การตลาดเป๊ปเปอร์มิ้นท์ ฟิลด์ x Squid Game SS3 จาก Netflix พายาดมไทย สู่ ‘Functional Lifestyle Brand’ สุดคูล

ถ้าถามว่ากลยุทธ์การตลาดอะไรที่ฮอตฮิตที่สุดในปี 2025 บอกเลยว่า Collaboration Marketing คือหนึ่งในนั้นครับ เพราะแม้แต่ แบรนด์ ‘ยาดม’ ที่เราคุ้นเคยกันดี ก็ยังลุกขึ้นมาจับมือกับซีรีส์ระดับโลกอย่าง ‘Squid Game’ เลยครับ วันนี้ผมเลยจะพาทุกคนมาเจาะลึกกลยุทธ์ การตลาดเป๊ปเปอร์มิ้นท์ ฟิลด์ ที่ทำให้การ Collaboration ครั้งนี้สามารถสร้างสีสันให้กับแบรนด์ได้อย่างน่าสนใจครับ

ก่อนอื่นต้องบอกว่า เป้าหมายของ เป๊ปเปอร์มิ้นท์ ฟิลด์ ในครั้งนี้ไม่ได้มองแค่การเพิ่มยอดขายครับ แต่เป็นการยกเครื่องภาพลักษณ์หรือ Image ของแบรนด์ครั้งใหญ่เลยทีเดียว โดยคุณมีนา (เอี่ยมพิกุล) อัครพงศ์พิศักดิ์ รองประธานบริหารด้านการตลาด ได้บอกว่า ตนเองต้องการพาแบรนด์ให้ก้าวข้ามการเป็นแค่ ‘ยาดม’ ไปสู่การเป็น ‘ไลฟ์สไตล์แบรนด์’ ที่เข้าไปอยู่ในชีวิตประจำวันของคนรุ่นใหม่ให้ได้

AI-Generated by Shutterstock (Prompt: A Thai person using a traditional herbal inhaler (ya-dom), close-up portrait, showing a natural expression of relief and comfort, wearing everyday casual clothes, background of a typical Thai street or market, realistic style, daylight, photorealistic, Southeast Asian features, subtle branding on the ya-dom bottle, traditional Thai cultural vibe.)

เรียกได้ว่าเป็นโจทย์ที่ท้าทายมาก ๆ สำหรับผลิตภัณฑ์ที่หลายคนมองว่าเป็นการใช้งานเฉพาะทาง การจะเปลี่ยน Brand Perception และ Brand Relevance ให้แบรนด์ยังดูทันสมัยได้นั้น ก็ต้องอาศัยกลยุทธ์ที่จะสามารถทำให้แบรนด์แตกต่างและโดนใจ ซึ่ง Collaboration Marketing ก็ถือเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่เข้ามาตอบโจทย์ตรงนี้ได้นั่นเอง

บอกเลยว่าการเลือก Squid Game มาเป็นพาร์ทเนอร์ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เป็นการวางแผนมาอย่างดีเพื่อตอบโจทย์ของแบรนด์ในหลายมิติครับ

เชื่อมต่อกับ Pop Culture และเข้าถึง Gen Z ปฏิเสธไม่ได้ว่า Squid Game ไม่ใช่แค่ซีรีส์ แต่เป็นปรากฏการณ์ทางวัฒนธรรมระดับโลก การนำแบรนด์ไปผูกกับ Pop Culture เป็นวิธีที่ทรงพลังที่สุดในการเข้าถึงกลุ่ม Gen Z ซึ่งเป็นเป้าหมายหลักของแบรนด์ คนกลุ่มนี้ให้ความสำคัญกับประสบการณ์และความเชื่อมโยงกับสิ่งที่พวกเขาสนใจ

การตลาดเป๊ปเปอร์มิ้นท์ ฟิลด์
รูปภาจาก: Netflix

สร้างเรื่องราวที่ไปด้วยกันได้ คุณมีนามองว่า Squid Game คือตัวแทนของความท้าทาย การเอาตัวรอด และความตื่นตัวตลอดเวลา ซึ่งมันสอดคล้องกับจุดยืนของเป๊ปเปอร์มิ้นท์ ฟิลด์ ที่มอบความหอม สดชื่น ตื่นตัว ให้ผู้ใช้ “พร้อมลุยทุกเกม ไปต่อได้แบบมีคุณภาพ” การเชื่อมโยงคุณค่าของผลิตภัณฑ์เข้ากับธีมของซีรีส์แบบนี้ ทำให้การร่วมมือครั้งนี้ดูมีความหมายมากขึ้น

ยกระดับสู่แบรนด์ระดับโลก การจับมือกับ Netflix และซีรีส์ดังระดับโลก ก็ถือเป็นการประกาศจุดยืนว่า แบรนด์ยาดมของไทยก็เจ๋งและเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมระดับโลกได้เหมือนกัน ซึ่งช่วยสร้างการรับรู้และอาจขยายฐานลูกค้าไปสู่กลุ่มแฟน ๆ ของซีรีส์ทั่วโลกในอนาคตได้อีกด้วย

การ Collaboration ระหว่าง เป๊ปเปอร์มิ้นท์ ฟิลด์ และ Squid Game SS3 จาก Netflix ทำให้เกิดแคมเปญ “ยาดม สควิด เป๊ป” ที่ไม่ใช่การแปะโลโก้บนยาดม แต่ได้หลอมรวมองค์ประกอบต่าง ๆ ของทั้งจาก 2 ฝั่งไม่ว่าจะเป็น

การร่วมกันพัฒนาผลิตภัณฑ์ (Co-product development) ซึ่งนี่คือหัวใจสำคัญที่ทำให้แคมเปญนี้แตกต่าง คือการที่แบรนด์ได้พัฒนากลิ่นใหม่ขึ้นมาเป็นครั้งแรกร่วมกับทีมซีรีส์ โดยใช้กลิ่นเป๊ปเปอร์มิ้นท์ที่เป็นเอกลักษณ์ ผสานกับน้ำมันหอมระเหยจากมะกรูด จนได้เป็นกลิ่นใหม่ที่สะท้อนคาแรกเตอร์ลึกลับของซีรีส์ได้ลงตัว แถมแพ็กเกจจิ้งยังออกแบบโดยใช้สีธีมหลัก 6 สี (ชมพู, เขียวอ่อน, ดำ, ฟ้า, ส้ม, และสีเขียวเข้ม) ทำให้กลายเป็นคอลเลกชันพิเศษ 6 แบบที่น่าสะสมสุด ๆ

การตลาดเป๊ปเปอร์มิ้นท์ ฟิลด์

การตลาดแบบครบเครื่อง (Integrated Marketing Communications) แบรนด์ใช้กลยุทธ์การสื่อสารที่ครอบคลุมทุกช่องทาง ทั้งบิลบอร์ด LED และสื่อในร้านค้า ควบคู่ไปกับการตลาดออนไลน์ที่เน้นวิดีโอ การใช้ KOLs และ Influencers เพื่อสร้างกระแสในกลุ่มคนรุ่นใหม่ แสดงให้เห็นว่ายาดมก็เป็นไอเท็มที่มีสไตล์และสะท้อนตัวตนได้

ช่องทางจำหน่ายที่ทรงพลัง (Powerful Distribution Channel) การเลือกวางขายแบบเอ็กซ์คลูซีฟในราคาหลอดละ 39 บาท ที่ร้าน 7-Eleven ทั่วประเทศ เพราะช่วยกระจายสินค้าไปถึงผู้บริโภคได้อย่างรวดเร็วและทั่วถึง ทำให้เกิดการรับรู้ในวงกว้างได้ทันที

เคสของ “ยาดม สควิด เป๊ป” ก็เป็นอีกหนึ่งที่น่าสนใจหลายอย่างสำหรับการทำ Collaboration Marketing เลยครับ ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของ

การตลาดเป๊ปเปอร์มิ้นท์ ฟิลด์
  • ความร่วมมือต้องมีความหมาย การเลือกพาร์ทเนอร์ที่ดีไม่ใช่แคมีชื่อเสียงเพียงอย่างเดียว แต่ต้องมาจากการหาจุดเชื่อมโยงที่แข็งแกร่งระหว่างแบรนด์และพาร์ทเนอร์ การที่เป๊ปเปอร์มิ้นท์ ฟิลด์ เชื่อมโยง “ความสดชื่น” เข้ากับ “การเอาตัวรอด” ได้ คือคีย์สำคัญที่ทำการร่วมมือในครั้งนี้มีความสอดคล้องกับเป้าหมายทีแบรนด์ตั้งเอาไว้
  • ลงทุนในการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ อย่าแค่เปลี่ยนแพ็กเกจจิ้ง การลงทุนพัฒนากลิ่นและดีไซน์ใหม่ร่วมกับพันธมิตร แสดงถึงความจริงใจและทำให้ผู้บริโภครู้สึกว่าได้รับของที่ “พิเศษ” จริง ๆ
  • เปลี่ยนสินค้าธรรมดาให้เป็นของน่าสะสม แคมเปญนี้แสดงให้เห็นว่า แม้แต่สินค้าในชีวิตประจำวันอย่างยาดม ก็กลายเป็นของสะสม (Collectible Item) ที่สร้างกระแสได้ ด้วยดีไซน์ เรื่องราว และการทำเป็น Limited Edition
  • เข้าใจจิตใจกลุ่มเป้าหมาย: แบรนด์แสดงให้เห็นว่าเข้าใจ Gen Z อย่างลึกซึ้ง ทั้งความสนใจใน Pop Culture และความต้องการแสดงตัวตนผ่านสินค้าที่ใช้

สรุป

ต้องบอกเลยว่ากลยุทธ์ การตลาดเป๊ปเปอร์มิ้นท์ ฟิลด์ ที่ร่วมมือกับ Netflix SQUID GAME ไม่ใช่แค่แคมเปญที่ต้องการแค่ประสบความสำเร็จด้านยอดขาย แต่เป็นหมุดหมายสำคัญที่แสดงวิสัยทัศน์ของแบรนด์ไทยในการก้าวสู่ระดับโลก 

ซึ่งก็เป็นอีกเเคมเปญที่ถูกทำอย่างสร้างสรรค์ เพราะคงไม่มีใครคิดว่าจะมียาดมฟิล ๆ “กลิ่นการเอาตัวรอด” ซึ่งก็ชวนให้เราอยากจะซื้อมาลองดมสักครั้งเหมือนกัน

สุดท้ายก็ต้องบอกว่า Collaboration Marketing ก็ยังคงเป็นกลยุทธ์ที่ทรงพลังอย่างยิ่งในการสร้าง Brand Love และขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน ถ้าแบรนด์สามารถสร้างสรรค์สิ่งใหม่ แตกต่าง และตรงความต้องการของผู้บริโภคได้ครับ

อ่านบทความเพิ่มเติมได้ที่นี่

Marketing Content Creator and Data Insight Researcher

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *