ใช้ Ansoff’s Matrix วิเคราะห์วิกฤตเศรษฐกิจ กับ การตลาดแบรนด์หรู ที่ใช้เรียนรู้และปรับตัวในยุคนี้
ในโลกที่เศรษฐกินั้นผันผวนและเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วเกินกว่าที่จะตั้งตัวได้ แบรนด์หรูหลาย ๆ แบรนด์เองก็ต้องเจอกับความท้าทายครั้งใหญ่ในการปรับตัวให้ทันกับยุคสมัยใหม่นี้เหมือนกัน ถ้าไม่ปรับเปลี่ยนและเปลี่ยนแปลงแบรนด์ที่เคยยืนหนึ่งหรืออยู่ในใจ ก็อาจถูกทิ้งไว้ข้างหลังได้ง่ายๆ ในบทความนี้ ผู้เขียนจะพาไปสำรวจดูว่าแบรนด์หรูหลาย ๆแบรนด์ใช้การทำ การตลาดแบรนด์หรู อะไรกันบ้างในการเอาตัวรอดและต้องปรับตัวแบบไหน เพื่อไม่ให้หลุดจากสายตาของผู้บริโภคในยุคที่ทุกอย่างวิ่งเร็วขึ้นกว่าเดิม ผ่านการใช้ Ansoff’s Matrix ในการวิเคราะห์ด้วย จะเป็นอย่างไรนั้นไปติดตามกันเลย เริ่มต้นกันด้วยเรื่องราวของ Burberry แบรนด์ แบรนด์แฟชั่นลูกรักของประเทศอังกฤษที่ใครๆ ก็รู้จักกันดีนั้นก็คือ โดย Bureery เองได้แทนตัวเองว่าเป็นตัวแทนของความหรูหราและคลาสสิก และรู้ไหมคะว่าในช่วงปี 1990 ลายตารางที่เป็นเอกลักษณ์ของ Burberry หรือที่เรียกกันว่า Burberry Check (ลายตาราง Burberry) นั้นดันมีประเด็น เพราะเจ้าลายตารางดันถูกนำไปใช้ในกลุ่มวัยรุ่นที่สื่อในตอนนั้นมักเรียกกันว่า ‘chavs’ เอาไปใช้ในทางที่ไม่สร้างสรรค์ เช่น ใส่แบรนด์ Burberry และแสดงกิริยามารยาทที่ไม่เหมาะสมจนสังคมต้องตรีตราและต่างก็พากันตั้งคำถามว่า คนนิสัยแบบนี้เขาเลือกใส่แบรนด์แบบนี้กันเหรอ? ‘chavs’ ก็คือกลุ่มวัยรุ่นที่มีพฤติกรรมที่ไม่ค่อยจะน่ารักเท่าไหร่และไม่ตรงตามมาตรฐานของสังคมเรียกได้ว่าไม่ตรงปกสังคมก็ว่าได้ จากเหตุการณ์ในครั้งนี้ทำเอาภาพลักษณ์ของ Bureery แบรนด์ดูผิดจากเดิมไปเลย ลายตารางที่เคยเป็นสัญลักษณ์ของความหรูหราและเป็นจุดขายของแบรนด์ Burberry ตอนนี้ดันกลายเป็นสิ่งที่ถูกมองว่าเชยและไม่หรูหราเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว บวกกับสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ทำกระทบถึงภาพลักษณ์ของแบรนด์และสร้างความเสียหายไปไม่น้อยเลย ด้วยความที่ Burberry ต้องการที่อยากขยายตลาดให้เป็นที่รู้จักและทำยอดขายให้โตมากกว่านี้ […]