สวัสดีนักการตลาด และนักอ่านทุก ๆ คนครับ บทความนี้ผมจะนำสิ่งที่เกิดขึ้นในงาน MarTech Expo 2024 ที่จัดขึ้นเมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ มาเล่าให้ฟังกันครับ โดย Session ที่ผมจะนำมาแชร์ในบทความนี้คือ Customer Trends 2024 form Data Driven ที่ผู้บรรยายหลักจะเป็น คุณกอล์ฟ Future Trends และพี่หนุ่ย การตลาดวันละตอน
Data Driven 2024
เริ่มส่วนแรกในเรื่องของ Data Driven กันก่อนดีกว่าครับ ทุกวันนี้การขอเก็บ Data จากลูกค้าเป็นเรื่องที่ท้าทายใช่เล่น เพราะฉะนั้นพี่หนุ่ย ณัฐพล ม่วงทำ เจ้าของเพจการตลาดวันละตอน จึงได้แชร์มุมมองในหัวข้อ Creativity Driven Data “ทำอย่างไร ให้ลูกค้าอยากที่จะให้ Data เรา” ด้วย 2 หลักการง่าย ๆ คือ Creativity และ Empathy
Use case กว่า 95.75% ผู้คนในเว็บการตลาดวันละตอนยินยอมให้ใช้ Data ของพวกเขา เพราะว่ามีการทำ Creativity และ Empathy
Creativity: บอกลูกค้า แจ้งให้ลูกค้าทราบว่า หากพวกเขายินยอมให้ใช้ Data จะเป็นประโยชน์ต่อพวกเขาอย่างไร ใช้ภาษาที่เป็นกันเอง ไม่เป็นทางการมากนัก ทำให้เข้าถึงลูกค้าได้ง่ายครับ
Empathy: แจ้งให้พวกเขาได้ทราบว่าสามารถยกเลิกคำยินยอมได้ถ้าหากไม่สบายใจ การเข้าใจลูกค้าเพียงนิดหน่อย การทำแบบนี้จะทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าปลอดภัยและหลายคนยินดีจะกดยอมรับคุกกี้ให้เข้าถึงข้อมูลได้ในทันที เมื่ออ่านข้อความที่แจ้งบนหน้าเว็บไซต์
เห็นมั้ยครับไม่ได้มีอะไรยาก แค่เข้าใจพื้นฐาน เข้าใจลูกค้า ก็สามารถบรรลุเป้าหมายของเราได้แล้ว
อีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญมาก ๆ ในการเก็บ Data ที่ต้องระวังก็คือ Bias ของกระบวนการเก็บข้อมูล ที่เราอาจจะคาดไม่ถึง ฉะนั้นผมจะพามาดูอีก Use Case ที่พี่หนุ่ยนำมาแชร์ในงานครั้งนี้กันครับ
จาก Data การทำ Survey หน้าเว็บการตลาดวันละตอนเรื่องการดื่มการแฟ ผลปรากฏว่ามีคนไม่ดื่มกาแฟถึง 76% กาแฟเย็น 16.9% และกาแฟร้อน 7.1%
ซึ่งเป็นผลที่ทำให้พี่หนุ่ยรู้สึกประหลาดใจพอสมควรเลยครับ เพราะจากภาพในหัวที่คิดไว้คือลูกเพจการตลาดวันละตอน น่าจะเป็นคนที่ดื่มกาแฟ หรือไม่ก็มีสัดส่วนการดื่มการแฟที่มากกว่านี้ ด้วยความสงสัยเลยทำ Survey อีกรอบ
โดย การทำ Survey ในครั้งนี้ ทำการเรียงลำดับตัวเลือกคำตอบใหม่โดยการนำกาแฟร้อนขึ้นมาเป็นลำดับแรก เท่านั้นแหละครับ ถึงกับร้องอ๋อออ เพราะผลที่ได้คือคนตอบกาแฟร้อน 69.2% กาแฟเย็น 17.9% ไม่ดื่มเหลือเพียง 12.8%
จึงทำให้เราได้รู้ว่าแค่การเรียงลำดับคำตอบ ก็มีผลต่อผลลัพธ์มากถึงขนาดนี้ เพราะฉะนั้นก็เป็นเรื่องที่ท้าทายมากเช่นเดียวกัน ว่าจะทำอย่างไรให้ Data ของเรามีความ Bias น้อยที่สุด และการจะเชื่อ Data สักชุด ก็ควรรู้ก่อนว่ามีประบวนการการได้มาซึ่ง Data แย่างไร มี Bias ตรงไหนบ้าง
อีก Use Case ที่มีน่าสนใจ ซึ่งพี่หนุ่ยนำมาแชร์ในงาน เกี่ยวกับวิธีการเก็บ Data ให้มีความ Bias น้อยที่สุดด้วยวิธีการที่ Creativity
ตู้ Kiosk ของ McDonal ที่ประเทศญี่ปุ่นใช้วิธี Login สำหรับการสั่งซื้อโดยใช้วิธีการสแกนใบหน้า ถามว่าลด Bias ยังไง คือโดยปกติแล้วอาจจะให้ใส่เบอร์ หรือข้อมูลอื่น ๆ ในการ Login ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่าผู้ซื้ออาจจะไม่ได้ใส่ข้อมูลตัวเองในการซื้อ อาจจะใส่ของเพื่อน หรือของแฟน
ทำให้ Data ที่ออกมานั้นผิดเพี้ยนไปหมดเลยหล่ะครับ อาจจะนำไปใช้ต่อได้ยาก และไม่มี Validity เพราะฉะนั้นการ Login สั่งซื้อโดยการใช้ใบหน้าจะทำให้เก็บ Data ได้แม่นยำมากยิ่งขึ้น Data มีความ Validity มากไปกว่านั้น ยังสามารถรู้ได้ว่าตอนที่ลูกค้ากำลังสั่งซื้อ ลูกค้ากำลังรู้สึกยังไง ผ่านการแสดงออกทางหน้าตา ทำให้เอา Data ไปใช้ต่อได้อีกครับ
Customer Trends 2024
นอกจากนี้ใน Session นี้คุณกอล์ฟ FutureTrends (ณัฐกร เวียงอินทร์ Head of Content & Branding, Future Trends) ก็ได้ออกมาแชร์ Customer Trends 2024 ที่มากจากมุมมองของผู้บริหาร C-Level ทั้งหมด 6 เทรนด์ดังนี้ครับ
1. Sustianabiity
เป็นเทรนด์ที่มีการพูดถึงมากอยู่แล้ว การพัฒนาที่ยั่งยืนในด้านเศรษฐกิจมักมุ่งเน้นการใช้ทรัพยากรให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด การลดปริมาณของการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และการสร้างนโยบายที่สนับสนุนการพัฒนาที่ยั่งยืนถือเป็นสิ่งที่ธุรกิจต้องให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก
ยกตัวอย่าง Heineken แบรนด์เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ มีการใช้ป้ายโฆษณา ที่มีการระบุว่ามีโซลาเซลล์ที่ใช้ในการสร้างความเย็นให้กับตู้บรรจุเครื่องดื่ม สื่อให้เห้นว่าแบรนด์มีการใช้พลังงานที่สะอาด
2. AI
ในยุค AI Driven Transformation ธุรกิจจะใช้ AI อย่างไรให้มีประสิทธิภาพสูงที่สุด เช่น iQIYI แพลตฟอร์มสำหรับรับชมภาพยนตร์ ซีรีย์ อนิเมชั่น และอื่น ๆ อีกมากมายมีการนำ AI เข้ามาช่วยในการแปลภาษา
ยกตัวอย่างความสำคัญและเห็นได้ชัดคือ อนิเมะญี่เป็นเรื่อง Attack on Titan ซึ่งเป็นการ์ตูนที่ดังมาก ๆ ผู้ติดตามทั่วโลก หลังจากการ์ตูนได้ฉายเป็นทางการในญี่ปุ่นแล้ว แพลตฟอร์มสตรีมมิ่งต่าง ๆ จะมีการนำมาใส่ซัพเพื่อให้คนประเทศต่าง ๆ ได้ดู
สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ iQIYI เป็นแพลตฟอร์มที่ทำซับเร็วที่สุด กระบวนการทำงานคือ มีการใช้ AI ในการแปลภาษาและใส่ซัพ หลังจาดนั้นจะให้มนุษย์มา QC อีกรอบหนึ่ง ก่อนจะปล่อยลงแพลตฟอร์ม
3. Digital Asset
อย่างที่ทราบกันดีราคาของ Bitcoin กำลังปรับตัวดีขึ้นเรื่อย ๆ แต่นี่ไม่ใช่ Factor หลักที่ทำให้เทรนด์นี้มาแรง เหตุผลที่แท้จริงคือบริษัทต่าง ๆ กำลัง Scale เรื่อง Digital Asset ในระดับที่สูงขึ้นเรื่อย ๆ เช่น Meta สิ่งนี้จึงทำให้ Digital Asset จะกลับมาอีกครั้ง
4. Martech
สิ่งนี้ไม่ต้องพูดเยอะครับ อย่างที่ทุกคนทราบกันดีว่าการทำการตลาดแบบ Traditional มันไม่เพียงพออีกต่อไปแล้ว การนำ Martech เข้ามาใช้จะช่วยให้ธุรกิจสามารถทำการตลาด และบริหารจัดการหลังบ้านได้ดีมากยิ่งขึ้น
5. Soft Power
รัฐบาลไทยสนับสนุนเรื่องนี้อย่างเต็มที่ มีการจัดตั้งกรรมการยุทธศาสตร์ SoftPower เพื่อมาดูแลเรื่องนี้โดยเฉพาะ โดยผลักดัน SoftPower 12 ด้านหลักได้แก่
แฟชั่น
หนังสือ
ภาพยนตร์
ละครและซีรีส์
เฟสติวัล
อาหาร
ออกแบบ
ท่องเที่ยว
เกม
ดนตรี
ศิลปะ
กีฬา
ธุรกิจใครเข้าข่าย 12 ด้านนี้ ก็ลองจับเทรนด์ Soft Power มาทำ Marketing ดูนะครับ
6. Chinese Business
ไม่กี่ปีที่ผ่านมาประเทศจีนเน้นขยายธุรกิจไปที่ต่างประเทศมากยิ่งขึ้น ดูจากแบรนด์จีนต่าง ๆ อย่าง Huawei Xiaomi และ TikTok
การเติบโตของธุรกิจจีนในต่างประเทศไม่เพียงแต่เสริมสร้างภาพลักษณ์ของประเทศเองเท่านั้น แต่ยังเป็นการแข่งขันในตลาดโลกอย่างรวดเร็ว การเจรจาความร่วมมือกับธุรกิจจีนหรือการแข่งขันกับมันก็เป็นสิ่งที่ธุรกิจในหลายประเทศจำเป็นต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ
บทความที่แนะนำให้อ่านต่อ
พาไปดูฝั่ง Insight 2024 กันบ้างครับ มากจากงาน MarTech Expo 2024 เช่นเดียวกัน