เทรนด์การตลาดแบบ SRM Social Relationship Marketing จาก 5R Social Trends 2025 เมื่อ Social Media กำลังจะกลับไปเป็น Social Network แบบดั้งเดิม

Social Relationship Marketing เทรนด์การตลาดแบบ SRM จาก Social Trends 2025

จาก 5R Social Trends 2025 ที่ใครอ่านมาตั้งแต่เทรนด์แรกมาถึงตอนนี้นี่คือเทรนด์สุดท้ายแล้วครับ ซึ่งเทรนด์นี้ผมขอตั้งชื่อให้ว่าการตลาดแบบ SRM ที่ย่อมาจาก Social Relationship Marketing​ ซึ่งมีความล้อกับคำว่า CRM เพียงแต่ CRM ประเด็นหลักคือ Customer ซึ่งหมายถึงลูกค้า แต่การตลาดแบบ SRM หัวใจคือ Social นั่นหมายถึงผู้คนสมัยนี้โดยเฉพาะ Gen Z มองหาเพื่อนจริงๆ สักคน หรือความสัมพันธ์ที่แท้จริงจากโซเชียลมีเดีย เหมือนที่โซเชียลมีเดียเคยให้ได้เมื่อเกือบยี่สิบปีก่อน

ถ้าอยากรู้ว่าเทรนด์การตลาดแบบ SRM Socual Relationship Marketing ในปี 2025 เป็นอย่างไร มาจุดเริ่มต้นมาจากไหน มีแบรนด์ไหนเริ่มนำเทรนด์ไปแล้วบ้าง และท้ายที่สุดแนวทางการปรับตัวของเรามีกี่อย่าง หาคำตอบได้จากบทความวันนี้ครับ

เมื่อ Social Media กลายเป็น Advertising Media

ต้องเล่าย้อนกลับไปสักหน่อยว่าจุดกำเนิดแรกเริ่มเดิมทีของ Social Media ทุกตัวไม่ได้เริ่มต้นจากการคิดว่าฉันจะทำแพลตฟอร์มให้คนเข้ามาใช้เยอะๆ เพื่อจะทำเงินจากการขายโฆษณาให้นักการตลาดหรือแบรนด์ต่างๆ เยอะๆ ได้อย่างไร

ทุกผู้ก่อตั้งล้วนมีความคิดว่าอยากให้ผู้คนได้เจอกัน ได้รู้จักกัน ได้พูดคุยกัน ได้แชร์ประสบการณ์ร่วมกัน แต่ดูเหมือนว่าพอมีคนใช้งานเยอะขึ้นสักหน่อยรูปแบบการหาเงินก็เริ่มเข้ามา พอเริ่มมีช่องสำหรับโฆษณาขึ้นมาก็เริ่มมีช่องที่สอง สาม สี่ จนพัฒนา Ads ไปไม่รู้กี่สิบกี่ร้อยพันรูปแบบครับ

ทำให้ผู้คนรู้สึกสองอย่างว่า เข้ามาแล้วไม่ค่อยเห็นโพสเพื่อนจริงๆ ที่รู้จักสักเท่าไหร่เลย เห็นแต่โพสที่ระบบแนะนำ กับทำไมมีโฆษณาเยอะจัง

บวกกับเรามักเห็นแต่โพสจากอินฟลูคนดังที่ดูชีวิตดีจังจนทำให้เราสงสัยว่า เราเกิดมาใช้ชีวิตแบบคนธรรมดานี่มันผิดปกติหรือเปล่า หรือเราไม่สวยหล่อหน้าตาดีหุ่นดีแบบเขา เราไม่ใช่มาตรฐานโซเชียลใช่หรือไม่

จากปัจจัยที่เล่ามาจึงทำให้ผู้คนทั่วโลกต่างตั้งคำถามว่าตกลง Social Media คืออะไร มันคือพื้นที่สำหรับให้ผู้คนได้มาเจอและเชื่อมโยงกัน หรือมันคือพื้นที่สำหรับโฆษณานักการตลาดเท่านั้นนะ

และหนึ่งในโซเชียลมีเดียแพลตฟอร์มที่กระตุ้นให้เราเห็นฟีดคนแปลกหน้าง่ายขึ้นจนกลายเป็นมาตรฐานใหม่ที่ Meta หรือ Facebook ก็อดทำตามไม่ได้คือ TikTok

TikTok โซเชียลมีเดียใจดีที่ดันโพสคุณให้คนเป็นล้านเห็นได้ในพริบตา

เทรนด์การตลาดแบบ SRM Social Relationship Marketing จาก 5R Social Trends 2025 เมื่อ Social Media กำลังจะกลับไปเป็น Social Network แบบดั้งเดิม

จากเดิมการจะทำให้คนอื่นเห็นได้เป็นล้านวิวนับเป็นเรื่องที่ยากมาก เพราะคุณต้องมาฐานเฟรน คุณต้องมีคนแชร์ออกไปมากพอ เหมือนกับ Domino Effenct ที่จะต้องค่อยๆ ไล่ไต่ไปตามลำดับของมัน แต่พอ TikTok เข้ามาก็ทำให้วิธีคิดการแสดงผลหน้าฟีดของโซเชียลมีเดียทั่วโลกเปลี่ยนไป

เพราะ TikTok เน้นการดันคลิปที่กำลังเป็นกระแส เป็นเทรนด์ ผู้คนกำลังสนใจ คุณจะเห็นโพสจากคนแปลกหน้ามากกว่าโพสของเพื่อนที่คุณติดตามอย่างเห็นได้ชัด และคุณก็จะเป็นคนที่มีคนตามเกินแสนหรือล้านได้ไม่ยากจนเกินไปขอแค่มีคลิปปังๆ ไม่กี่อัน ผิดกับโซเชียลมีเดียเดิมๆ อย่าง Facebook หรือ Instagram หรือ YouTube ที่กว่าจะได้คนติดตามเพิ่มขึ้นสักพันสักหมื่นนั้นยากเย็นแสนเข็ญมาก

จากความที่ใครๆ ก็ดังง่ายบน TikTok ส่งผลให้ผู้ใช้งานโซเชียลมีเดียจำนวนไม่น้อยหันไปสร้างตัวตนเร่งระดมทำคอนเทนต์บน TikTok ถล่มทลายในช่วงเวลาไม่กี่ปีที่ผ่านมา และนั่นก็ส่งผลให้ TikTok กลายเป็นโซเชียลมีเดียน้องใหม่ที่มีผู้ใช้งานเกิน 1,000 ล้านคนในระยะเวลาอันสั้น และวันนี้ก็กลายเป็นหนึ่งในโซเชียลมีเดียแพลตฟอร์มหลักที่ขับเคลื่อนพลวัตรของโลกเรียบร้อยแล้ว

เมื่อพี่มาร์ค Facebook เห็นแบบนี้ก็อดไม่ได้ที่ปรับแนวทางตาม ทุกวันนี้แม้แต่ Facebook เองเราก็มักจะเห็นโพสจากเพื่อนน้อยลง เห็นโพสจากสิ่งที่ระบบแนะนำให้มากขึ้น บวกกับโฆษณาที่แทบจะยัดอยู่ในทุก 5 โพสที่เราเห็น (และ 5 โพสนั้นก็แทบไม่มีเพื่อนจริงๆ ที่เราแอดเป็นเฟรนด้วย) ทั้งหมดเราจุดกระแสให้ผู้คนเริ่มมองหาการเชื่อมโยงกับคนด้วยกันจริงๆ โดยเฉพาะกับเพื่อน กับคนรู้จัก หรือกับคนที่สนใจในเรื่องเดียวกัน

หรือจะเป็นใครก็ได้ แต่พวกเขาถลิวหาการได้กลับมาเชื่อมโยงปฏิสัมพันธ์กันอีกครั้ง มันคือยุคที่ผู้คนมองหาความสัมพันธ์ Relationship บน Social Media จริงๆ เหมือนที่มันเคยทำได้ดีเมื่อสิบกว่าปีก่อนครับ

Gen Z และ Alpha มองหา Relationship ใน Social

จากทั้งหมดที่เล่ามาเลยส่งผลให้คนรุ่นใหม่มองหาความสัมพันธ์ การได้เชื่อมโยงจริงๆ กับผู้คนจริงๆ บนโลกออนไลน์อีกครั้ง และนั่นก็ส่งผลให้กระแส Fandom กลุ่มก้อนคนที่สนใจเรื่องเดียวกันถูกพูดถึงมากขึ้น มีจำนวนคนเข้าร่วมมากขึ้น แต่คนที่เข้าร่วมจำนวนไม่น้อยส่วนหนึ่งไม่ได้สนใจในเรื่องนั้นสักเท่าไหร่ แต่สิ่งที่พวกเขาสนใจจริงๆ คือการได้มีปฏิสัมพันธ์กับคนจริงๆ ในกลุ่ม เรียกได้ว่าพวกเขาต้องการมีเพื่อนก็เลยมองหาว่าคนที่น่าจะเป็นเพื่อนกับพวกเขาได้อยู่ที่ไหนบ้างครับ

บางคนไม่ได้อินกับศิลปินคนนั้นมาก แต่กลับเข้าร่วมกลุ่มบนโซเชียลเดียวเพราะอยากจะรู้จักใครสักคน อยากเจอเพื่อนใหม่ อยากเริ่มต้นความสัมพันธ์กับคนใหม่ หรือแม้แต่กระทั่งอยากมีแฟน ในกลุ่ม Discord ของแฟนคลับ John Mayer มีคนจำนวนไม่น้อยที่เข้ามาเพื่อหาแฟน หาความรัก จนเป็นที่พูดถึงของเหล่า Gen Z ในต่างประเทศว่าอยากได้แฟนดีๆ มาเข้ากลุ่ม Discord ของ John Mayer ซิ

Social Media จุดรวมคนเหงา 2025

ชาวเน็ตจำนวนไม่น้อยเริ่มจับกลุ่มคุยกันกับคนแปลกหน้าบนโซเชียลมีเดียมากขึ้น แต่จะเรียกจับกลุ่มก็ไม่ถูกเท่าไหร่ เรียกว่าทำคลิปพูดคุยตอบกลับกันไปมา แต่ก็ตั้ง Status เป็น Public เปิดโอกาสให้คนจำนวนมากได้เข้ามาร่วมบนสนทนา​ Conversation ด้วย

@girl_on_couch

Can someone make this into an actual song plz just for funzies

♬ original sound – Girl On Couch

เช่น ศิลปินคนหนึ่งแต่เพลงขึ้นมาแล้วร้องบน TikTok เกี่ยวกับว่าเธอมองหาหนุ่มไฟแนนซ์ตาสีฟ้าคนนึง จากนั้นก็ถูกชาวเน็ตเอาไปทำคลิปต่อยอดกันมากมาย หรือแม้แต่กระทั่งออกมาแสดงตัวว่าเขานี่แหละคือหนุ่มไฟแนนซ์ ดวงตาสีฟ้า อยู่ในช่วงอายุและความสูงที่เธอแต่งเพลงให้

@_georgianorth

london is crazy…and this song is EVERYwhere @Girl On Couch #flashmob #london

♬ Man In Finance (G6 Trust Fund) – Girl On Couch & Billen Ted

จะเห็นว่าผู้คนชอบที่จะได้มีปฏิสัมพันธ์กันแม้จะเป็นคนไม่รู้จักกันมาก่อนในโลกแห่งความเป็นจริง แต่ผู้คนก็จริงจังกับเรื่องแบบนี้จริงๆ ในแง่หนึ่งมันคือการทำคลิปเพื่อคุยกัน แต่ลึกๆ แล้วผู้คนแค่ต้องการได้คุยกับใครสักคนครับ

จาก Algorithm หน้าฟีดของ Social Media ที่ดันให้เราเหงาและโดดเดี่ยวมากขึ้นเพราะเราแทบไม่เห็นโพสจากคนรู้จัก หรือโพสที่เราน่าจะมีส่วนร่วมด้วยจริงๆ ได้เท่าไหร่นอกจากดูและก็อิจฉา จากนั้นก็อาจใจดีกดไลก์ให้สักครั้ง

เราลองมาดูตัวอย่างของแบรนด์ที่ทำเรื่องกระตุ้นความสัมพันธ์ หรือ Relationship ของผู้คนให้เชื่อมโยงกันได้ จะได้รู้ว่ามีแบรนด์ไหนทำอะไรไปแล้วบ้าง เพื่อจะเป็นแนวทางให้แบรนด์เราได้ลองต่อยอดสร้าง Socail Relationship Marketing ในปีนี้ครับ

2 Case Study เคสตัวอย่างจากแบรนด์ที่นำเทรนด์ SRM Social Relationship Marketing ได้ดี

1. Stanley กระบอกน้ำสแตนเลส ที่ใช้กลยุทธ์ Collectible Driven Marketing

Standley หนึ่งในแบรนด์กระบอกน้ำสแตนเลสเก็บอุณหภูมิที่อยู่มายาวนาน แม้พวกเขาจะไม่ได้ดังเปรี้ยงปร้างแบบกระบอกน้ำ Yeti ในช่วงเวลาหนึ่ง แต่พวกเขาก็มีกลุ่มฐานลูกค้าที่เหนียวแน่นและชอบในสินค้าอยู่เงียบๆ และเยอะมาก

พอถึงจุดหนึ่งที่ Stanley โด่งดังเปรี้ยงปร้างจากการที่มีคนตาดีบังเอิญเห็นว่าบรรดาซุปตาร์คนดังต่างก็มีกระบอกน้ำ Stanley ของตัวเองพกติดตัวไปไหนมาไหน โดยเฉพาะเวลาขึ้นเวทีอยู่ตลอด ก็ทำให้แบรนด์ได้รับความนิยมอย่างมหาศาลจนส่งผลให้ผู้คนซื้อตามจำนวนมาก และก็เริ่มเกิดกระแสการสะสมกระบอกน้ำ Stanley สีและลวดลายต่างๆ มากมายครับ

จากนั้นแบรนด์ต่างๆ ก็เข้ามา Collaboration กับ Stanley ก็ยิ่งส่งผลให้กระบอกน้ำสแตนเลสแบรนด์นี้ได้กลุ่มฐานลูกค้าใหม่ๆ เข้ามามากมาย จากกระบอกน้ำของกินของใช้ ที่มีแค่คนละใบสองใบก็เพียงพอ กลายเป็นของสะสมที่ต้องมีสักสิบใบขึ้นไปถึงจะมีเรื่องคุยกับคนอื่นเขาได้

และนั่นเองก็ทำให้บรรดาแฟนคลับนักสะสมกระบอกน้ำแบรนด์นี้มีจุดร่วมในการพูดคุยแลกเปลี่ยนความเห็นกัน เธอไปเจอดีไซน์นี้จากที่ไหน ฉันมีรุ่นหายากที่เธอไม่มีอยู่นะ หรือฉันมีแบ่งขายให้เธอหนึ่งอัน มันคือกลยุทธ์การเปลี่ยนของซื้อขายให้กลายเป็นของสะสมที่ซื้อซ้ำได้เรื่อยๆ หรือที่เรียกว่า Collectible Driven Marketing ครับ

ถ้าเคสตัวอย่างที่ใกล้ตัวเราทุกคนมากขึ้นก็คงหนีไม่พ้นกลุ่มที่สะสมชุดของเล่นจาก Happy Meal หรือไม่ก็กลุ่มที่ชอบสะสมกระบอกน้ำ Trumbler ของ Starbucks ที่นักสะสมจะรู้ว่าแต่ละเมืองนั้นจะมีดีไซน์ที่แตกต่างกัน ทำให้พวกเขามีเหตุผลในการเข้าร้าน Starbucks ในทุกเมืองหรือทุกประเทศที่ตัวเองเดินทางไป

อ่านถึงตรงนี้แล้วลองคิดต่อยอดดูว่า สินค้าของแบรนด์เราจะทำให้ผู้คนซื้อเพื่อสะสมแล้วเอามาพูดคุยแลกเปลี่ยนความเห็นกันยังไงได้บ้าง แน่นอนว่าคนมีก็อยากอวด ส่วนคนไม่มีแต่อยากเข้ากลุ่มมาคุยกับเขาด้วยก็ต้องเริ่มสะสมบ้างแล้ว

2. Influencer Driven Community for Brand

เดิมทีนักการตลาดชอบใช้ Influencer เพื่อช่วยโปรโมทแบรนด์เพื่อเน้นยอดขายหรือทำให้ผู้ติดตามรู้จักเป็นหลัก แต่เทรนด์การใช้ Influencer จะเริ่มเปลี่ยนไปเพราะนักการตลาดที่นำเทรนด์นี้จะเริ่มมองหา Influencer คือคนที่รู้จักกับเหล่าแฟนคลับผู้ติดตามเป็นอย่างดี บางแบรนด์จึงเริ่มให้ Infleuncer เป็นตัวกลางช่วย Connect กับ Community ของพวกเขาให้

แบรนด์เครื่องสำอางต่างประเทศให้ Infleuncer ช่วยจัดทริประหว่างลูกเพจกับแบรนด์ให้ โดยมี Infleuncer เป็นตัวกลาง ผลคือเกิด Relationship กันมากขึ้นทั้งสามฝ่าย ตัว Infleuncer กับ Follower เอง และก็ตัว Brand เองก็ได้เป็นส่วนหลักของ Socail Relationship ครั้งนี้

บ้านเราก็อารมณ์คล้ายตอน 9arm จัดงานมีตติ้งพบปะนายทุน(ผู้สนับสนุนช่อง) โดยมีหลายแบรนด์อาสาเป็นตัวกลางในการจัดการดำเนินความสะดวกให้ เรียกได้ว่าเป็นกิจกรรมที่วินวินทุกฝ่าย การตลาดวันนี้จะใช้แค่ Influencer ช่วยโพสไม่ได้ แต่ต้องใช้เขาเป็นตัวกลางให้ Connect กับแบรนด์ด้วยครับ

ลองคิดต่อยอดดูว่าคุณจะจัด Influencer Trip กับคนไหนถึงจะตอบกลยุทธ์หลักในปีนี้ได้บ้าง

จากสองตัวอย่างแบรนด์ที่ทำได้ดีให้พอเห็นภาพเป็นแนวทาง มาถึงวิธีการปรับตัวรับมือว่าเราควรต้องทำอย่างไรถ้าไม่อยากพลาด Social Trends 2025 ข้อสุดท้ายนี้

เทรนด์การตลาดแบบ SRM Social Relationship Marketing จาก 5R Social Trends 2025 เมื่อ Social Media กำลังจะกลับไปเป็น Social Network แบบดั้งเดิม

1. Community Driven Marketing ทำแบรนด์ตัวเป็นตัวกลางไม่ใช่จุดศูนย์กลางแบบเดิม

เราคงเห็นแล้วว่าจาก Algorihm ที่ Social Media ผลักดันฟีดเราให้เจอแต่ใครก็ไม่รู้อยู่ตลอดเวลา ทำให้ผู้คนมองหาการได้เป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มมากขึ้นกว่าทุกปีที่ผ่านมา จากเดิมตามอินฟลูเป็นหลัก วันนี้มาเริ่มตามกลุ่มที่ตัวเองอยากหาเพื่อนอยู่ในนั้น

เลิกทำคอนเทนต์ที่เน้นแต่ขาย แต่ต้องหันมาเน้นการทำให้กลุ่มลูกค้าที่มีได้จับกลุ่มคุยกันมากขึ้น ทำแบรนด์ให้เป็นตัวกลางระหว่างลูกค้าด้วยกัน เน้นการสร้างความสัมพันธ์โดยไม่ต้องเอาตัวเองเป็นจุดศูนย์กลางแบบเดิม

2. Collectible Driven Community ทำของให้น่าสะสม จับมือกับแบรนด์อื่นบ้าง

เราคงเห็นจากตัวอย่างของกระบอกน้ำ Stanley และ Starbucks แล้วว่าจริงๆ แล้วคนเรามีแค่หนึ่งหรือสองกระบอกก็พอ แต่พอมันออกแบบลวดลายใหม่ๆ จับมือกับแบรนด์ใหม่ๆ ทำให้สามารถซื้อเก็บไว้สะสมได้ไม่ยาก

พอสะสมก็เริ่มเป็นการเข้ากลุ่มที่มีการพูดคุยแลกเปลี่ยนความเห็นกัน ลองเริ่มคิดดูว่าปีนี้เราจะใช้กลยุทธ์​ Collectible Marketing กับสินค้าเราอย่างไรในปีนี้ครับ

3. Influencer Driven Relationship ใช้อินฟลูที่ใช่จับกลุ่มสร้างทริปกับแฟนๆ ในนามแบรนด์บ้าง

อย่าใช้อินฟลูเพียงแต่ช่วยโปรโมทโพสถึงสินค้าแบบเดิมที่ทำมาเท่านั้น แต่ต้องเริ่มมองหาการลองจัดทริปหรือจับกลุ่มมีตติ้งเดย์ระหว่างอินฟลูกับผู้ติดตาม โดยมีแบรนด์เป็นตัวกลางในการประสานงานให้ทั้งสองฝ่ายได้คอนเนคกัน

จากนั้นก็จัดคุมตีมหรือคอนเซปงานให้สอดคล้องกับ Brand Direction หรือสินค้าหลักของแบรนด์ในปีนั้น แต่อย่าทำให้ถึงขนาดเป็น Brand Event เพราะมันจะน่าเบื่อ

คิดภาพแบรนด์ไปสปอนงานคอนเสิร์ตหรืองานพบปะผู้ติดตามช่องอินฟลูก็ได้ เช่น ถ้าเป็นเพจการตลาดวันละตอนก็อาจเป็นแบรนด์ที่เกี่ยวกับการเงิน การท่องเที่ยว อสังหา มหาวิทยาลัย หรือแม้แต่เครื่องมือ MarTech ใหม่ๆ ก็ดูจะเหมาะสมครับ (แอบขายตัวเองหน่อย)

สรุปเทรนด์การตลาด SRM Social Relationship Marketing เมื่อคนมองหาการคอนเนคกัน ความสัมพันธ์กับผู้คนจริงๆ บนโซเชียล

เทรนด์การตลาดแบบ SRM Social Relationship Marketing จาก 5R Social Trends 2025 เมื่อ Social Media กำลังจะกลับไปเป็น Social Network แบบดั้งเดิม

ในวันที่ทุกคนต่างเห็นว่าโซเชียลมีเดียคือพื้นที่ของโฆษณา พื้นที่ของคนแปลกหน้า พื้นที่ของคนดังและคนที่เราไม่รู้จักเป็นส่วนใหญ่ ทำให้พวกเขามองหาการได้กลับไปรู้จักกับคนจริงๆ มากขึ้น ทั้งคนที่เป็นเพื่อนเก่าไปจนถึงเพื่อนใหม่ คนที่สนใจเรื่องเดียวกัน หรืออยากไปสนใจเรื่องเดียวกับคนอื่นเพราะอยากเข้ากลุ่มอะไรสักอย่าง

เมื่อ Community กลับกำลังกลับมากับกลุ่ม Gen Z และ Alpha มากขึ้นเรื่อยๆ แบรนด์ต้องมองให้ออกว่าเราจะปรับตัวเองอย่างไรในฐานะคนกลาง หรือตัวกลาง หรือจะเรียกว่าเป็นผู้ประสานงานให้ผู้คนได้เชื่อมสัมพันธ์กัน โดยมีแบรนด์เป็นตัวช่วยให้ผู้คนได้ผูกพันธ์

ตั้งแต่การออกสินค้าให้สะสมจนเกิดเป็นกลุ่มก้อนที่พูดคุยแลกเปลี่ยนความเห็นกันเรื่องสินค้าเรา หรือการเข้าไปประสานงานระหว่างอินฟลูกับแฟนๆ เป็นต้น

ทั้งหมดนี้คงไม่มีคำตอบตายตัว แต่ผมเชื่อว่าถ้าคุณอ่านถึงตรงนี้คงพอได้สักสามสี่ไอเดียที่จะลองเอาไปปรับใช้กับแผนการตลาดในปีนี้ครับ

และทั้งหมดนี้คือ 5R Social Trends 2025 เทรนด์การตลาดยุคใหม่ ยุคโซเชียลมีเดียที่เปลี่ยนไปจากปีก่อนพอสมควร

อ่านตั้งแต่เทรนด์ที่ 1 ได้ในลิงก์นี้ครับ

เจ้าของเพจการตลาดวันละตอน / อาจารย์พิเศษวิชา Data-Driven Communication / เขียนหนังสือมาแล้ว 5 เล่ม Personalized Marketing, Data-Driven Marketing, Data Thinking, Contextual Marketing และ Social Listening / ที่ปรึกษา Data-Driven Advisor

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *