ในวันที่พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนเร็วกว่าอัลกอริทึม นักการตลาดกำลังเผชิญความท้าทายสำคัญ แล้วเราจะสร้างแบรนด์ในยุคที่ผู้ชมไม่รอคอนเทนต์ได้อย่างไร? งาน YouTube Works Awards Thailand 2025 ได้เผยคำตอบผ่านจาก Insight และตัวอย่างจากแบรนด์ชั้นนำ ว่า “พลังของความเชื่อมั่นและครีเอเตอร์” กำลังกลายเป็นกลไกใหม่ในการขับเคลื่อน ROI อย่างแท้จริงครับ
YouTube สร้าง ROI สูงกว่า TV ถึง 2.9 เท่า และคือแพลตฟอร์มที่คนไทยไว้วางใจที่สุด
YouTube ไม่ได้เป็นแค่พื้นที่แห่งความบันเทิงอีกต่อไปครับ แต่กลายเป็นแพลตฟอร์มธุรกิจที่สร้างผลตอบแทนสูงสุดในไทย ข้อมูลจาก Analytic Edge บอกว่า YouTube สร้าง ROI ได้สูงกว่าโทรทัศน์ถึง 2.9 เท่า และสูงกว่าแพลตฟอร์มโซเชียลอื่นถึง 1.6 เท่า ซึ่งแสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพทั้งในด้านการสร้างการรับรู้และผลลัพธ์ทางยอดขาย
นอกจากนี้จากข้อมูลหลังบ้าน YouTube พบว่าผู้บริโภคไม่ได้เปิด แบบ “ไถไปเรื่อยๆ” แต่เข้ามาด้วยจุดประสงค์ที่ชัดเจน เพื่อค้นคว้า เรียนรู้ และหาคำตอบในสิ่งที่สนใจ
92% ของคนไทยใช้ YouTube เพื่อทำความเข้าใจในสิ่งที่พวกเขาสนใจอย่างลึกซึ้ง
88% ของผู้ชมชาวไทยเชื่อมั่นในมุมมองและความเห็นของครีเอเตอร์บน YouTube มากกว่าแพลตฟอร์มอื่น
ตัวเลขเหล่านี้สะท้อนว่าความเชื่อมั่น (Trust) คือแก่นสำคัญที่ผลักดันให้ YouTube กลายเป็น “พื้นที่แห่งการตัดสินใจ” มากกว่าแค่ “พื้นที่แห่งการรับชม” นั่นหมายความว่าแบรนด์ที่เข้ามาทำการตลาดบน YouTube จะไม่ได้แค่สื่อสารกับผู้ชม แต่กำลังเข้าไปอยู่ในช่วงเวลาที่พวกเขากำลังตัดสินใจซื้อจริง ๆ นั่นเองครับ
การรับชมแบบ Multi-format สั้นก็ได้ ยาวก็ดี และโตแรงบนหน้าจอใหญ่
หนึ่งในพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัดคือ คนไทยไม่ได้ดู YouTube รูปแบบใดรูปแบบหนึ่งอีกต่อไปครับ แต่ใช้มันในทุกจังหวะชีวิตและทุกอุปกรณ์ ตั้งแต่คลิปสั้นบนมือถือจนถึงวิดีโอยาวบนทีวี ซึ่งข้อมูลก็สะท้อนให้เห็นถึงการเติบโตในทุกรูปแบบอย่างชัดเจน
ยอดรับชม YouTube Shorts ทั่วโลกเติบโตจาก 70,000 ล้านวิวต่อวันเป็น 200,000 ล้านวิวต่อวัน
การรับชมวิดีโอแนวละครเพิ่มขึ้น 115% ภายในปีเดียว
การดูวิดีโอแนวพอดแคสต์เพิ่มขึ้น 50%
การรับชมผ่านทีวีที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต (Connected TV) เพิ่มขึ้นมากกว่าสองเท่าในช่วงสามปีที่ผ่านมา
ซึ่งคุณ Sapna Chadha รองประธาน Google ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเอเชียใต้ กล่าวไว้ในงานอย่างน่าสนใจว่า “YouTube เป็นแพลตฟอร์มเดียวที่ผู้ชมสามารถสลับ Format, Genre และ Device ได้อย่างอิสระ ตั้งแต่วิดีโอสั้น ๆ บนมือถือ ไปจนถึงการรับชมเต็มตาบนทีวีจอใหญ่” นั่นทำให้ YouTube กลายเป็น “แพลตฟอร์มวิดีโอครบวงจร” ที่สามารถเชื่อมโยงประสบการณ์ของผู้ชมได้ในทุกช่วงเวลา ตั้งแต่การพักระหว่างทำงานจนถึงช่วงเวลาพักผ่อนของครอบครัว
จากคอนเทนต์สู่คอมเมิร์ซ เมื่อวิดีโอกลายเป็นจุดเริ่มต้นของการซื้อ
ในปีที่ผ่านมา “พลังการโน้มน้าว” ของ YouTube ได้ขยับจากการสร้าง Awareness มาสู่การขับเคลื่อนยอดขายอย่างแท้จริง เวลาการดูคอนเทนต์ที่เกี่ยวข้องกับการช้อปปิ้งในประเทศไทยเพิ่มขึ้นถึง 400% ภายในปีเดียว และในระดับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ก็มีอัตราการเติบโตของวิดีโอคอมเมิร์ซถึง 4 เท่าในรอบสองปี
ที่สำคัญคือ 88% ของนักช้อปชาวไทยบอกว่า YouTube มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจซื้อสินค้าครั้งล่าสุด ตัวเลขนี้สะท้อนให้เห็นว่า YouTube ไม่ได้เป็นแค่จุดเริ่มต้นของ Customer Journey แต่เป็นจุดที่ผู้บริโภคตัดสินใจซื้อจริง ๆ
การเปิดตัว YouTube Shopping ที่ร่วมมือกับ Shopee จึงกลายเป็นการปักธงสำคัญของยุค “Content x Commerce” เพราะเป็นระบบนิเวศที่ให้ผู้บริโภคสามารถค้นพบ แนะนำ และซื้อสินค้าได้ครบในที่เดียว ผ่านครีเอเตอร์ที่พวกเขาไว้วางใจ นี่คือจุดเปลี่ยนที่ทำให้วิดีโอไม่ใช่เพียงเครื่องมือ “สื่อสารแบรนด์” แต่เป็น “ช่องทางค้าขาย” ที่สร้าง Conversion ได้จริงครับ
ครีเอเตอร์กลายเป็นพันธมิตรทางธุรกิจมากกว่าผู้ผลิตคอนเทนต์
คุณมุกพิม อนันตชัย หัวหน้าฝ่ายพันธมิตรธุรกิจ YouTube ประเทศไทยและเวียดนาม ได้อธิบายไไว้ว่า “แบรนด์ที่ประสบความสำเร็จบน YouTube คือแบรนด์ที่ทำงานกับครีเอเตอร์ในฐานะพาร์ทเนอร์ ไม่ใช่แค่จ้างมาพูดแทนแบรนด์” นี่คือหัวใจของแนวคิด Co-creation Marketing ที่แทนที่การโฆษณาแบบเดิมด้วย “คอนเทนต์ที่จริงใจและเป็นธรรมชาติ” ซึ่งเชื่อมโยงกับคอมมิวนิตี้ของครีเอเตอร์โดยตรง
แบรนด์ที่เปิดพื้นที่ให้ครีเอเตอร์ใส่มุมมองและสไตล์ของตัวเอง จะได้คอนเทนต์ที่ “น่าเชื่อถือกว่าการบอกเล่าแบบตรงไปตรงมา” และผลลัพธ์คือการเปลี่ยนจากการสื่อสารแบรนด์ไปสู่การสร้างพันธมิตรเชิงวัฒนธรรม ที่เข้าถึงหัวใจของผู้ชมจริง ๆ การทำงานร่วมกันในลักษณะนี้ไม่ได้แค่ช่วยสร้างคอนเทนต์ที่ดีขึ้น แต่ยังช่วยให้แบรนด์สามารถเข้าถึงคอมมิวนิตี้ที่มีความไว้วางใจในครีเอเตอร์คนนั้นอยู่แล้ว
Immersive & Shoppable CTV ยกระดับโฆษณาบนจอใหญ่
เมื่อพฤติกรรมผู้ชมขยับเข้าสู่การดูวิดีโอบนทีวีที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต (Connected TV) มากขึ้น YouTube จึงตอบโจทย์ด้วยนวัตกรรมโฆษณารูปแบบใหม่ที่ออกแบบมาเพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีขึ้นทั้งสำหรับผู้ชมและแบรนด์
Immersive Masthead เป็นฟีเจอร์ที่เปลี่ยนหน้าแรกของ YouTube ให้กลายเป็นผืนผ้าใบขนาดใหญ่เต็มจอ ดึงดูดสายตาผู้ชมได้ทันที ในขณะที่ Shoppable CTV ให้ผู้ชมสามารถซื้อสินค้าบนทีวีได้โดยตรง หรือส่งข้อมูลผลิตภัณฑ์ไปยังมือถือเพื่อซื้อภายหลังได้อย่างราบรื่น
ทั้งสองฟีเจอร์นี้สะท้อนว่า YouTube เข้าใจพฤติกรรมผู้ชมที่เปลี่ยนไป และสร้าง “เส้นทางจากแรงบันดาลใจสู่การซื้อ” ได้อย่างไร้รอยต่อ การที่ผู้ชมสามารถดูโฆษณาบนจอใหญ่และซื้อสินค้าได้ทันทีนั้น ช่วยลดอุปสรรคในการตัดสินใจซื้อลงอย่างมาก
สรุป Insight จากงาน YouTube Works Awards 2025 แบรนด์ต้อง Co-creation และครีเอเตอร์ต้องสร้าง Trust
สิ่งที่งาน YouTube Works Awards 2025 ชี้ชัดที่สุด คือการเปลี่ยนแปลงของบทบาท “วิดีโอ” ในระบบนิเวศการตลาด วิดีโอไม่ใช่เพียงรูปแบบคอนเทนต์ แต่คือ “โครงสร้างของประสบการณ์ผู้บริโภค” ที่ผสานระหว่างการเรียนรู้ การบันเทิง และการตัดสินใจซื้อ
AI-Generated by Shutterstock (Prompt: ultra-realistic close-up photo of two human hands holding puzzle pieces that are about to connect, one hand holding a light blue puzzle piece and the other holding a darker blue puzzle piece, realistic skin texture, soft natural lighting, shallow depth of field, neutral background with soft gradient or transparent look, cinematic focus on the puzzle connection, symbolizing teamwork and collaboration, 8K detail, professional studio photography)
YouTube จึงกลายเป็นแพลตฟอร์มที่รวม Creativity, Trust และ ROI ไว้ในที่เดียว แบรนด์ที่เข้าใจและใช้ประโยชน์จากพลังของครีเอเตอร์จะสามารถเชื่อมโยงกับผู้บริโภคในระดับที่ลึกกว่าโฆษณาแบบใด ๆ
ในโลกที่เสียงดังและความสนใจสั้นลงทุกวัน “ความเชื่อใจ” กลายเป็นสินทรัพย์ล้ำค่าที่สุดของแบรนด์ และ YouTube คือเวทีที่พิสูจน์ว่า ความเชื่อใจนั้นสามารถแปลงเป็นผลลัพธ์ทางธุรกิจได้จริงครับ
อ่านบทความเพิ่มเติมได้ที่นี่