ทุกวันนี้เรื่อง Data นั้นไม่ใช่เรื่องใหม่อีกต่อไป ไม่ว่าบริษัทเล็กหรือใหญ่ต่างก็เข้าใจดีว่า Data นั้นเป็นเรื่องที่สำคัญ นักการตลาดเองก็รู้ดีว่า Data หรือ ข้อมูล เป็นสิ่งจำเป็นตั้งแต่ขั้นตอนแรกๆ ในการวางแผนการตลาด แต่ก็ยังมีอีกหลายแบรนด์ที่ยังไม่มองไม่เห็นโอกาสในการหยิบเอาข้อมูลเหล่านี้มาใช้ จึงทำให้ไม่สามารถตัดสินใจ และเข้าใจแนวทางในการวิเคราะห์ได้ ทำให้พลาดโอกาสเข้าถึงกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ ในตลาดใหม่ๆ ไปอย่างน่าเสียดาย
วันนี้การตลาดวันละตอนจะพามารู้จักกับ ADA ผู้นำในการให้บริการการตลาดดิจิทัลครบวงจร ทั้งในด้าน Data Analytics (ดาต้า อนาไลติกส์) และการใช้เทคโนโลยีการตลาด MarTech (มาร์เทค) ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ที่เชี่ยวชาญในด้าน Data ที่พร้อมจะมาช่วยให้บริษัทของคุณในการวิเคราะห์ข้อมูล ด้วยการผสมผสานระหว่าง Data และความคิดสร้างสรรค์เข้าด้วยกันเพื่อนำไปประยุกต์เป็นแผนการตลาดที่มีประสิทธิภาพ และได้ผลลัพธ์เป็น ROI ที่น่าพอใจได้ในที่สุด
ADA คือใคร?
ADA (เอดีเอ) เป็นบริษัทให้บริการในด้านดิจิทัลครบวงจร โดยมีหนึ่งในนักลงทุนรายใหญ่คือ SoftBank และ Axiata Group จากประเทศมาเลเซีย ที่มีความเชี่ยวชาญในด้าน Data ด้วยความที่เข้าใจเป็นอย่างดีว่า Data เป็น Asset ที่มีค่ามากในการทำการตลาดทุกวันนี้ ADA จึงให้ความสำคัญกับเรื่อง Data-driven Marketing หรือ การตลาดที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลมาเป็นอันดับแรก เพื่อจะได้นำ Data ที่มีนี้มาช่วยติดอาวุธในการทำการตลาดนั้นมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
Xact Data ของ ADA นั้นสามารถช่วยให้เราสร้างกลุ่มเป้าหมายโดยอิงจากลักษณะของกลุ่มเป้าหมายที่เราสนใจโดยตรงได้ จากการที่ ADA ได้รับ Data จากพาร์ทเนอร์ทั้งหมดเข้ามาอยู่ในระบบของ Xact จากนั้นจึงค่อย Normalization และสร้าง Data Model มาเป็น DMP ของ ADA เอง แล้วจึงค่อยนำข้อมูลเหล่านั้นมาวิเคราะห์หา insight ของกลุ่มเป้าหมายแต่ละกลุ่มว่า มี lifestyle แบบไหน มีพฤติกรรมการใช้เครื่องมือสื่อสารอย่างไร สถานที่ที่คนเหล่านั้นไปคือที่ไหนบ้าง
การเลือกใช้กลุ่มเป้าหมายโดยการวิเคราะห์แค่ความสนใจ อาจไม่ใช่ทางออกที่ดีที่สุดสำหรับทุกธุรกิจเสมอไป ตัว Xact Data เลยได้เน้นการวิเคราะห์ในมุมของ Behavior มากกว่า Interests เพื่อให้ตอบโจทย์ธุรกิจได้หลากหลายมากยิ่งขึ้น
เช่น หากเราเจอกลุ่มเป้าหมายสักกลุ่มหนึ่ง ซึ่งพบว่าปีก่อนหน้ามี digital footprints อยู่บนการใช้งานแอปพลิเคชั่นประเภท educational application และมี physical footprints พบเจอได้ตามมหาวิทยาลัยเป็นหลัก แต่ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมานั้น กลับพบว่ามี digital footprints เป็นกลุ่ม productivity application เช่น เครื่องมือช่วยจดบันทึก เครื่องมือช่วยทำงาน และกลับมาพบเจอ physical footprints ในโซนของ Central Business District (CBD) เช่น สีลม สาทร มากขึ้น นักการตลาดก็อาจจะตีความได้ว่าคนกลุ่มนี้คือกลุ่มเป้าหมายที่น่าจะมีการเปลี่ยนแปลง Life stage เป็นกลุ่ม First Jobber คือเพิ่งเรียนจบมาเริ่มงานใหม่ ดังนั้น อาจจะมีบางสินค้า เช่น ประกันชีวิต (ให้ตัวเองหรือคุณพ่อคุณแม่) รถยนต์ บัตรเครดิต หรือคอร์สอบรมต่างๆ ที่เป้าหมายกลุ่มนี้น่าจะให้ความสนใจมากเป็นพิเศษ
ใช้ Xact Data จัดทำ Dashboard เพื่อตอบโจทย์ Solution ในการทำธุรกิจ
นอกเหนือจากการใช้งาน Xact Data ในรูปแบบของการจัดทำเป็น Segment แล้ว ปรับกลยุทธ์การสื่อสารให้เหมาะสมกับลักษณะนิสัยของกลุ่มเป้าหมายแต่ละกลุ่มเพื่อนำมายิงโฆษณาต่อไปแล้วนั้น
บริษัทไหนที่มีทีม Data Scientist หรือ Data Analyst อยู่แล้วก็สามารถนำข้อมูลที่ได้จาก Xact Data มาจัดทำ Dashboard หรือจะใช้บริการเป็น subscription จากทาง ADA ก็ได้เช่นกัน โดย Dashboard เหล่านี้อาจจะไม่ได้แค่ช่วยตอบโจทย์นักการตลาด แต่สามารถตอบ Solution อื่นๆ ในการทำธุรกิจได้ เช่น การวิเคราะห์เพื่อออกสินค้าใหม่ หรือเปิดสาขาใหม่ในโซนที่มีกลุ่มเป้าหมายของแบรนด์อยู่มากเป็นพิเศษ เป็นต้น
ซึ่งบางแบรนด์อาจจะไม่ได้อยากได้ Persona หรือ Segment กลับกันคือทางแบรนด์นั้นมี CRM หรือ Customer Data Platform (CDP)เป็นของตัวเองอยู่แล้ว สิ่งนี้จะทำให้แบรนด์รู้ในมุมที่ลูกค้าของเขาสนใจต่อตัวโปรดักส์และเซอร์วิสของแบรนด์เท่านั้น ซึ่งก็เป็นแค่ Data ส่วนหนึ่งเท่านั้น แต่แบรนด์เองก็ยังมีข้อมูลส่วนอื่นที่ขาดอยู่อีกมากมาย ซึ่งเขาก็สามารถนำข้อมูลในระบบ Xact Data ไปใส่ไว้ในถังข้อมูลของตัวเอง ที่เรียกว่าการทำ Data Enrichment เพื่อเชื่อมโยงฐานลูกค้าของแบรนด์ ด้วยชุดข้อมูลพฤติกรรมใหม่ๆ จาก Xact เพื่อหา Offer ที่ตรงกับใจของแต่ละคน หรือการหากลุ่มเป้าหมายใหม่ๆ ได้
มีผู้เชี่ยวชาญในการวิเคราะห์ข้อมูล
สำหรับบริษัทไหนไม่มีทีมในการวิเคราะห์ข้อมูลเหล่านี้ ทาง ADA ก็มีผู้เชี่ยวชาญที่จะมาช่วยวิเคราะห์ข้อมูลให้ด้วย ยกตัวอย่าง ถ้าแบรนด์อยากได้คนที่รักการเดินทาง ทางผู้เชี่ยวชาญของ ADA ก็จะทำการพิจารณาจากหลากหลายองค์ประกอบ ไม่ว่าจะเป็น Travel Application ที่เขาใช้ หรืออาจจะไปดูจากโลเคชันที่เขาไป เช่น ถ้าเราเจอว่าคนๆ นั้น เขาไปที่สนามบิน หรือขนส่งบ่อยๆ หรือไปเจอว่าเขามีแพทเทริ์นการเดินทางที่ค่อนข้างกระจัดกระจาย ไม่อยู่นิ่งกับที่ใดที่หนึ่งนานๆ ก็เป็นไปได้ว่าจะ Persona ที่เราตามหา โดยจะวิเคราะห์จากหลายๆ Attribute มาประกอบกัน แล้วนำมา Breakdown สรุปเป็น Persona เพื่อตอบโจทย์ Solution ที่แบรนด์ต้องการต่อไป
จาก Xact DATA ที่ ADA มี สามารถนำไปต่อยอดทางธุรกิจได้อย่างไรบ้าง
หลายปีที่ผ่านมาเราคงเข้าใจตรงกันแล้วว่า Data นั้นมีความสำคัญต่อการทำธุรกิจมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นบริษัทเล็กหรือใหญ่ต่างก็จำเป็นต้องใช้ Data มาเป็นส่วนสำคัญในการช่วยเสริมประสิทธิภาพให้
กับการตลาดกันทั้งสิ้น เรามาดูกันดีกว่าว่า แล้ว Xact DATA จาก ADA นั้นจะสามารถนำไปต่อยอดทางธุรกิจได้อย่างไรบ้าง
1.ช่วยให้แบรนด์เข้าใจกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น
ถ้าลองสังเกตดูจะเห็นว่าธุรกิจที่สามารถเติบโตได้เร็วในสมัยนี้นั้น ส่วนมากจะเป็นธุรกิจที่เข้าใจลูกค้าตัวเองเป็นอย่างดีว่าลูกค้าต้องการอะไร ซึ่ง Xact DATA จาก ADA จะสามารถเข้ามาตอบโจทย์ให้ตรงจุดด้วยการนำข้อมูลที่มีในถังมาวิเคราะห์อย่างจริงจัง เพื่อให้ธุรกิจเข้าใจ Insight และความต้องการของที่แท้จริงว่าลูกค้าต้องการอะไร แล้วจะต้องสื่อสารอย่างไรให้ได้ใจลูกค้า เนื่องจากลูกค้านั้นเปรียบได้เป็น asset ที่สำคัญที่สุดนั่นเอง
2.วิเคราะห์ทิศทางในอนาคตได้แม่นยำ
การวางแผนการตลาดใดๆ นั้นจะมีเปอร์เซ็นต์ในการประสบความสำเร็จได้มากกว่าถ้าหากเรามีข้อมูลที่มากพอ ซึ่งข้อมูลเหล่านั้นจำเป็นต้องเป็นข้อมูลที่มีความเกี่ยวข้อง รอบด้าน แต่ตรงจุด เพื่อจะได้สามารถคาดเดาความเป็นไปได้ของธุรกิจได้อย่างแม่นยำ และมองเห็นแนวทางที่ชัดเจนขึ้นว่าจะเดินต่อไปในทิศทางไหน อย่างไร หรือถ้าเกิดปัญหาขึ้นระหว่างทางก็จะได้สามารถแก้ไขได้ทัน ซึ่ง Xact DATA จาก ADA เองก็สามารถตอบโจทย์ในด้านความแม่นยำและเฉพาะเจาะจงของข้อมูลได้เป็นอย่างดี
3.ประหยัดงบประมาณ
Xact DATA จาก ADA จะช่วยให้เราสร้างกลุ่มเป้าหมายโดยอิงจากลักษณะของกลุ่มเป้าหมายที่เราเก็บข้อมูลโดยตรงได้ ทำให้แบรนด์รู้ว่าเราควรลงทุนกับโปรเจกต์ไหน ในช่วงไหน ถึงจะมีแนวโน้มที่จะได้ผลที่ดีมากกว่ากัน งบประมาณส่วนไหนที่ไม่จำเป็นก็ตัดออกไป เมื่อมองเห็นภาพรวมจากการพิจารณาข้อมูลแล้วก็จะสามารถจัดสรรงบประมาณได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ในโลกของธุรกิจที่มีการแข่งขันกันอย่างดุเดือดขึ้นทุกปี แถมยังมีตัวแปรสำคัญจากพิษเศรษฐกิจ และโรคระบาด ทำให้เราอาจจะต้องเปลี่ยนกลยุทธ์การตลาดกันแบบไม่มีเวลาให้ตั้งตัว ซึ่ง ADA ถือเป็นพันธมิตรที่ตอบโจทย์ความต้องการของธุรกิจมากๆ เพราะนอกจากจะเข้าใจแบรนด์ของเราแล้วยังเข้าใจลูกค้าของเราจากการนำข้อมูลที่มีเป็นของตัวเองอย่าง Xact DATA มาใช้ในการวิเคราะห์ Insight เชิงลึก ใน
แง่มุมของ Behavior Analytics ได้อย่างมีประสิทธิภาพแล้ว ยังทำให้เราได้เจอ New Insight และนำไปสู่การได้เจอ New Opportunity ใหม่ๆ ด้วย เพราะการใช้ Data นั้นถือเป็นอีกหนึ่งในแผนการปรับตัวที่จะทำให้แบรนด์สามารถพัฒนาสินค้าได้ตรงจุด และเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างตรงใจนั่นเอง
ใครที่อยากรู้ว่า Xact DATA จาก ADA นั้นเข้ามาช่วยธุรกิจให้ประสบความสำเร็จได้อย่างไร รอติดตาม Case Study ที่น่าสนใจที่การตลาดวันละตอนจะนำมาเล่าให้ฟังในตอนต่อไปได้เลยนะคะ