เราปฏิเสธไม่ได้เลยว่าอุตสาหกรรม กำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง Beauty & Wellness จนกลายเป็นหนึ่งในกลุ่มธุรกิจดาวรุ่งพุ่งแรงที่หลายแบรนด์ต่างก็ให้ความสนใจ แต่การที่ตลาดเติบโตเร็วก็หมายถึงการแข่งขันที่รุนแรงมากขึ้นตามไปด้วย วันนี้ผมเลยอยากจะมาแชร์อินไซต์และเทรนด์ จากงาน Industry Insights: Beauty & Wellness 2025
โดยในบทความนี้ ผมจะพาทุกคนไปสำรวจ 10 Trend Beauty & Wellness ในปี 2025 จาก Nielsen ที่ใช้กลุ่มตัวอย่างหลายพันคนทั่วประเทศไทย ว่าจะมี Trend & Insight อะไรที่น่าสนใจ และแบรนด์จะสามารถปรับตัวอย่างไรให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงที่กำลังจะเกิดขึ้นหรืออาจเกิดขึ้นแล้วในปัจจุบันนี้
Trend 1: Media Fragmentation อภิมหาความหลากหลายของสื่อ
ถ้าพูดถึงเรื่องการสื่อสารหรือสื่อโฆษณาเมื่อ 5-10 ปีก่อน เราอาจโฟกัสแค่ TV หรือ Facebook สำหรับใช้สื่อสารกับลูกค้า แต่วันนี้ผู้บริโภคต่างก็มีตัวเลือกมากมายหลายช่องทางในการรับข่าวสารต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น YouTube, Instagram, TikTok, Podcast, Out-of-Home, In-store, Cinema… จนหลายแบรนด์รู้สึกว่า “เม็ดเงินโฆษณา” จะต้องต้องถูกแบ่งกระจายไปในทุกช่องทาง
ข้อมูลสถิติที่น่าสนใจจากการสำรวจของ Nielsen พบว่า เม็ดเงินโฆษณารวมในประเทศไทยปีที่ผ่านมาเติบโตเพียง 3% ในขณะที่จำนวนสื่อเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในขณะเดียวกันโทรทัศน์ ที่ถึงแม้ว่าจะยังเป็นสื่อใหญ่ที่สุด แต่มีแนวโน้มลดลงเรื่อย ๆ โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับสื่อออนไลน์ที่เติบโตที่โตอย่างต่อเนื่อง
แต่ที่น่าสนใจคือโทรทัศน์ออนไลน์เริ่มได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น สวนทางกับ Influencer ที่จำนวนเม็ดเงินในการจ้างคนเหล่านี้มีจำนวนลดลง
Trend 2: Health Consciousness เพราะสุขภาพคือทุกสิ่ง
ความสนใจด้านสุขภาพของคนไทยพุ่งขึ้นเป็น 80% จากข้อมูลย้อนหลังเมื่อปี 2020 ซึ่งยังอยู่ที่ 68%สะท้อนชัดเจนว่า “สุขภาพ” กลายเป็นพื้นฐานของการใช้ชีวิต และขยายครอบคลุมทุกกลุ่มอายุ
ข้อมูลจากการสำรวจยังพบว่า 68% ของคนไทยบอกว่าต้องการอาหารเพื่อสุขภาพ (Healthy Food) และกว่า 53% มองว่า Food Supplement หรืออาหารเสริมยังเป็นสิ่งจำเป็นต่อสุขภาพอีกด้วย
และยังสอดคล้องกับขนาดตลาดของกลุ่มสินค้าประเภทอาหารเสริมที่มีแนวโน้มเติบโตขึ้น ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มวิตามิน รังนก และผลิตตภัณฑ์เพื่อความงาม
นอกจากนี้ยังพบว่ากลุ่มผู้บริโภคอาหารเสริมอย่างวิตามินไม่ใช่ Old Generation ที่เป็นกลุ่มหลักอีกต่อไป แต่กลายเป็น Young Generation ที่เป็นกลุ่มหลักในปี 2025 นั่นก็คือกลุ่ม Gen Z และ Gen Y นั่นเอง
Trend 3 Vitamins & Supplements is a Choice วัยรุ่นก็ต้องการวิตามิน
ซึ่งจากเทรนด์ก่อนหน้าเราก็พอจะเห็นแนวโน้มของกลุ่มที่บริโภคอาหารเสริมอย่างวิตามินว่าส่วนใหญ่ในปัจจุบันเป็นกลุ่ม Young Generation (อายุ 40 ลงไป) ซึ่งต่างจากเมื่อก่อน ที่เราก็คิดว่าคนวัยทำงานตอนปลายหรือผู้สูงอายุเท่านั้นที่เคยถูกมองว่าเป็นลูกค้าหลัก
แต่วันนี้จากข้อมูลก็พบว่ากว่า ตลาดวิตามิน/อาหารเสริมเติบโต สองหลัก (10–15%) ต่อปีต่อเนื่อง 3 ปีซ้อน และ Gen Z และ Gen Y ยังให้ความสนใจ “วิตามินบำรุงสายตา” และ “วิตามินบำรุงผิว” เป็นพิเศษอีกด้วย
Trend 4: Sun Protection: ป้องกันก่อนรักษา
ต้องบอกว่าคนไทยจำนวนมากในปัจจุบันมีความเข้าใจว่ามีทั้ง UV, แสงสีฟ้า (Blue Light) และมลภาวะอื่น ๆ ที่ทำร้ายผิว ดังนั้นจากการสำรวจพบจึงพบว่ากว่า 42% มีการใช้ผลิตภัณฑ์ครีมกันแดดและเติบโตขึ้นกว่า 31%
นอกจากนี้ยังพบว่า กลุ่ม Gen Y และ Gen Z ยังมีมีอัตราการเติบโตสูงกว่า 40% เมื่อเทียบกับกลุ่มอื่นอีกด้วย
Trend 5: Anti-Aging: ไม่ได้มีแค่คนอายุ 40+ อยากเด็กลง
การใช้ผลิตภัณฑ์ลดเลือนริ้วรอย (Anti-Aging) มีอัตราการเติบโตอยู่ที่ 9% และในปัจจุบันก็ไม่ได้จำกัดอยู่ที่ผู้ใหญ่ช่วงอายุ 40+ อีกต่อไป เพราะตอนนี้มากกว่า 50% ของผู้ใช้เป็นวัยต่ำกว่า 40 ไปแล้ว
นอกจากนี้ ข้อมูลจากการสำรวจยังพบว่า กลุ่มผู้บริโภคเริ่มให้ความสำคัญกับแบรนด์ที่มีความน่าเชื่อถือและเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสูง อย่างแบรนด์ Clinique และ Chanel ซึ่งไม่เคยติดอันดับบน ๆ ในกลุ่มผลิตภัณฑ์ลดเลือนริ้วรอยในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
Trend 6: Hair Care ตลาดผมสวยสุขภาพดีที่ไม่เคยตกยุค
เพราะสุขภาพผมดีก็เท่ากับความงามไนอีกด้านหนึ่งเหมือนกัน ปัจจุบันความต้องการในการใช้ผลิตภัณฑ์สำหรับย้อมสีผมมีเพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้ตลาดผลิตภัรฑ์กลุ่มนี้เติบโตกว่า 11%
นอกจากนี้ ในกลุ่มผลิตภัณฑ์ปิดผมขาวยังคงเป็นตลาดใหญ่ คิดราว 47% ของตลาดย้อมผมโดยเฉพาะในกลุ่ม Old Generation (อายุ 40 ปี ขึ้นไป) แต่ผู้บริโภคก็เริ่มมองหาคุณสมบัติ “อ่อนโยน” และ “ไม่มีสารเคมี” มากขึ้น เพราะต้องการคงสุขภาพผมไปพร้อมกับการเปลี่ยนสีนั่นเอง
Trend 7: Male Consumer ผู้ชายก็อยากดูดีไม่แพ้ผู้หญิง
ตลาดผู้ชายมีศักยภาพสูง ทั้งรายได้และความถี่ในการซื้อ เชื่อว่าหลายคนอาจจะยังมองว่าผลิตภัณฑ์ความงามเป็นเรื่องของผู้หญิง แต่ปัจจุบันผู้ชายไทยซื้อสกินแคร์และของบำรุงผิวบ่อยขึ้น และมีกำลังซื้อที่สูงขึ้นตามไปด้วย
จากข้อมูลพบว่าผู้ชายกว่า 47% ให้ความสำคัญในการใช้ Skincare โดยเฉพาะกลุ่ม Cleanser Moisturizer และ Sunscreen นอกจากนี้ยังพบว่าผู้ชายบางกลุ่ม “ซื้อสกินแคร์ถี่กว่าผู้หญิง” และมีรายได้เฉลี่ยสูงกว่ากลุ่มผู้หญิงในหลาย Segment อีกด้วย
Trend 8: Local Brands on the Rise: คนไทยเชื่อมั่นแบรนด์ไทยมากขึ้น
ผู้บริโภคไทยเปิดใจกับแบรนด์ไทยมากขึ้น มีหลายแบรนด์ที่สามารถก้าวขึ้นมาติด Top 10 ได้ในหมวด Cosmetics เช่น ลิปสติก อายแชโดว์ แป้งพัฟ ฯลฯ ไม่ว่าจะเป็นแบรนด์ Cute press, Srichand และ 4U2
เพราะแบรนด์เหล่านี้ต่างก็มีคุณภาพ ราคาจับต้องได้ และเข้าใจเฉดผิวคนไทยเป็นอย่างดี ซึ่งผลิตภัณฑ์ที่ได้รับความนิยมที่สุดสำหรับคนไทยกว่า 60% ก็คือ ลิปสติกโดยเฉพาะลิปกลอส
Trend 9: Savvy Shoppers Gen Z เป็นนักช้อปที่มาพร้อมกับข้อมูลแน่น ๆ
Gen Z คือกลุ่มที่เติบโตมากับดิจิทัล จึงหาข้อมูลอย่างละเอียดก่อนตัดสินใจ ทั้งรีวิวในโซเชียลมีเดียหรือค้นหา #hashtag ต่าง ๆ กลุ่มนี้สนใจนวัตกรรม ผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ และกระแสรักษ์โลกควบคู่กัน
Trend 10: Omni-Channel หน้าร้านและร้านออนไลน์ต้องไปด้วยกัน
ถึงแม้ว่าอีคอมเมิร์ซ (E-Commerce) จะโตขึ้น แต่การซื้อออฟไลน์ในร้านค้ายังคงมีบทบาทอย่างมาก โดยเฉพาะสินค้าความงามและสุขภาพที่ผู้บริโภคอยาก “ลอง” หรือ “ปรึกษาพนักงาน” ก่อน
โดยคนพฤติกรรรมของคนไทยกว่า 46% ค้นหาข้อมูลจากออนไลน์ก่อนแล้วจึงไปซื้อที่หน้าร้าน และ กว่า 34% ดูสินค้าที่หน้าร้านก่อนแล้วจึงค่อยซื้ออนไลน์
4 Marketing Strategies for Beauty & Wellness 2025 กลยุทธ์การตลาดที่แนะนำ
และจากเทรนด์เหล่านี้เองแบรนด์ก็สามารถที่จำนำกลยุทธ์การตลาดต่าง ๆ มาประยุกต์ใช้เพื่อให้สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างตรงจุด ตัวอย่างเช่น
Omni-Channel & Data-Driven สร้างประสบการณ์แบบไร้รอยต่อ พร้อมขับเคลื่อนธุรกิจด้วยข้อมูล
อย่าหยุดที่การขายออนไลน์ หรือออฟไลน์เพียงอย่างเดียว แต่ออกแบบประสบการณ์รอบด้าน พร้อมนำ Data Analytics มาช่วยเจาะให้ตรงกับพฤติกรรมของลูกค้า
Personalization at Scale การปรับเฉพาะบุคคลที่ถูกขยายให้ตอบโจทย์ระดับ Segment
เมื่อสื่อและผู้บริโภคกระจายตัว การทำข้อความทางการตลาด (Message) ให้ตรงกลุ่มย่อยจะช่วยเพิ่ม ROI อย่างมาก
Product Development เพื่อ ‘สุขภาพ’ & ‘ความงาม’
พัฒนาตั้งแต่ส่วนผสมแบบพรีเมียมไปจนถึงสูตรอ่อนโยน และให้ความสำคัญในประเด็นของหลักฐานหรือเหตุผลทางวิทยาศาสตร์มารองรับ เพื่อตอบโจทย์กลุ่มผู้บริโภคยุคใหม่
Long-term Brand Trust ความเชื่อมั่นคือ Key Success ของแบรนด์ในระยะยาว
ความเชื่อมั่นเกิดจากการสะสม ไม่ใช่แค่แคมเปญสั้น ๆ แบรนด์ต้องมีความจริงใจกับผู้บริโภคในทุกจุดที่แบรนด์ไปปรากฏในสายตาของผู้บริโภค
สรุป
จากทั้ง 10 เทรนด์ที่กล่าวมา จะเห็นได้ว่า Trend Beauty & Wellness ในปี 2025 ไม่ได้จำกัดแค่ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหรือเครื่องสำอางอีกต่อไป แต่ขยายไปสู่การดูแลสุขภาพแบบองค์รวม ตั้งแต่อาหารเสริม การปกป้องผิว ไปจนถึงการดูแลเส้นผมและสุขภาพจิตใจ
แบรนด์ที่ต้องการอยู่รอดและเติบโตในอุตสาหกรรมนี้ ควรให้ความสำคัญกับ Omni-Channel Strategy เพื่อเชื่อมโยงทุกช่องทางการขายและการสื่อสาร
รวมถึงการใช้ Data-Driven Marketing ในการวิเคราะห์พฤติกรรมผู้บริโภคให้แม่นยำ พร้อมทั้งพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายในแต่ละเซกเมนต์
สุดท้ายแล้ว ความสำเร็จของแบรนด์ในระยะยาวจะขึ้นอยู่กับ ความน่าเชื่อถือและความจริงใจต่อผู้บริโภค ดังนั้น การสร้าง Long-term Brand Trust และปรับกลยุทธ์ให้สอดคล้องกับแนวโน้มที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว จะเป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้แบรนด์แข็งแกร่งในตลาด Beauty & Wellness ที่กำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง
อ่านบทความเพิ่มเติมได้ที่