลที่เชื่อถือได้ Single Source of Truth ไม่ต้องกังวลว่าแต่ละทีมจะใช้ข้อมูลคนละชุดกัน
PRIMO ตั้งชื่อ Agentic AI ว่า น้องใบเต ย
จุดนี้น่าสนใจมากค่ะ ทำไมเขาถึงเลือกชื่อ น้องใบเตย แทนที่จะเป็นชื่อที่ฟังดูเทคโนโลยีแบบ “PRIMO AI Assistant” หรือ “CRM Bot” แต่การตั้งชื่อแบบนี้มีกลยุทธ์หลายชั้น
1. ลดความกลัวต่อเทคโนโลยี ชื่อ “น้องใบเตย” ฟังดูเป็นมิตร ไม่น่ากลัว ทำให้ทีมที่จะใช้งานรู้สึกว่าเป็นเหมือนเพื่อนร่วมงานคนใหม่ ไม่ใช่เครื่องจักรที่มาแทนที่งานเขา
2. สร้างความจำได้ ชื่อนี้จำง่าย และไม่เหมือนใคร เมื่อคนในวงการพูดถึง AI ในระบบ CRM เขาจะนึกถึง “น้องใบเตย” ได้ทันที
3. เป็นภาษาไทย แสดงให้เห็นว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่เข้าใจคนไทย เข้าใจวัฒนธรรมการทำงานแบบไทย
การสร้าง Credibility ผ่านความเชี่ยวชาญที่สั่งสม
จุดที่ชาญฉลาดมากคือ PRIMO ไม่ได้อ้างว่าเขาเก่งเรื่อง AI แต่เขาเน้นที่ความเชี่ยวชาญในเรื่อง CRM และ Loyalty Program ที่สะสมมานาน
“เราเข้าใจโครงสร้างข้อมูลและพฤติกรรมลูกค้า เข้าใจ Workflow จริงของการทำการตลาด เลยสามารถสร้าง AI ที่ใช้งานได้จริง” นี่คือการสื่อสารที่ฉลาดมากค่ะ เพราะ
ไม่ไปแข่งเรื่องเทคโนโลยี AI กับ Tech Giant
แต่เน้นเรื่องความเข้าใจธุรกิจ ซึ่งเป็นจุดแข็งที่แท้จริง
ทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าเขาเข้าใจปัญหาและความต้องการจริงๆ
การวาง Roadmap แบบฉลาด จาก Analysis ไป Action
สิ่งที่น่าสนใจคือ PRIMO ไม่ได้หยุดแค่การทำ AI ที่วิเคราะห์ข้อมูล แต่บอกว่ากำลังพัฒนาให้ AI สามารถ “ลงมือทำ” ได้ เช่น เมื่อเจอลูกค้ากลุ่มเสี่ยง AI จะแจ้งเตือนและแนะนำสิทธิพิเศษที่เหมาะสมให้ทันที หรือทำ Re-targeting โดยที่ทีม Marketing ไม่ต้องมาจัดการข้อมูลเองใหม่
นี่คือการสร้าง Vision ที่ชัดเจน และทำให้ลูกค้าเห็นว่าการลงทุนใน PRIMO ไม่ใช่แค่การซื้อเครื่องมือ แต่เป็นการลงทุนในอนาคตของระบบ CRM ที่จะทำงานได้แบบ Autopilot
สรุป
PRIMO เป็นตัวอย่างที่ดีของการใช้ AI ในการทำการตลาดแบบมีสาระ ไม่ใช่แค่ Buzzword ที่เอามา โชว์ แต่เป็นการแก้ปัญหาจริงของลูกค้าด้วยเทคโนโลยีที่ใช้งานได้จริง การสื่อสารของเขาเน้นที่ประโยชน์และปัญหาที่แก้ได้ ไม่ใช่เทคโนโลยีที่ซับซ้อน ซึ่งเป็นบทเรียนดีๆสำหรับแบรนด์อื่นๆ ที่กำลังคิดจะเอา AI มาใช้ในธุรกิจค่ะ
อ่านบทความเพิ่มเติมได้ที่